ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ญาณทัสสนะหาได้ที่ไหน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=61730
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 01 มี.ค. 2022, 04:59 ]
หัวข้อกระทู้:  ญาณทัสสนะหาได้ที่ไหน

๑๒๘
ถามว่า : การขัดขวางญาณทัสสนะ(การรู้เห็นด้วยญาณ)ย่อมมีได้ที่ไหน
ตอบว่า : การไม่รู้เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตนนี้ ย่อมขัดขวางญาณทัสสนะ
เหมือนบุรุษในโลกนี้แม้เห็นดวงดาวก็ไม่รู้จำนวน การไม่รู้นี้ย่อมขัดขวางญาณทัสสนะ

อนึ่ง ญาณทัสสนะของพระผู้มีพระภาคไม่ติดขัดแล้ว เพราะพระองค์ผู้ตรัสรู้แล้วได้ทรงรู้เห็นด้วย
อนาวรณญาณ(ญาณไม่มีสิ่งขัดขวาง)

เมื่อญาณทัสสนะเกิดขึ้นอยู่ ย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า สังขตธรรมไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
ส่วนอวิชชาที่ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น เป็นสิ่งที่ขัดขวางญาณทัสสนะ แต่พระพุทธองค์
ทรงละอวิชชาได้โดยเด็ดขาด จึงไม่มีสิ่งใดขัดขวางญาณทัสสนะของพระองค์
โค้ด:
ตตฺถ เสเขน ทฺวีสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ รกฺขิตพฺพํ เคธา จ รชนีเยสุ ธมฺเมสุ. โทสา จ ปริยุฏฺฐานีเยสุ.
ตตฺถ ยา อิจฺฉา มุจฺฉา ปตฺถนา ปิยายนาฺ ตํ ภควา นิวาเรนฺโต เอวมาห กาเมสุ นาคีคิชฺเฌยยา"ติ 

ในการวิสัชนาปัญหานั้น พระเสกขะพึงรักษาจิตในธรรม ๒ ประการ คือ พึงรักษาจิตจากโลภะ
ในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด และพึงรักษาจิตจากโทสะในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งการขัดเคือง

ในเรื่องนั้น พระผู้มีพระภาคทรงห้ามความอยากด้วยราคะ ความหมกมุ่นด้วยโมหะ ที่เกิดพร้อมกับโลภะ
จึงตรัสว่า ภิกษุไม่พึงกำหนัดยินดีในกามทั้งหลาย


ข้อความนี้แสดงปฏิปทาแห่งความเป็นพระเสกขะและพระอเสกขะว่า
บุคคลพึงคุ้มครองจิต ไม่ให้เกิดโลภะในอิฏฐารมณ์ และไม่ให้เกิดโทสะในอนิฏฐารมณ์
ส่วนโมหะก็เกิดร่วมกับโลภะและโทสะนั่นเอง โดยทำหน้าที่ปิดบังโทษของโลภะและโทสะ
ตามหน้าที่ของโมหะว่า อารมฺมณสภาวจฺฉาทนรโส (โมหะมีหน้าที่ปิดบังสภาวะที่แท้จริงของอารมณ์)


ไฟล์แนป:
istockphoto-615980210-612x612.jpg
istockphoto-615980210-612x612.jpg [ 64.16 KiB | เปิดดู 428 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 01 มี.ค. 2022, 07:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ญาณทัสสนะหาได้ที่ไหน

คำว่า มนสานาวิโล สิยา (มีใจไม่ขุ่นมัว) กล่าวถึงการละกิเลสที่กลุ้มรุมจิต(ปริยุฏฐานกิเลส)
โดยแท้จริงแล้ว เมื่อพระเสกขะยินดีอยู่ ย่อมยังกิเลสที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น และเพิมพูนกิเลสที่เกิดขึ้นแล้ว

ส่วนพระเสกขะใดมีความดำริไม่ขุ่นมัว ย่อมพยายาม ย่อมปรากฏความเพียร ย่อมประคองจิตไว้
ย่อมตั้งความเพียรเพื่อความไม่เกิดขึ้นแห่งอกุศลอันทรามที้ยังไม่เกิดขึ้น เขาย่อมฉันทะให้เกิดขึ้น
ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิตไว้ ย่อมตั้งความเพียร เพื่อความกำจัด
อกุศลอันทรามที่เกิดขึ้นแล้ว เขาย่อมยังฉันทะให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร
ย่อมประคองจิตไว้ ย่อมตั้งความเพียร เพื่อความเกิดขึ้นแห่งกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
เขาย่อมยังฉันทะให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิตไว้ ย่อมตั้งความเพียร
เพื่อดำรงค์อยู่ เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความภิญโญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ
เพื่อความบริบูรึณ์แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว

คำว่า มนสานาวิโล สิยา (มีใจไม่ขุ่นมัว) คือ มีใจไม่ขุ่นมัวด้วยปริยุฏฐานกิเลสอันได้แก่กามสังกัปปะ คือ
ความดำริในกาม พยาบาทสังกัปปะ คือ ดำริในการปองร้าย และวิหิงสาสังกัปปะคือความดำริในการเบียดเบียน

พระเสกขะยังมีกิเลสบางส่วนอยู่ ถ้าท่านยินดีพอใจอิฏฐารมณ์ที่น่าเพลิดเพลิน ก็จะบรรลุอรหันต์ไม่ได้
พระกัจจายนะจึงแสดปฏิปทาของพระเสกขะเพื่อการบรรลุอรหัตตผลโดยเน้นสัมมัปปธาน ๔ คือ
การไม่ทำอกุศลใหม่ การละอกุศลเก่า การบำเพ็ญกุศลใหม่ และการเพิ่มพูนกุศลเก่า

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/