ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ผัสสะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=46741 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 06 พ.ย. 2013, 04:56 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ผัสสะ | ||
ผัสสะ แปลว่า ความสัมผัส คือ การกระทบกันระหว่างอายตนะภายใน กับอายตนะภายนอก และวิญญาณ ได้แก่ สิ่ง ๓ สิ่งมาประชุมพร้อมกันจึงเรียกว่าผัสสะ ผัสสะจึงมี ๖ อย่าง คือ ๑. สัมผัสทางตา จึงเรียกว่า จักขุสัมผัสสะ ๒. สัมผัสทางหู จึงเรียกว่า โสตสัมผัสสะ ๓. สัมผัสทางจมูก จึงเรียกว่า ฆานสัมผัสสะ ๔. สัมผัสทางลิ้น จึงเรียกว่า ชิวหาสัมผัสสะ ๕. สัมผัสทางกาย จึงเรียกว่า กายสัมผัสสะ ๖. สัมผัสทางใจ จึงเรียกว่า มโนสัมผัสสะ ทั้ง ๖ อย่างนี้ เรียกว่าผัสสะ แต่ละอย่างจะต้องมีธรรม ๓ ประการมาประจวบพร้อมกัน เช่นว่า จักขุปสาท + รูป + วิญญาณ จึงจะเรียกว่าผัสสะ แต่ถ้าว่าจักขุปสาทกระทบกับรูปเฉยๆ ซึ่งไม่มีวิญญาณมาร่วมด้วย ก็ไม่เรียกว่าผัสสะ ก็เป็นเพียงอายตนะไป ทวารอื่นๆก็ในทำนองเดียวกัน ผัสสะนี้ว่าโดยองค์ธรรมก็ได้แก่ ผัสสะเจตสิก ผัสสะทั้ง๖ อย่างนี้เป็นปัจจัยให้แก่เวทนา
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 06 ก.พ. 2018, 11:09 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ผัสสะ คือ อะไร | ||
สภาวธรรมใดถูกต้อง เหตุนั้น สภาวธรรมนั้นจึงชื่อว่า ผัสสะ ผัสสะนี้นั้น มีการถูกต้องเป็นลักษณะ มีการทำให้ กระทบกันเป็นกิจ มีการร่วมกันเข้า(แห่งจิตกับอารมณ์)เป็นผล มีอารมณ์ที่มาปรากฏ(แห่งจิต)เป็นเหตุใกล้ จริงอยู่ผัสสะนี้เป็นอรูปธรรม ก็ย่อมเป็นไปในอารมณ์ ด้วยอาการ(ดุจ) ถูกต้อง(จึงว่ามีการถูกต้องเป็นลักษณะ) อนึ่ง ผัสสะนั้นแม้ไม่ติดอยู่(ที่ไหน)สักแห่ง ก็ยังจิตและอารมณ์ให้กระทบกันได้ ดังรูปกระทบจักษุ และเสียงกระทบหู ฉะนั้น(จึงว่ามีการกระทบกันเป็นกิจ)ชื่อว่ามีความร่วมกันเข้ากันเป็นผล เพราะปรากฏด้วยอำนาจเหตุของตนกล่าวคือติกสันนิบาต(ความร่วมกันเข้าแห่งธรรม ๓ คือ อายตนะภายใน อายตนะภายนอก และวิญญาน) ชื่อว่ามีอารมณ์ที่มาปร่กฏเป็นเหตุใกล้ เพราะเกิดขึ้นในอารมณ์ ที่สมันนาหาร(การประมวลความคิด)อันได้แก่ผัสสะนั้นและอินทรีย์ด้วย(ช่วยกัน) แต่งให้โดยไม่มีระหว่างที่เดียว ว่าโดยความเป็นที่ตั้งแห่งเวทนา ผัสสะนี้ บัณฑิตพึงเห็นเป็นดังโคที่ไม่มีหนังหุ้มหนังเถิด
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 03 ธ.ค. 2024, 09:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผัสสะ คือ อะไร |
ธรรมชาติใดที่เสวยอารมณ์ ธรรมชาตินั้นแหละชื่อว่า เวทนา คือความรู้สึกใน อารมณ์นั้น ความรู้ในอารมณ์ หรือ การเสวยอารมณ์ที่ชื่อว่า เวทนานี้ กล่าวโดยลักษณะ แห่งการสวยอารมณ์ ก็มี ๓ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา กล่าวโดยประเภทแห่งอินทรีย์ คือเความเป็นใหญ่ในการมอารมอารมณ์ ก็มี ๕ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัสเวทนา โทมนัสเวทนา และ อุเบกขาเวทนา กล่าวโดยอาศับทวาร คือ อาศัยทางที่ให้กิดเวทนาตามนัยแห่งปฏิจจสมุปบาทที่ กำลังกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ ก็มี ๖ คือ เวทนาที่เกิดทางจักขุ ทางโสตะ ทางฆานะ ทางชิวหา ทางกายและทางใจ เวทนาที่กิดทางจักขุที่เรียกว่า จักขึสัมผัสชาเวทนา, เกิดทางโสตะที่รียกว่า โสต- สัมผัสชาเวทนา, เกิดทางฆานะที่เรียกว่า ฆานสัมผัสสชาเวทนาและเกิดทางชิวหาที่เรียก ชิวหาสัมผัสชาเวทนา รวม ๔ ทางนี้เป็นอุเบกขาเวทนาแต่อย่างดียว เวทนาที่เกิดทางกายที่เรียกว่า กายสัมผัสชาเวทนานั้น เป็นวทมา หรือ ทุกข เวทนา อย่างใดอย่างหนึ่งใน ๒ อย่างนี้เท่านั้น คือถ้ากายได้สัมผัสถูกต้องกับอิฏฐโผฏ ฐัพพารมณ์ คือ อารมณ์ที่ดี ก็เป็นสุขเวทนา แต่เมื่อกายให้รับถูกต้องกับอนิฏฐโผฏฐัพพารมณ์ คือ อารมณ์ที่ไม่ดี ก็เป็นทุกขเวทนา ส่วนเวทนาที่เกิดทางใจที่เรียกว่า มโนสัมผัสสชาเวทนานั้น เมื่อได้เสวยอารมณ์ที่ดีที่ เรียกว่า อิฏฐารมณ์ ก็มีความชื่นชมยินดีทางใจ เป็นโสมนัสเวทนา แต่ถ้าได้เสวยที่ ไม่ดีที่เรียกว่า อนิฏฐารมณ์ ทางธรรมถือว่ามีความอาพาธทางใจ จึงได้ชื่อว่าเป็นโทมนัส เวทนา หากว่าได้เสวยอารมณ์ที่เป็นปานกลางที่เรียกว่ามัชฌัตตารมณ์ ก็มีความเฉลียวฉลาด ๆ ไม่ ถึงกับเกิดความชื่นชมยินดี จึงได้ชื่อว่าเป็น อุเบกขาเวทนา เวทนาทั้ง ๖ ที่กล่าวในบทนี้ หมายเฉพาะเวทนาที่ประกอบกับโลกียวิปากวิญญาณ ๓๒ เท่านั้น โดยถือสืบเนื่องมาจากวิปากวิญญาณ คือจิตที่เป็นปัจจยุบบันนธรรมของสังขาร โลกียวิปากวิญญาณ ๓๒ นี้ ก็มีเวทนาที่เกิดร่วมได้ด้วยเพียง ๔ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัสเวทนา และอุเบกขาเวทนาเท่านี้ ไม่มีโทมนัสเวทนาด้วย ผัสสะ กับ เวทนา ต่างก็เป็นเจตสิกเหมือนกัน และประกอบกับจิตร่วมกันพร้อมกัน ถึงกระนั้นต่างก็เป็นปัจจัยซึ่งกันและกันได้ด้วยอำนาจแห่งสหชาตปัจจัย และ อัญญบัญญัญปัจจัย ในทำนองเดียวกับจิตและเจตสิก ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในบท นานรูปเป็นปัจจัยแก่สฬายตนะนั้น ปัจจัย ๒๔ เกี่ยวแก่ผัสสะ ในบทผัสสะเป็นปัจจัยแก่เวทนานี้ เมื่อกล่าวโดยปัจจัย ๒๔ แล้วก็เป็นไปได้ด้วย อำนาจแห่งปัจจัย ๘ คือ ๑. สหชาตปัจจัย ๒ฺ อัญญมัญญปัจจัย. ๓. นิสสยปัจจัย ๔. วิปากปัจจัย. ๕. อาหารปัจจัย ๖. สัมปยุตตปัจจัย ๗. อัตถิปัจจัย. ๘. อวิคตปัจจัย |
เจ้าของ: | Duangtip [ 03 มิ.ย. 2025, 20:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผัสสะ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |