ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วิธีเจริญทิพพจักขุญาณ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=63237 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 21 ก.พ. 2023, 06:44 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | วิธีเจริญทิพพจักขุญาณ | ||
คำอธิบายวิธีเจริญทิพพจักขุญาณ [๔๐๒) กุลบุตรผู้เริ่มบำเพ็ญเพียรต้องการจะเห็นตามที่ก ล่าวมานี้ พึงทำปาทกฌานอันเป็น พื้นฐานของอภิญญาที่มีกสิณเปินอารมณ์ ในกสิณ ๘ อย่าง"* ให้ควรแก่การน้อมนำจิตโดย ประการทั้งปวง (คือ การฝึกจิตตัวยวิธี ๑๔ อย่าง มีจิตประกอบคัวยองค์ ๘ และทำเหตุเกิด ๔ บาทฐาน ๔ เหตุย่อย ๘ และมูลเหตุ ๑๖ ให้สำเร็จ"*#แล้วทำกสิณหนึ่งใน ๓ ชนิดเหล่านี้ คือ เตโชกสิณ โอทาตกสิณ และอาโลกกสิณให้ใกล้!ต่อการเกิดขึ้นของทิพพจักขุญาณ"*] พึงขยาย (กสิณรับเอาอารมณ์ของอุปจารฌานแล้วพึงหยุดไว้ ดวามหมายคือ ไม่ต้องทำให้อัปปนาเกิดขึ้น ในกสิณอารมณ์ที่ขยายแล้วนั้น ถ้าเธอทำให้อัปปนาเกิดขึ้น อารมณ์นั้นจะเป็นที่อาศัยของปาทกฌาน (คือ รับปาทก- ฌานเป็นอารมณ์ "**]ไม่เป็นที่อาศัยของบริกรรม และอาโลกกสิณเท่านั้นดีเลิศที่สุดในกสิณ ๓ อย่างเหล่านี้ ดังนั้น พึงยังอาโลกกสิณนั้นหรือกสิณอื่นจากนี้ให้เกิดขึ้นตามวิธีที่ได้มากล่าวแล้ว ในกสิณนิทเทส แล้วหยุดอยู่ในระดับอุปจารสมาธิก่อนจึงขยายออกไป (เพราะปฏิภาคนิมิดเกิด ร่วมกับอุปจารฌาน"] พึงทราบวิธีขยายปฏิภาคนิมิตของกสิณนั้นตามวิธีที่กล่าวมาแล้วใน กสิณนิทเทสนั้นเอง เธอจะพึงดูรูปได้ภายในสถานที่ซึ่งถูกขยายแล้ว (ไม่คูรูปภายนอก เพราะการดูรูปภาย- นอกเป็นเหตุให้จิตชัดส่าย"*แต่เมื่อเธอดูรูปอยู่ วาระของบริกรรม(คืออุปจารณานที่มีกสิณตาม ที่กล่าวไว้เป็นอารมณ์ "* ย่อมผ่านพันไป ดังนั้น แสงสว่างจึงหายไป เมื่อแสงสว่างนั้นหายไป เธอจึงไม่เห็นรูป (เพราะทั้งสองอย่างนั้นคือการเห็นรูปที่มีได้ด้วยอาโลกกสิณและอาโลกกสิณที่มีได้ ด้วยอำนาจบริกรรม ย่อมมีไม่ได้โดยปราศจากบริกรรม" ลำดับนั้นเธอต้องเข้าปาทกฌานซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วออกจากฌานนั้นแล้วแผ่แสงสว่าง เนตติปกรณ์/411
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 21 ก.พ. 2023, 09:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิธีเจริญทิพพจักขุญาณ |
เมื่อทำอย่างนี้แสงสว่างจะแจ่มจ้าขึ้นตามสำดับ ดังนั้น แสงสว่างจึงคงอยู่ในสถานที่ชื่อกำหนดว่า แสงสว่างจงมีในสถานที่นี้ ถึงเธอนั่งดูอยู่ตลอดวันก็เห็นรูปได้ (เพราะเมื่อแสงสว่างมีกำลังดำรงอยู่ ได้นานเหมือนย่างนั้น เธอย่อมเห็นรูปในที่สถานที่แงสว่างแผ่ไปได้นานเช่นกัน""บุรุษผู้เดิน ทางในราตรีด้วยคบเพลิงหญ้าเป็นคำอุปมาในเรื่องนี้ ได้ยินมาว่า ชายคนหนึ่งใช้คบเพลิงหญ้าส่องทางเดินไปในเวลากลางคืน คบเพลิงนั้น ของเขาดับไปในเวลานั้นเขาไม่รู้ว่าทางเดินราบเรียบหรือขรุบระ จึงคุ้ยเขี่ยคบเพลิงนั้นที่ ที่แผ่นดินแล้วทำให้ลุกโพลงขึ้นใหม่ พอมันสุกโพลงขึ้นส่องแสงสว่างมากกว่าเดิม เมื่อเขาจุด คบเพลิงที่ดับลงอย่างนี้ให้สว่างบ่อยๆ ควงอาทิตย์อุทัยขึ้นตามลำดับ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วเขา คิคว่าเราไม่ต้องใช้คบเพลิง จึงทิ้งคบเพลิงนั้นแล้วเดินทางได้ตลอดวัน ในคำอุปมานั้น - ก. แสงสว่างของกสิณในเวลาบริกรรม เหมือนแสงสว่างของคบเพลิง ข. การไม่เห็นรูปเมื่ออาโลกกสิณหายไปด้วยการส่วงวาระของบริกรรมของผู้เห็นรูป อยู่ เหมือนการไม่เห็นที่เรียบหรือขรุขระในเมื่อคบเพลิงดับไป ค. การเข้า(ปาทกฌาน(ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนการคุ้ยเขี่ยคบเพลิงบ่อยๆ จ. การแผ่แสงสว่างให้มีกำลังกว่าเดิมของผู้ที่ทำบริกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนการ ทำคบเพลิงให้สว่างไสวกว่าเดิม ง. การที่แสงสว่างอันแจ่มจ้าคงอยู่ตามที่กำหนดไว้ เหมือนการที่พระอาทิตย์อุทัย จ. การทิ้งแสงสว่างเล็กน้อยแล้วดูรูปด้วยแสงสว่างอันแจ่มจ้าทั้งวัน เหมือนการทิ้ง คบเพลิงแล้วเดินทางได้ตลอดวัน ในการเห็นรูปดังกล่าว เมื่อรูปเหล่านี้ คือ รูปอยู่ในภายในท้อง รูปอาศัยหทัยวัตถุ รูป อาศัยอยู่ใช้พื้นดิน รูปอยู่นอกฝา นอกภูเขา และนอกกำแพง รวมทั้งรูปที่อยู่ในจักรวาลอื่น นั้น ไม่มาปรากฎทางตาเนื้อ ได้ปรากฎทางญาณจักษุของภิกษุนั้นเหมือนเห็นด้วยตาเนื้อ ในเวลานั้น ทิพพจักขุญาณย่อมเป็นอันเกิดแล้ว และในจิตที่เห็นได้เหล่านี้ ทิพพลักขุญาณนั้นอย่างเดียวเห็น |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 21 ก.พ. 2023, 09:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิธีเจริญทิพพจักขุญาณ |
รูปได้ มิใช่จิตเบื้องตัน (คืออาวัชชนจิตและบริกรรมจิด เพราะจิตเหล่านั้นแม้รับอารมณ์ให้ก็ไม่เห็น รูปารมณ์นั้นชัดเจน ตามควา เป็นจริง เหมือนอาวัชชนจิจและสัมปฏิจฉนจิต ทิพพจักขุนั้นอาจเป็นอันตรายแก่ปุถุชน เพราะสถานที่ทุกแห่งที่เขาอธิษฐานว่า จงสว่าง มีแสงสว่างจ้าเป็นอันเดียวกัน ทะลุแผ่นดิน ทะเล และภูเขา ในเาเช่นนั้น เมื่อเธอเห็น รูปร่างของยักษ์และรากษสเป็นต้นอันน่ากลัวใยที่นั้น ความหวาดกลัวย่อมเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เธอมี จิตสัดส่ายอาจเคลื่อนจากฌานได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการดูรูป[ด้วยการเจริญวิปัสสนา หรือรู้เห็นอริยสัจ ๔ โคยไม่ยินดีพอใจว่าเราได้บรรลุทิพพจักขุญาณแล้ว"* การเกิดขึ้นของทิพพจักขุญาณ ในเรื่องนั้นการเกิดขึ้นของทิพพจักขุญาณมีลำดับดังนี้ เมื่อมโนทวาราวัชชนจิตรับเอา รูปดังกล่าวนั้นเป็นอารมณ์เกิดขึ้นแล้วดับไป ชวนะ ๔ หรือ ๕ ดวงย่อมเกิดขึ้นรับเอารูปนั้นเป็น อารมณ์ พึงทราบข้อความทั้งหมคตามนัยก่อน แม้ในที่นี้จิตเบื้องต้นเป็นกามาวจรจิตที่เป็น พร้อมกับวิตกและวิจาร จิตที่ทำให้สำเร็จหน้าที่เห็นในที่สุดเป็นรูปาวจรจิตอันประกอบด้วย จตุตถฌาน ญาณที่เกิดร่วมกับจิตนั้นเรียกว่า จุตูปปาตญาณ (ญาณรู้เห็นจุติและปฏิสนธิของ เหล่าสัตว์) บ้าง ทิพพจักขุญาณบ้าง จบเรื่องจุตูปปาตญาณ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |