ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

นิพพานมิใช่แสงสว่างไสว
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=61185
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 20 ต.ค. 2021, 15:01 ]
หัวข้อกระทู้:  นิพพานมิใช่แสงสว่างไสว

นิพพานที่บุคคลพึงตรัสรู้ได้ด้วยอริยมรรค เป็นสภาวะที่มองเห็นไม่ได้ ไม่มึขอบเขตแต่มีทางที่จะเข้าไปถึงไดัทุกด้าน ปรากฏอยู่ในทุกทิศ สว่างไสวโดยรอบ(คือมีความหมายว่า ถ้าปฏิบัติถูกแล้ว ย่อมสามารถตรัสรู้นิพพานได้ไม่ว่าจะอบู่ ณ ทิศทางใดก็ตาม) ในนิพพานนี้เอง ไม่มีอาโปธาตุ ปถวีธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ(อันเป็นส่วนที่เกี่ยวเนื่องด้วยอินทรีย์) ตั้งอยู่ และในนิพพานนี้ไม่มีทั้งอุปาทายรูปกล่าวคือความยาว ความสั้น ความบาง ความหนา ความงาม และความไม่งามตั้งอยู่ (หมายความว่ารูปที่กล่าวมานี้ได้ดับลงแล้วในนิพพานนี้) นามรูปทั้งปวงย่อมดับโดยเด็ดขาดได้ ในนิพพานนี้ (ข้อความตั้งแต่ต้นมาถึงตรงนี้เป็นการแสดงว่านิพพานเป็นที่ดับของนามรูป) เพราะความดับไปแห่งวิญญาณ (อันได้แก่ปรินิพพานจิต และอภิสังขารวิญญาณ) นามรูปทั้งปวงจึงดับโดยสิ้นเชิง

ที่ว่าสว่างไสวโดยรอบหรือผุดผ่องนั้น หมายความว่า ไม่มีอุปกิเลสเครื่องมัวหมองใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนกับที่กล่าวว่า ปญฺญาอาโลโก, ปญฺญาโอภาโส ปญฺญาโชโต ปัญญาดังแสงสว่าง ปัญญาดั่งโอภาส ปัญญาดั่งประทีปส่องแสงสว่างไสวนอกจากนี้พึงเปรียบเทียบกับความสว่างไสวของจิตที่ปราศจากอุปกิเลสดังที่ตรัสไว้ว่า ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ...ภิกษุทั้งหลาย จิตดวงนี้สว่างไสวผุดผ่อง ก็ที่ว่า จิตสว่างไสวนั้น ท่านอธิบายไว้ในสีลักขันธวัคคฎีกาว่า เป็นเพราะจิตไม่มีอุปกิเลสมารบกวนจึงบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ แต่ถ้าจะเอานิพพานเปรียบเทียบกับจิตแลัวปัญญานั้นดูยังไม่สนิทนักเพราะทั้งจิตและปัญญาต่างก็ยังมีวันที่จะมัวหมองด้วยอุปกิเลสได้ ส่วนพระนิพพานเนื่องจากเป็นสภาวะอันที่ดับกิเลสและสังขารทั้งมวล จึงไม่มีโอกาสที่จะถูกอุปกิเลสทำให้มัวหมองได้ เหมือนกับเอาสีไปป้ายทากลางอากาศเท่าไหร่ก็มิอาจสำเร็จได้ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่านิพพานเป็นสภาวธรรมที่ผุดผ่องสว่างไสวโดยรอบ เป็นความผุดผ่องที่ปราศจาดอุปกิเลสเครื่องมัวหมองแต่มิได้หมายความว่า นิพพานนั้นมีแสงสว่างเหมือนดวงดาวเดือน หรือแสงสว่างของพระอาทิตย์ เพราะถ้าขืนหมายความเช่นนั้น ก็จะไปขัดกับบทที่ว่า อนิทสฺสนํ= นิพพานเป็นสภาวะที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และยังขัดกับบทที่แสดงลักษณะเฉพาะของนิพพานเองว่า อนิมิตฺปจฺจุปฏฺฐานํ=นิพพานไม่มีอะไรปรากฏเป็นนิมิตหมาย นอกจากนี้แล้วยังจะขัดกับ บาลีมิลินทปัญหา ซึ่งได้นำมากล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้ และขัดกับพระบาลีอรรถกถาอื่นๆอีกหลายแห่ง

อนึ่ง เมื่อพระอรหันต์ปรินิพพานแล้ว นามรูปที่อยู่ทั้งหมดก็ดับลง ดังนั้นจึงไม่มีอภิสังขารวิญญาณที่เป็นฝ่ายกรรม ซึ่งสามารถจะให้ผลในภพต่อๆไป เมื่อไม่มีวิญญาณชนิดนี้แล้ว นามรูปอันใหม่ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นอันว่า ความสืบต่อแห่งสังสารวัฏของพระอรหันต์นั้นได้ขาดสะบั้นอย่างสิ้นเชิงดุจประทีปหมดเชื้อแล้วดับวูบฉะนั้น นี้เป็นคำอธิบายตามมติของท่านอรรถกถาจารย์ที่ว่า เอตฺถาปิสงฺขารปฏิกฺเขเปเนว นิพฺพานํ ทสฺสิตํ = แม้ในที่นี้พระองค์ทรงแสดงนิพพานด้วยการปฏิเสธความเกิดขึ้นแห่งสังขาร
(ม. อฏฺ ๔/๑๘)

ไฟล์แนป:
FB_IMG_1633594351888.jpg
FB_IMG_1633594351888.jpg [ 13.87 KiB | เปิดดู 1209 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/