วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 22:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2021, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




823b3b5466bc48af2f91fea943ef06ae.jpg
823b3b5466bc48af2f91fea943ef06ae.jpg [ 86.96 KiB | เปิดดู 919 ครั้ง ]
โค้ด:
อนินทรียพัทธรูปและบัญญัติก็เป็นสัจจวิมุตติ

นอกจาก มัคคจิตตุปปาท ๒๙ ผลจิตตุปปาท ๓๗ เป็นสัจจวิมุตติดังกล่าว มาแล้วนี้
ยังมีธรรมที่เป็นสัจจวิมุตติ อีก ๒ คือ อนินทรียพัทธรูป และ บัญญัติธรรม

อนินทรียพัทธรูป คือ รูปธรรมที่ไม่เนื่องด้วยอินทรีย์ นั่นก็หมายถึงรูปธรรม
ที่ไม่เนื่องด้วยสิ่งที่มีชีวิต
รูปธรรม ๒๘ ที่เป็นทุกขอริยสัจนั้น ต้องเป็น อินทรียพัทธรูป คือ รูปธรรมที่เนื่อง
ด้วยอินทรีย์ เป็นรูปธรรมที่เนื่องกับสิ่งที่มีชีวิต เท่านั้น ส่วนรูปธรรมที่ไม่เนื่องกับสิ่ง
ที่มีชีวิต คือ อนินทรียพัทธรูปนี้ จึงไม่ใช่ ทุกขอริยสัจ ก็เป็นธรรมที่พ้นพิเศษจาก
อริยสัจ ๔ เป็น สัจจวิมุตติไปบัญญัติธรรม เป็นธรรมที่สมมติขึ้นบัญญัติขึ้นตามโวหาร
ของชาวโลก เป็น สมมติไม่เหมือนกัน

โค้ด:
อนินทริยพัทธรูปไม่ใช่ทุกขสัจ


ในคัมภีร์อัฏฐกถาที่ยกมาข้างต้นนั้น คำว่า เตภูมกธมฺเม "ในเตภูมกธรรม" นั้น
คำว่า อริยทุกสัจ ท่านหมายเอาเฉพาะสภาวธรรมเป็นกามาวจร รูปาวจร และอรูปาวจร
ซึ่งเกิดขึ้นในขันธสันดานของสัตว์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ส่วนอนินทริยพัทธรูปที่ไม่
นับเนื่องในอัตภาพ ท่านไม่ได้จัดเป็นอริยทุกขสัจ สาเหตุเพราะว่า อนินทริยพัทธรูป
ทั้งหลายนั้นแม้จะได้ชื่อว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง เนื่องจากมีการเกิดการดับ ก็ตามแต่เนื่อง
จากมิใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของสมุทัย นอกนี้เนื่องจากมิใช่ธรรมที่มรรคสัจจะ
พึงประหานให้ดับไป จึงไม่จัดเป็นอริยทุกขสัจ เพราะฉะนั้น ในฐานะที่อนินทริยพัทธรูป
หรือพหิทธรูปกล่าวคือรูปภายนอกนั้นเป็นรูปที่มิได้เกิดจากสมุทัย แม้แต่รูปที่ควรแก่การ
เจริญวิปัสสนาเพื่อไม่ให้เกิดกิเลส โดยอาศัยพหิทรูปดังกล่าวมีเสื้อผ้าอาภรณ์ เป็นต้น เป็นอารมณ์
และเพื่อเป็นการเปรียบเทียบระหว่างพหิทธรูปและอัชฌัตติกรูปให้มองเห็นชัดเจนในเรื่องของหลัก
ไตรลักษณ์ คืออนิจจังและอนัตตา โดยอาศัยพหิทธรูปที่มีลักษณะอนิจจะ อนัตตาที่ปรากฏ
ชัดนั้นเป็นเครื่องเปรียบเทียบด้วยซึ่งแม้ว่าโยคีสามารถที่จะกำหนดหรือจะเจริญวิปัสสนา
ในพหิทธรูปที่ปรากฏขึ้นทางทวาร ๖ ทวารใดทวารหนึ่งก็ตามแต่อนินทริยพัทธรูปทั้งหมดเหล่านั้น
ก็ควรทราบว่ายังไม่ได้ชื่อว่า ปริญเญยยอริยทุกขสัจ "ทุกข์ที่ควรกำหนดรู้" อยู่ดี

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2021, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


สัจจะของตนเท่านั้นเป็นสิ่งที่โยคีควรรู้

ในบรรดาสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในขันธสันดานของสัตว์ทั้งหลายโยคีพึงทำการ
กำหนดรู้เฉพาะอริยสัจ ๔ ที้เกิดขึ้นในขันธสันดานของตนเท่านั้น สาเหตุเพราะว่า
ทุกขสัจที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของตัณหาสมุทัยของตนนั้นย่อมจะเกิดขึ้นภายในขันธสันดาน
ของตนเท่านั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นในขันธสันดานของผู้อื่นได้ แม้แต่การที่ทุกขสัจ
เกิดขึ้น เพราะตัณหาสมุทัยของบุคคลอื่น ก็ย่อมเกิดขึ้นได้เพราะในขันธสันดานของ
บุคคลอื่นเท่านั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในสันดานของตัวเรา

นอกจากนี้ มรรคสัจของตนนั่นแหละจึงจะสามารถทำให้ทุกข์และสมุทัยของ
ตนดับได้มรรคสัจของตัวเรานั้นไม่สามารถทำให้ทุกข์และสมุทัยของผู้อื่นดับได้แม้แต่
มรรคของผู้อื่นก็เช่นกัน คือ ไม่สามารถทำให้ทุกขและสมุทัยของเราดับลงได้
นอกจากนี้ การดับแห่งสมุทัยและทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับสันดานของพระอริยะ
แต่ละท่านนั้น ในพระบาลีและคัมภีร์อัฏฐกถาทั้งหลาย ท่านได้อธิบายไว้ราวกับ
ว่าการดับทุกขสมุทัยกล่าวคือนิโรธนั้นเป็นเสมือนอัชฌัตติกธรรมของพระอริยะ
ทั้งหลายนั่นเทียว ก็อริยสัจของบุคคลอื่นนั้น คนอื่นไม่สามารถที่จะรู้แจ้งได้ จะรู้
แจ้งได้เฉพาะของใครของมันเท่านั้น แต่กระนั้น หากผู้แจ้งอริยสัจ ๔ ของตนแล้ว
ก็สามารถที่จะอนุมานหรือรู้อริยสัจ ๔ ของผู้อื่นด้วยอนุมานญาณได้เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้แม้ว่าการเจริญวิปัสสนาในพหิทธรูปหรือสิ่งที่เป็นพหิทธสันดาน
จะสามารถทำให้เกิดมรรค ผลได้ แต่ก็พึงทราบว่าการรู้อริยสัจที่เป็นภายในเท่านั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2021, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


โค้ด:
การกำหนดรู้อริยสัจ ๔ ของตนสำคัญที่สุด

ทั้งในคัมภีร์พระไตรปิฎกและอัฏฐกถาได้แสดงความหมายนี้ไว้โดยตรงว่า
อนินฺทริยพัทธรูปที่ไม่มีจิตวิญญาณนั้น ไม่ได้จัดเป็นอริยทุกขสัจ(ทุกขสัจ)
อริยสัจทั้ง ๔ นั้นมีอยู่เฉพาะในขันธสันดานของเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่มีชีวิตเท่านั้น
ในคัมภีร์ฎีกาได้อธิบายให้ปร่กฏชัดเจนดังนี้ว่า สำหรับนิโรธสัจแม้จะเป็น
พหิทธธรรมกล่าวคือธรรมที่เป็นภายนอกอย่างแท้จริงก็ตาม แต่ถึงกระนั้นท่านก็จัด
นิโรธสัจนั้นให้อยู่ในกลุ่มอริยสัจของตนและของบุคคลอื่นทั้งสองฝ่าย

อนึ่ง ในการที่อริยสัจ ๔ อยู่ในขันธสันดานของสัตว์เหล่านี้ พึงทราบว่า โยคี
สามารถละสมุทัยสัจได้เฉพาะที่เป็นของตนเท่านั้น ซึ่งการละสมุทัยสัจของตนนั้น
นั้นแล จัดเป็นปหานปฏิเวธะและอภิสมยะ กล่าวคือการละรู้แจ้งแทงตลอด
และการตรัสรู้ อนึ่ง โยคีนั้นย่อมสามารถดับได้เฉพาะสมุทัยสัจและทุกขสัจ
ที่เป็นของตนเท่านั้น ซึ่งการกระทำให้แจ้งนิโรธะกล่าวคือการดับนั้นท่านเรียกว่า
"สัจฉิกิริยาปฏิเวธะ และอภิสมยะ กล่าวคือการประจักแจ้งแทงตลอดและการตรัสรู้
โยคีนั้นย่อมสามารถทำภาวนาหรือเจริญมรรค ๘ เฉพาะในขันธสันดานของตน
เท่านั้น ก็การทำภาวนาหรือเจริญมรรค ๘ นั้นนั่นเทียวเรียกว่า ภาวนาปฏิเวธะ
อภิสมยะ การเจริญทำให้มรรคเกิดขึ้นและการรู้แจ้งแทงตลอดและการตรัสรู้
ส่วนขันธสันดานของบุคคลอื่นนั้นเราไม่สามารถที่จะละสมุทัย ไม่สามารถที่จะ
กระทำให้แจ้งนิโรธ และสามารถที่จะเจริญมรรคของบุคคลอื่นได้ เพร่ะฉะนั้น
สมุทัย นิโรธ และมรรคของบุคคลอื่นจึงไม่สามารถเป็นปหานปฏิเวธะ สัจฉิกรณะ
และภาวนาสำหรับตัวเราได้ สรุปว่า การรู้อริยสัจ ๔ ที่เป็นของตนตามความเป็นจริง
เท่านั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2023, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




plantas-del-desierto-2-removebg-preview.png
plantas-del-desierto-2-removebg-preview.png [ 466.57 KiB | เปิดดู 920 ครั้ง ]
อนินทรียพัทธรูปและบัญญัติก็เป็นสัจจวิมุตติ

นอกจาก มัคจิตตุปปทาน ๒๙ ผลจิตตุปปทาน ๓๗ เป็นสัจจวิมุตติดังกล่าวมา
แล้วนี้ ยังมีธรรมที่เป็นสัจจวิมุตติอีก ๒ คือ อนินทริยพัทธรูป และ บัญญัตติธรรม
อนินทรียพัทธรูป คือรูปธรรมที่ไม่เนื่องด้วยอินทรีย์ นั่นก็หมายถึงรูปธรรมทีไม่
เนื่องด้วยสิ่งมีชีวิต รูปธรรม ๒๘ ที่เป็นทุกขอริยสัจนั้นต้องเป็น อินทรียพัทธรูป
รูปธรรมที่เนื่องด้วยอินทรีย์ เป็นรูปธรรมที่เนื่องกับสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ส่วนรูปธรรมทีไมเนื่อง
กับสิ่งที่มีชีวิต คือ อนินทรียพัทธรูปนี้จึงจึงไม่ใช่ทุกขอริยสัจ ก็เป็นธรรมที่พ้นพิเศษจากอริย-
สัจ ๔ เป็นสัจจวิมุตติไป

บัญญัตติธรรม เป็นธรรมที่สมมติขึ้นบัญญัติขึ้นตามโวหารของชาวโลก เป็นสมมติ
ไม่เหมือนกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 97 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร