ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
อุปธิ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=61558 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 12 ม.ค. 2022, 18:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | อุปธิ |
คำว่า อุปธิ แปลว่า ที่ตั้ง หมายถึง ที่ตั้งแห่งทุกข์ สุข และโสมนัส โดยองค์ธรรมคือกามคุณ ๕ ขันธ์ ๕ กิเลส ๑๐ โลกียกุศลกรรม และอกุศลกรรม จำแนกออกเป็น ๔ ประเภท คือ ๑. กามูปธิ กามคุณ ๕ เป็นที่ตั้งแห่งสุขและโสมนัส แม้กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะวจนัตถะนี้ว่า ความสุขที่บุคคลเข้าไปตั้งไว้ในกามคุณนี้ ก็เพราะความที่กามเหล่านี้ เป็นที่อาศัยอยู่แห่งความสุขดังที่ตรัสไว้ อย่างนี้ว่า ความสุข ความโสมนัส อันใด อาศัยกามคุณ ๕ เกิดขึ้น นี้ชื่อว่า ความพอใจในกามทั้งหลาย ดังนี้. ๒. ขันธูปธิ ขันธ์ ๕ เป็นที่ตั้งแห่งกองทุกข์ทั้งหมดที่มีขันธ์เป็นเหตุ แม้ขันธ์ทั้งหลาย ก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่ขันธ์เหล่านั้น เป็นที่อาศัยอยู่ แห่งทุกข์ซึ่งมีขันธ์เป็นมูล. ๓. กิเลสูปธิ กิเลส ๑๐ เป็นที่ตั้งแห่งกองทุกข์ในอบาย แม้กิเลสทั้งหลาย ก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่กิเลสเหล่านั้นเป็นที่อาศัยอยู่แห่งทุกข์ในอบาย. ๔. อภิสังขารูปธิ กรรมที่เป็นโลกียกุศลกรรมและอกุศลกรรม เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์ในภพ แม้อภิสังขารทั้งหลายก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่อภิสังขารเหล่านั้น เป็นที่อาศัยอยู่แห่งทุกข์ในภพ. คนย่อมเศร้าโศกเพราะ อุปธิ เหมือนคนมีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร คนมีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโค บุคคลใดไม่มีอุปธิ เขาย่อมไม่เศร้าโศก อุปธิ หมายถึง กิเลสและกรรม จัดเป็นกิเลสชนิดหยาบที่สุดในกิเลส ๓ ระดับ คือ ๑.อนุสัยกิเลส กิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน ๒.ปริยุฏฐานกิเลส กิเลสอย่างกลางที่เกิดขึ้นจากการปรุงแต่งทางความคิด(แต่ยังเก็บไว้ในใจ) กิเลสอย่างกลางนี้คือ กิเลสประเภทนิวรณ์ ๓.วีติกกมกิเลส กิเลสอย่างหยาบคือกิเลสที่ทำให้สัตว์สร้างกรรมขึ้นมาทางกายและวาจา ซึ่งได้แก่ อุปธิ ทั้ง ๔ บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมให้ทานเพราะเหตุแห่งสุขอันก่อให้เกิดอุปธิ แต่บัณฑิตเหล่านั้น ย่อมให้ทานเพื่อความหมดสิ้นอุปธิ เพื่อนิพพานอันไม่มีภพต่อไป โดยส่วนเดียว |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 13 ม.ค. 2022, 05:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อุปธิ |
“บุญ” ก็ยังเป็น “อุปธิ” ถ้าไปแบก ไปหาม ไปหาบเข้า ก็หนักเหมือนกัน “ อุปธิ ” หมายถึง การแบก การทูน การหาบ การหาม การอะไรต่างๆซึ่งรวมเรียกสั้นๆว่า อุปธิ แปลว่า การถือไว้หรือทรงไว้ การเข้าไปทรงไว้ หมายความว่าเราเข้าไปอยู่ข้างใต้ แล้วสิ่งเหล่านั้นบรรทุกอยู่บนเรา อาการอย่างนี้เรียกว่า อุปธิ คนไม่รู้ไม่ฉลาดย่อมกระทำซึ่งอุปธิ... ข้อที่ว่า การแบก การทูน เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์นี้ ท่านทั้งหลายก็สวดร้องท่องบ่นอยู่ทุกวัน ได้แก่บทว่า “ สงฺขิตเตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา เสยฺยถีทํ รูปูปาทานกฺขนฺโธ สงฺขารูปาทานกฺขนฺโธ วิญฺญาณูปาทานกฺขนฺโธ” ดังนี้ เป็นต้น มีใจความเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วว่า เบญจขันธ์ที่ประกอบอยู่ด้วยความยึดมั่นถือมั่นนั่นแหละเป็นตัวทุกข์ อย่าได้ไปโทษ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อะไรให้มากนัก เพราะความแก่ ความเจ็บความตาย เป็นต้นนั้น ถ้าไม่ไปยึดมั่นถือมั่นแล้วหาเป็นความทุกข์ไม่ คนได้ไปยึดมั่น เบญจขันธ์ที่มีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย จนเกิดความรู้สึกสำคัญมั่นหมายว่า ความเกิดเป็นของเรา ความแก่ของเรา ความเจ็บของเรา ความตายของเรา อย่างนี้ขึ้นมาแล้วจึงได้เป็นทุกข์ต่างหาก.. แม้ที่สุดแต่สิ่งที่เรียกว่า “บุญกุศล” ก็เป็นอุปธิด้วยเหมือนกัน ดังพระพุทธภาษิตว่า ปุญฺโญปธิกํ บุญก็ยังเป็นอุปธิ เพราะว่าแม้สิ่งที่เรียกว่าบุญ ถ้าไปแบกไปหามไปหาบเข้าก็หนักเหมือนกัน “แบกหาม” ในที่นี้หมายถึง ยึดมั่นถือมั่นด้วย อุปาทานว่าเป็นของเรา เทียบให้เห็นได้ง่ายๆว่า บุญกับบาป ถ้ายึดถือแล้วก็เป็นของหนักเหมือนกัน เช่นว่าเราจะแบกก้อนหินเอาไปมันก็หนัก เราจะแบกถุงเงินถุงทองเอาไปมันก็ยังหนัก แม้แต่จะแบกถุงที่เต็มไปด้วยเพชรพลอย มันก็ยังหนักอยู่นั่นเอง ขึ้นชื่อว่าแบกแล้วย่อมเป็นความหนักทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า แม้สิ่งที่เรียกว่าบุญก็เป็นอุปธิ การกล่าวเช่นนี้มิใช่เป็นการสอน ให้หยุดทำบุญ หรือเลิกทำสิ่งที่เรียกว่าบุญ เพียงแต่สอนว่าอย่าให้แบกมันเข้าเท่านั้นเอง" |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |