วันเวลาปัจจุบัน 30 เม.ย. 2024, 00:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2022, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ผัสสะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?

การกระทบ กิริยาที่กระทบ กิริยาที่ถูกต้อง ความถูกต้อง ในสมัยนั้น
อันใด นี้ชื่อว่า ผัสสะมีในสมัยนั้น

(๒) จักษุและรูป เกิดจักขุวิญญาณ รวมธรรมทั้ง ๓ ประการเป็นผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
โสตและเสียง เกิดโสตวิญญาณ รวมธรรมทั้ง ๓ ประการเป็นผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
ฆานะและกลิ่น เกิดฆานวิญญาณ รวมธรรมทั้ง ๓ ประการเป็นผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
ชิวหาและรส เกิดชิวหาวิญญาณ รวมธรรมทั้ง ๓ ประการเป็นผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
กายและสัมผัส เกิดกายวิญญาณ รวมธรรมทั้ง ๓ ประการเป็นผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
ใจและธรรมารมณ์ เกิดมโนวิญญาณ รวมธรรมทั้ง ๓ ประการเป็นผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา

(๓) ผัสสะเป็นหนึ่งในเหตุปัจจัยในปฏิจจสมุปบาท เพราะสฬายตนะดับ
ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ

(๔) ผัสสะ ๖ หมวด คือ จักขุสัมผัส (การกระทบทางตา) โสตสัมผัส (การกระทบทางหู)
ฆานสัมผัส (การกระทบทางจมูก) ชิวหาสัมผัส (การกระทบทางลิ้น)
กายสัมผัส (การกระทบทางกาย) มโนสัมผัส (การกระทบทางใจ)

(๕) ผัสสะ ตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ ทั้งตนทำเอง ทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ ผัสสะบังเกิด
ขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ก็ไม่ใช่ แต่เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ

(๖) เมื่อใดบุคคลรู้ชัดซึ่งผัสสะ เหตุเกิดแห่งผัสสะ ความดับผัสสะ และปฏิปทาที่จะให้ถึงความ
ดับผัสสะ แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.

ก็ผัสสะ เหตุเกิดแห่งผัสสะ ความดับผัสสะ และทางที่จะให้ถึงความดับผัสสะเป็นไฉน?

เหตุเกิดแห่งผัสสะ ย่อมมีเพราะอายตนะ ๖ เป็นเหตุให้เกิด ความดับผัสสะย่อมมี
เพราะอายตนะ ๖ ดับ

อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือความเห็นชอบ ดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ
เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ความตั้งใจชอบ ชื่อว่าปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับผัสสะ

เมื่อใดบุคคลรู้ชัดซึ่งผัสสะ เหตุเกิดแห่งผัสสะ ความดับผัสสะ และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับ
ผัสสะอย่างนี้ๆ เมื่อนั้น ท่านละราคานุสัย บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนทิฏฐานุสัย และมานานุสัย
โดยประการทั้งปวง ละอวิชชา ยังวิชชาให้เกิด ย่อมกระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ในปัจจุบันเทียว

แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว ประกอบ
ด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.

อ้างอิง:
(๑) ธรรมสังคณี พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๔ ข้อที่ ๑๗ หน้า
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/ ... 34&item=17

https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=33&Z=87

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2022, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อเมื่อใดเราเป็นผู้กำหนดหรือกระทำความเพียรทางทวารใดทวารหนึ่ง ก็จะพบว่า
ขณะนั้นมีอายตนะทางทวารนั้น คือมีการเข้าไปรับรู้อารมณ์ภายนอก อาศัยอายตนะภายใน
ทำให้จิตเข้าไปรับรู้ ตามทวารนั้นๆ

ถ้าอาศัยทวารตา ก็ชื่อว่าไปรับรู้รูปารมณ์
ถ้าอาศัยทวารหู ก็เรียกว่าไปรับรู้สัททารมณ์
ถ้าอาศัยทวารจมูก ก็เรียกว่าไปรับรู้คันธารมณ์
ถ้าอาศัยทวารลิ้น ก็เรียกว่าไปรับรู้รสารมณ์
ถ้าอาศัยทวารกาย ก็เรียกว่าไปรับรู้โผฏฐัพพารมณ์
ถ้าอาศัยทวารใจ ก็เรียกว่าไปรับรู้ธัมมารมณ์

เมื่อไปรู้ทางทวารใดทวารหนึ่งโดยอาศัยธรรม ๓ ประการมาประชุมกันเราเรียกว่าผัสสะ
ถ้าเป็นทางทวารตาเราก็เรียกว่าจักขุสัมผัสสะ
ถ้าเป็นทางทวารหูเราก็เรียกว่าโสตะสัมผัสสะ ดังนี้เป็นต้น

ฉะนั้น ผัสสะตรงทวารเหล่านี้นั่นเอง ได้มี รูปนาม หรือขันธ์ ๕ หรือ กองทุกข์ ที่เป็นวิบาก หรือ ผล
ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยวิบากหรือผลเหล่านี้ ก็มาจาก อวิชชา ตัณหา เป็นเหตุจากการกระทำกรรมเหล่านี้
มาตั้งแต่ในอดีต ดังนั้นเราน่าจะพอทราบกันแล้วว่า ผัสสะ นั้นสาเหตุนั้นมาจากไหน

เมื่อเรารู้สาเหตุของผัสสะ เราก็ต้องมีสติปัญญาเข้าไปรู้ ทำการวิจัยตรงที่ผัสสะเพื่อมิให้เวทนา
เป็นอาหารของ ตัณหาและอุปาทาน เพื่อไปสร้างภพ สร้างชาติได้อีกต่อไป

อาจจะงงไหมว่ามันจะไปตัดอาหารของตัณหาอุปาทานได้ยังไง คือว่า เมื่อผัสสะถูกวิจัยด้วยสติปัญญา

ก็ในเมื่อใดวิชชาเกิดขึ้นในที่ใดในที่นั้นอวิชชาก็ต้องดับไป เพราะไม่มีอาหารทำให้เกิดขึ้น
หรืออีกอย่างหนึ่ง วิชชา กับ อวิชชาจะเกิดพร้อมกันไม่ได้ เมื่ออวิชชาเกิดไม่ได้ สังขารก็เกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อสังขารเกิดขึ้นไม่ได้ วิญญาณก็เกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้นการกระทำกรรม ภพ ชาติ ก็สืบต่อไปไม่ได้

ดังที่ว่าเราได้กระทำตัววิชชาให้เกิดขึ้นตรงผัสสะนั้น ก็คือการกระทำมรรคจิตให้เกิดขึ้น เพื่อไปทำลาย
กิเลสตัณหาไม่สืบต่อโดยมรรคจิตนั่นเอง

ก็นัยเหล่านี้มิใช่หรือที่เราควรดำริให้มีขึ้นในกาลนี้ ไม่ควรปล่อยให้มีในกาลไหนๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร