ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สังขาร ๓ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=51434 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 16 พ.ย. 2015, 17:57 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | สังขาร ๓ | ||
สังขาร ๓ มหากุศลจิต ๘ รูปาวจรกุศลจิต ๕ ได้แก่ ปุญญาภิสังขาร อกุศลจิต ๑๒ ได้แก่ อปุญญาภิสังขาร อรูปกุศลจิต ๔ ได้แก่ อเนญชาภิสังขาร กุศลกรรม ๘ ให้ผล ๑๖ พรุ่งนี้จะมาอธิบายให้ฟังโปรดติดตามตอนต่อไปครับ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 พ.ย. 2015, 05:37 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กุศลกรรม ๘ ให้ผลมากกว่าตน | ||
เจตนาเจตสิก เป็นครื่องชี้และกระตุ้นเตือนให้เกิดกรรมและวิบาก ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงกรรม ๒๙ (กามาวจรกรรม ๒๐ ที่เป็นกุศลและอกุศล มหัคคตกุศล ๙) และวิบาก ๓๒ (อเหตุจิต ๑๕ มหาวิบาก ๘ มหัคคตวิบาก ๙) (ดูภาพประกอบ) กรรมย่อมปรากฏทางทวาร ๓ ได้แก่ กายทวาร วจีทวาร มโนทวาร วิบากย่อมปรากฏทางทวาร ๖ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกุศลกรรมในกามภูมิ ได้อาศัยปัจจัยนั้นๆ (มีความบริบูรณ์แห่งกาลเป็นต้น) ย่อมมีผล หลากหลาย โดยความเป็น (โสมนัส อุเบกขา สเหตุกจิต อเหตุกจิต อสังขาริก และสสังขาริก) ในปฏิสนธิกาล และในปวัตติกาล กรรม ๘ อย่างให้ผล ๑๖ อย่าง พระพุทธองค์ทรงแสดงปฏิสนธิหนึ่งในเจตนา ที่เป็นอุปปัชชเวทนียกรรม และอปราปริยเวทนียกรรมปฏิสนธิต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นเพราะกรรมต่างกัน กรรมในติเหตุกะ(มีเหตุ ๓) ย่อมให้ผล เป็นติเหตุกะ(มีเหตุ ๓) ทวิเหตุกะ(มีเหตุ ๒) และอเหตุกะ(ไม่มีเหตุ) กรรมที่เป็นทวิเหตุกะ กรรมนั้นย่อมจะไม่ให้ผลเป็นติเหตุกะ(เหตุ๓) แต่จะให้ผลของตน เป็นทวิเหตุกะ(เหตุ๒) และอเหตุกะ(ไม่มีเหตุ) ปฏิสนธิที่เป็นติเหตุกะย่อมเกิดขึ้นด้วยกรรมที่เป็นติเหตุกะ แม้แต่ปฏิสนธิทวิเหตุกะ ก็เกิดขึ้นได้ด้วย แต่ปฏิสนธิเป็อเหตุกะย่อมไม่มี ปฏิสนธิที่เป็นทวิเหตุกะ ย่อมเกิดขึ้นด้วยกรรมที่เป็นเป็นทวิเหตุกะ แม้แต่ปฏิสนธิที่เป็นอเหตุกะก็เกิดขึ้นได้ แต่ปฏิสนธิที่เป็นติเหตุกะย่อมไม่มี กรรมที่เป็นอสังขาร ย่อมให้ผลที่เป็นอสังขารและสสังขาร เช่นเดียวกันนี้ กรรมที่เป็นสสังขาร ย่อมให้ผลที่เป็นอสังขารและสสังขาร เจตนาดวงหนึ่งก่อให้เกิดวิปากจิต ๑๖ ดวง
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 พ.ย. 2015, 06:24 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กุศลกรรม ๘ ให้ผลมากกว่าตน | ||
เจตนา ๘ อย่างในมหากุศลจิต ที่ชื่อว่า ปุญญาภิสังขาร ในกามภูมิ เป็นปัจจัย ๒ อย่างคือโดย นานาขณิกกรรมปัจจัย และ อุปนิสสยปัจจัย (สุคติปฏิสนธิ) วิปากจิต ๙ ดวงที่เป็นอเหตุกะ คือ กุศลวิบากอุเบกขาสันตีรณจิต ๑ และสเหตุกะ คือ มหาวิปากจิต ๘ ในปฏิสนธิกาลในกามภูมิ อธิบาย นานาขณิกกรรมปัจจัย (นานักขณิกกัมมปัจจัย เมื่อขณะกระทำทุจจริตก็ดี สุจริตก็ดี เจตนาที่เกิดพร้อมกับอกุสลจิตหรือกุสล จิตนั้น เป็นสหชาตกัมมปัจจัย ครั้นอกุสลจิตหรือกุสลจิตพร้อมด้วยเจตนานั้น ๆ ดับ ไปแล้ว เจตนานั้นก็มีสภาพกลับกลายเป็น นานักขณิกกัมมปัจจัย มีอำนาจหน้าที่ ให้บังคับผลแก่ผู้นั้นในอนาคตกาล ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ทั้งในปวัตติกาล และ ปฏิสนธิกาล นานักขณิกกรรม ที่เป็นกุสล อกุสลนั้น มีอยู่ในสันดานด้วยกันทั้งนั้น แต่เมื่อ ขณะที่จะส่งผลให้ปรากฏขึ้น ย่อมอาศัย กาล คติ อุปธิ และ ปโยคะ เป็นเครื่อง ประกอบด้วย) อธิบายอุปนิสสยปัจจัย ธรรมที่เป็นกุศลก่อน ๆ ย่อมเป็นปัจจัยแห่งธรรมที่เป็นกุศลหลัง ๆ โดยฐานะเป็นอุปนิสสยปัจจัย คือเป็นเครื่องสนับสนุนที่เป็นที่อาศัยโดยสืบต่อกันมา. ต่อจากนี้มีข้อความคล้ายกับข้อ ๔ ต่างแต่เป็นปัจจัย โดยฐานะเป็นอุปนิสสยปัจจัย . แม้บุคคลก็เป็นปัจจัย โดยฐานะเป็นอุปนิสสยปัจจัย คือเป็นเครื่องสนับสนุนที่เป็นที่อาศัยสืบต่อกันมา . แม้เสนาสนะก็เป็นปัจจัย โดยฐานะเป็นอุปนิสสยปัจจัย คือเป็นเครื่องสนับสนุนที่เป็นที่อาศัยสืบต่อกันมา . คำว่า นิสสยปัจจัย กับ อุปนิสสยปัจจัย มีคำใกล้กัน นิสสย แปลว่า เป็นที่อาศัย อุปนิสสยะ แปลว่า ใกล้จะเป็นที่อาศัย แต่แปลหักตามเนื้อหาว่า เป็นที่อาศัยสืบต่อกันมา คืออาศัยพอเป็นเค้า เป็นเชื้อ มีความหนักแน่นน้อยกว่า นิสสยะ ). ความเป็นปัจจัยของปุญญาภิสังขาร กาเม ปุญฺญาภิสงฺขาร สญฺญิตา อฏฺฐ เจตนา นวนฺนํ ปากจิตฺตานํ กาเม สุคติยํ ปน. นานากฺขนิกกมฺมูป- นิสฺสยปจฺจเยหิ จ เทฺว หิ ปจฺจยา เตสํ ภวนฺติ ปฏิสนฺธิยํ.
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 พ.ย. 2015, 08:50 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กุศลกรรม ๘ ให้ผลมากกว่าตน | ||
มหากุศลเจตนา ๘ นั้นเป็นปัจจัย ๒ อย่าง ในปวัตติกาลกามาวจรอเหตุกวิปากจิต คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ สัมปฏิจฉนจิต โสมสันตีรณกุศลวิปากจิต (เว้นอเหตุกมโนวิญญาณธาตุที่ประกอบที่ประกอบกับอุเบกขา)กุศลวิบากอุเบกขาสันตีรณจิต ๑ ในขณะทำหน้าที่ ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 พ.ย. 2015, 13:02 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กุศลกรรม ๘ ให้ผลมากกว่าตน | ||
มหากุศลเจตนาเหล่านั้นเป็นปัจจัย ๒ อย่างแก่วิปากจิต ๕ ดวง กุศลวิบากจักขุวิญญาณ กุศลวิบากโสตวิญญาณ สัมปฏิจฉนจิต สัณตีรณจิต ๒ ในปวัตติกาลในรูปภูมิ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 พ.ย. 2015, 13:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กุศลกรรม ๘ ให้ผลมากกว่าตน | ||
มหากุศลเจตนาเหล่านั้นเป็นปัจจัยแก่กามาวจรวิปากจิต (อเหตุกกุศลวิปากจิต) ๘ ดวง ในปวัตติกาลในกามทุคคติภูมิได้เช่นกัน แต่ไม่เป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาล
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 พ.ย. 2015, 13:31 ] | |||
หัวข้อกระทู้: | Re: กุศลกรรม ๘ ให้ผลมากกว่าตน | |||
มหากูศลเจตนาเหล่านั้นเป็นปัจจัยในปวัตติกาลแก่วิปากจิต ๑๖ ดวง (อเหตุกกุศลวิปากจิต ๘ มหาวิปากจิต ๘) และเป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาลแก่วิปาจิต ๙ ดวง (อุเบกขาสันตีรณจิต ๑ มหาวิปากจิต ๘ ) ในกามสุคติภูมิ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 พ.ย. 2015, 14:07 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กุศลกรรม ๘ ให้ผลมากกว่าตน | ||
ปุญญาภิสังขาร ๕ (เว้นอภิญญา) ในรูปภูมิเป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาลแก่ รูปาวจรวิปากจิต ๕ ในรูปภูมิ (การเว้นอภิญญาเจตนาในที่นี้ ก็เพราะว่าอภิญญาเจตนาให้ผลปฏิสนธิไม่ได้ เนื่องจากเป็นเพียง อานิสงส์ของจตุตถฌานสมาธิ จึงมีผลเสมอกับสมาธิข้างต้น หรือเนื่องจากกำลังน้อยโดยไม่ได้รับ อาเสวนปัจจัยจากชวนจิตดวงก่อนที่เป็นมหัคคตภูมิเหมือนกัน เพราะเกิดขึ้นครั้งเดียว หรือเนื่องจาก ไม่เป็นเหตุของผลที่เป็นวิญญาณจิต)
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 19 พ.ย. 2015, 05:29 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สังขาร ๓ | ||
ความเป็นปัจจัยของอปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขารในกามทุคติภูมิ (อกุศลจิต ๑๑ (เว้นอุทธัจจสัมปยุตตเจตนา) เป็นปัจจัย ๒ อย่าง ในปฏิสนธิกาลแก่ปฏิสนธิวิญญาณดวงหนึ่ง (อกุศลวิปากอุเบกขาสันตีรณจิต) วิญญาณเป็นปัจจยุบบันนธรรมในปฏิสนธิกาล คือ อุเบกขาสันตีรณอกุสลวิบาก ๑ ดวง ให้ปฏิสนธิในอบายภูมิทั้ง ๔ เป็นพวกทุคคติ อเหตุกบุคคล ซึ่งมักเรียกกันสั้น ๆ ว่า ทุคคติบุคคล
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 19 พ.ย. 2015, 06:02 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สังขาร ๓ | ||
เจตนาในอกุศลจิต ๑๒ นั้น เป็นปัจจัยแก่อกุศลวิปากจิตทั้ง ๗ ในปวัตติกาลในกามสุคติภูมิ แต่ไม่เป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาล
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 19 พ.ย. 2015, 06:13 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สังขาร ๓ | ||
เจตนาในอกุศลจิต ๑๒ นั้นเป็นปัจจัยแก่จิต ๔ ดวง (อกุศลวิบาก จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ สัมปฏิจฉนจิต สันตีรณจิต) ในปวัตติกาล แต่ไม่เป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาลในรูปภูมิ อนึ่ง ความเป็นปัจจัยนั้นย่อมมีได้ในการรับรูปารมณ์เป็นต้น ที่ไม่น่าปรารถนา ในกามภูมิ เพราะรูปารมณ์เป็นต้นที่ไม่น่าปรารถนาย่อมไม่ปรากฎในพรหมโลก
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 19 พ.ย. 2015, 06:32 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สังขาร ๓ | ||
เช่นเดียวกันนี้ อาเนญชาภิสังขาร เป็นปัจจัยแก่ อรูปาวจรวิปากจิต ๔ ดวง ในอรูปภูมิ ในปฏิสนธิกาล และในปวัตติกาล สังขารเหล่านั้นเป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาล และในปวัตติกาลในภูมิทั้งหลายโดยประการใด ย่อมเป็นปัจจัยแก่วิบากนั้น ที่กล่าวมานั้นเป็นการจบการเป็นปัจจัยของสังขาร ๓ มี ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 27 พ.ย. 2015, 06:43 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สังขาร ๓ | ||
สังขาร ๓ ได้แก่เจตนาเจตสิกที่เกิดในจิต ๒๙ ดวง เจตนาทั้ง ๒๙ ดวงเหล่านี้ที่ทำให้สัตว์เกิดขึ้น ในภพภูมิที่แตกต่างกันไป โดยความไม่รู้คือตัว "อวิชชา" เป็นปัจจัย
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |