ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ใครย่นทางให้ใกล้และให้ไกล http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=61911 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 เม.ย. 2022, 10:08 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ใครย่นทางให้ใกล้และให้ไกล | ||
๓๑๗ พระผู้มีพระภาคย่อทางไกลให้ใกล้ได้ พระองค์เสด็จไปสู่เทวโลกเมี่อเสร็จสิ้นยมกปาฏิหาริย์ ทรงย่อภูเขายุคลธรและภูเขาสิเนรุให้ใกล้ ยกพระบาทข้างหนึ่งจากพื้นแผ่นดิน วางบนภูเขายุคลธร แล้วยกพระบาทข้างที่ ๒ วางไว้บนเขาสืเนรุ วิสุทธิมรรคมหาฎีกาอธิบายเรื่องนี้ว่า ยมกปาฏิหาริยาวสาเน(เมื่อเสร็จสิ้นยมกปาฏิหารริย์) แต่ในที่อื่น(อรรถกถาของลักขณสูตร) ได้กล่าวถึงอานิสงส์ของพระลักษณะ ผู้มีปัญญาพึงพิจารณาเอาข้อความทั้งสองอย่างไม่ขัดแย้งกัน ข้อนี้หมายความว่า ในอรรถกถาของทีฆนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค ลักขณสูตร คำอธิบายลักษณะ ฝ่าพระบาทเสมอกัน(สุปติฏฐิตปาทตาลักขณวัณณนา) กล่าวว่า เมื่อพระพุทธองค์ทรงเหยียบพระบาท ในสถานที่ลุ่ม สถานที่นั้นจะสูงขึ้นจนราบเรียบเองเหมือนสูบลมเหมือนนายช่างทองที่อัดแน่นด้วยลม หรือเมื่อทรงเหยียบพระบาทในสถานที่ที่สูงเหมือนภูเขาสูงใหญ่ สถานที่นั้นจะน้อมงงมใกล้พระบาทเอง เหมือนหน่อหวายที่ถูกลนไฟ ตามคำอธิบายนี้พระพุทธองค์มิได้ทรงใช้ฤทธิ์ย่อทางไกลให้ใกล้ แต่เป็นปาฏิหาริย์ที่สำเร็จตามธรรมชาติของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพราะพระองค์ได้สั่งสมบารมี ด้วยการดำรงมั่นในกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็ยเวลาช้านาน ดังข้อกล่าวว่า ถ้าพระตถาคตจะยกย่างพระบาทโดยดำริว่า เราจักเหยียบเหวลึกหลายร้อยชั่วคน ทันใดนั้น ที่ลุ่มก็นะสูงขึ้นเป็นที่เสมอกันกับแผ่นดิน เหมือนสูบลมอัดแน่นของนายช่างทองที่อัดแน่นด้วยลม แม้สถานที่สูงก็ยุบลงภายใน เมื่อพระตถาคตย่างพระบาทโดยดำริว่า เราจักเหยียบในที่ไกล แม้ภูเขาใหญ่เท่าภูเขาสิเนรุก็จะน้อมลงมาใกล้พระบาท เหมือนหน่อหวายที่ถูกลนไฟ ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อพระตถาคตทรงทำยมกปาฏิหาริย์แล้วย่างพระบาทโดยดำริว่า เราจักเหยียบภูเขา ยุคลธร ภูเบานั้นก็จะน้อมลงมาใกล้พระบาท พระองค์ทรงเหยียบภูเขานั้น แล้วทรงเหยียบถึงภพดาวดึงส์ ด้วยพระบาทที่สอง สถานที่นั้นอันจักรลักษณะประดิษฐานไม่อาจเป็นสถานที่ราบเรียบ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 เม.ย. 2022, 12:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครย่นทางให้ใกล้และให้ไกล |
ถามใครอื่นทำได้อีกหรือ ตอบว่า พระโมคคัลลานเถระทำได้ กล่าวคือ ทำให้บริษัท ๑๒ โยชน์ พระเถระย่นทางไปสู่เมืองสังกัสสะ ๓๐ โยชน์ ทำให้บริษัท ๑๒ โยชน์ ผู้บริโภคอาหารแล้วออกจากกรุงสาวัตถีให้ถึงได้ทันที อีกเรื่องหนึ่ง แม้พระจูฬสมุททเถระลังกาทวีปก็เคยทำ เล่าสืบกันมาว่า ในสมัยข้าวยากหมากแพง ภิกษุ ๗๐๐ รูปเข้าไปหาพระเถระแต่เช้าตรู่ พระเถระคิดว่า ภิกษุสงฆ์มีมาก จักมีสถานที่บิณฑบาตที่ไหน ไม่เห็นในทวีปลังกาทั้งหมด แต่เห็นว่าจักมีในเมืองปาฏลีบุตรฟากโน้นจึงให้ภิกษุทั้งหลายถือบาตร และจีวรกล่าวว่า มาเถิดผู้มีอายุ เราจักไปบิณฑบาต แล้วย่นแผ่นดินไปสู่เมืองปาฏลีบุตร ภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า เมืองนี้เป็นเมือวไหนขอรับ พระภิกษุตอบว่า เมืองปาฏลีบุตร อาวุโส ท่านขอรับเมืองปาฏลีบุตรอยู่ไกล ผู้มีอายุ พระเถระผู้เฒ่าย่นทางให้ใกล้ได้ มหาสมุทรอยู่ไหน ขอรับ อาวุโส ท่านข้ามแม่น้ำเชี่ยวสายหนึ่งมาในระหว่างทางมิใช่หรือ จริงละ ขอรับ แต่มหาสมุทรกว้างใหญ่ อาวุโส พระเถระผู้เฒ่าทำของใหญ่ให้เล็กได้ แม้พระติสสทัตตเถระก็เหมือนพระจูฬสมุททเถระนี้ ท่านสรงน้ำในเวลาเย็น ห่มผ้าอุตตราสงค์ (ผ้าจีวร) แล้วเกิดคิดขึ้นว่า จักไหว้ต้นพระศรีมหาโพธิ ได้ทำอยู่ใกล้ ข้อความว่า"ต้นพระศรีมหาโพธิ" คือ ต้นพระศรีมหาโพธิอันเป็นบัลลังก์แห่งชัยชนะ หมายความว่า "เกิดความคิดขึ้นได้ทำให้อยู่ใกล้" หมายความว่า ได้ย่อแผ่นดินและมหาสมุทรต่อจากความคิด ที่เกิดขึ้นนั้นเองแล้วทำให้อยู่ใกล้ต้นพระศรีมหาโพธิ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 เม.ย. 2022, 15:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครย่นทางให้ใกล้และให้ไกล |
พระองค์ทรงทำทางใกล้ระหว่างพระองค์กับโจรองคุลิมาลให้ไกลได้ การทำทางใกล้ระหว่างพระองค์กับโจรองคุลิมาลให้ไกล คือ เมื่อพระองค์ทรงปราบโจรองคุลิมาล ได้ทรงย่นแผ่นดินเสด็จไป แต่ได้เนรมิตทางใกล้ให้ไกลจนโจรองคุลิมาลต้องวิ่งต่อไปนานเพียงใด ก็ไม่ทันพระพุทธองค์ นอกนั้นเนรมิตร่องน้ำเล็กให้เป็นร่องน้ำใหญ่ และเนรมิตก้อนดินเล็กให้เป็น เนินดินใหญ่ข้างหน้าโจรองคุลิมาลอีกด้วย ทำให้โจรองคุลิมาลไม่อาจวิ่งทันพระพุทธองค์ได้ จึงสรุปว่าความว่า พระพุทธองค์ทรงแสดงฤทธิ์ ๓ อย่างในเรื่องนี้ คือทำทางไกลให้ใกล้กับพระพุทธองค์ ทำทางใกล้ให้ไกลกับโจรองคุลิมาล และทำของเล็กให้ใหญ่ ดังข้อความว่า ข้อความว่า"ทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร" หมายความว่า ทรงย่นมหาปฐพีเหมือนให้เหมือนลูกคลื่น เกิดขึ้นแล้วทรงเหยียบเกลียวคลื่นด้านนอก เกลียวคลื่นด้านในก็ปาากฏออกมา องคุลิมาลทิ้งคันศร แล้วเดินไป พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเนินใหญ่เบื้องหน้าพระองค์เองประทับอยู่ตรงกลาง โจรอยู่ริมสุด องคุลิมาลนั้นคิดว่า บัดนี้เราไล่จับสมณะนั้น จึงวิ่งไปด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด พระผู้มีพระภาค ทรงอยู่ที่ริมสุดของเนิน โจรคุลิมาลอยู่ตรงกลาง เขาคิดว่า เราจักไล่จับสมณะนั้นในที่นี้ จึงวิ่งไปโดยเร็ว พระผํมีพระภาคทรงแสดงเหมืองหรือเนินดินในเบื้องหน้าโจรนั้น โดยอุบายนี้ พระองค์เสด็จดำเนิน ไปได้ ๓ โยชน์ โจรเหนื่อยหอบ น้ำลายในปากเหือดแห้ง เหงื่อไหลออกจากรักแร้ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 เม.ย. 2022, 06:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครย่นทางให้ใกล้และให้ไกล |
ถ้าท่านผู้ทรงฤทธินั้นที่มีจิตชำนาญ(ในสมาบัติ ๘ )ต้องการจะไปสู่พรหมโลก ย่อมอธิษฐานที่ไกล ให้ใกล้ว่า"จงอยู่ใกล้"ก็เป็นที่ใกล้ได้ ย่อมอธิษฐานที่ใกล้ให้ไกลว่า"จงอยู่ไกล"ก็เป็นที่ไกลได้ ย่อมอธิษฐานของมากให้น้อยว่า"จงน้อย"ก็เป็นของน้อยได้ ย่อมอธิษฐานของน้อยให้มากกว่า"จงมาก" ก็เป็นของมากได้ เห็นรูปของพรหมนั้นด้วยตาทิพย์ ได้ยินเสียงด้วยหูทิพย์ รู้จิตด้วยเจโตปริยญาณ ถ้าเธอต้องการจะไปสู่พรหมโลกด้วยกายที่เห็นชัด ย่อมน้อมจิตอธิษฐานด้วยอำนายกาย ครั้นแล้วหยั่งลงสู่สุขสัญญา(สัญญาที่ประกอบกับฌานสุข) และลหุสัญญา(สัญญาที่ประกอบ ด้วยความเบา) ไปสู่พรหมโลกด้วยกายที่เห็นชัด เธอย่อมเนรมิตรูปที่สำเร็จด้วยใจ ด้วยอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง ในเบื้องหน้าของพรหมนั้น หากเธอเดินจงกรม แม้รูปกายเนรมิตก็เดินจงกรมในที่นั้น ถ้าเธอยืน นั่ง หรือนอน รูปกายเนรมิตก็ยืน นั่ง หรือนอนในที่นั้น ถ้าเธอบังหวนควันพ่นไฟ แสดงธรรม ถามปัญหา หรือตอลปัญหาที่ถาม แม้รูปกายเนรมิต ... หรือตอบปัญหาถามในที่นั้น ถ้าเธอยืนสนทนาปราศรัยกับพรหมนั้น แม้รูปกายเนรมิตก็ยืนสนทนาปราศรัยกับพรหมนั้นในที่นั้น โดยแท้จริงแล้ว ท่านผู้ทรงฤทธินั้นทำกิจใดๆ อยู่ รูปกายเนรมิตก็ทำกิจนั้นๆเหมือนกัน ในพระบาลีนั้น คำว่า ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฐาติ (อธิษฐานไกลให้ใกล้)หมายความว่าท่านผู้ทรงฤทธิ์ ออกจากปาทกฌานแล้วน้อมนึกถึงเทวโลกหรือพรหมโลกที่อยู่ไกลว่า"จงอยู่ใกล้" แล้วบริกรรม เข้าฌานอีก แล้วจึงอธิษฐานด้วยญานว่า "จงอยู่ใกล้"ก็เป็นที่ใกล้ แม้บทที่เหลือก็มีในเดียวกัน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |