วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 15:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง





กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

อย่าทำผิดทั้งชีวิต

พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช



สมัยนี้มีผู้ชอบกล่าวว่า เงินไม่มีเกียรติไม่มี นั่นไม่ใช่ความถูกต้อง
เป็นความรู้สึกของคนบางคนเท่านั้น

คนบางคนที่มีความเห็นผิดเป็นชอบเท่านั้น
ที่จะมีความรู้สึกว่า คนไม่มีเงินเป็นคนไม่มีเกียรติ
เงินกับเกียรติมิใช่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
มิใช่เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้
คนไม่มีเงินแต่มีเกียรติก็มีอยู่ คนมีเงินแต่ไม่มีเกียรติก็มีอยู่
ความสำคัญอยู่ที่ว่า เงินที่มีหรือ ที่ได้นั้น
เป็นเงินที่จะทำให้เกียรติยศชื่อเสียงสิ้นไปหมดหรือไม่
ควรจะพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องนี้
โดยเฉพาะผู้ที่ยังคำนึงถึงชื่อเสียงเกียรติยศของตนเอง และของวงศ์ตระกูล

เช้าวันนี้ใครสักคนอาจจะตื่นขึ้นด้วย จิตใจเร่าร้อนเป็นอันมาก
เมื่อพิจารณาหาเหตุผลก็ได้พบว่า เมื่อวานหลานเล็กๆ กำลังน่ารักน่าเอ็นดู
และเป็นที่รักที่ชื่นใจอย่างยิ่งร้องไห้กลับมาจากโรงเรียน
สะอึกสะอื้นอย่างเสียอกเสียใจยิ่งนัก ปลอบถามก็ได้ความว่า
ถูกเพื่อนเด็กๆ ด้วยกันนั่นเองตะโกนล้อว่าเป็นหลานคนขี้โกง
เด็กได้พยายามแก้ว่าไม่เป็นความจริง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเด็กหลาย
คนรุมกันยืนยัน เมื่อเด็กร้องไห้แล้วเล่าให้ฟังนั้น
ใครจะรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ แต่เจ้าตัวเองนั้นรู้สึกว่ากระทบกระเทือนเหลือเกิน
ทั้งอายทั้งโกรธ เหตุก็เพราะ รู้ตัวว่า เงินทองที่หาได้อยู่เสมอๆ นั้น
ได้มาด้วยวิธีที่ไม่ชอบไม่ควรจริงๆ จริงอยู่
เสียงที่กล่าวหาเป็นเสียงของทารกไร้เดียงสา
แต่ถ้าไม่ได้ฟังมาจากผู้ใหญ่แล้ว
ทารกไร้เดียงสาเหล่านั้นจะไปได้ความคิดจากไหน
นึกถึงหลานเล็กๆที่อับอายขายหน้าถึงกับร้องไห้ลั่น
เพราะต้องเป็นลูกหลานคนขี้โกง นึกแล้วก็สงสาร ไม่สบายใจ
ไม่ได้เป็นความผิดของเด็กเลย แต่เป็นความผิดของผู้ใหญ่แท้ๆ

เมื่อวางทิฐิในทางที่ผิดลง ยอมสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างกับตนเองอย่างเปิดเผย
ด้วยการคิดตอบโต้กับตัวเองอยู่ในใจอย่างยืดยาว
ก็ได้ผลสรุปลงว่า ความโลภของคนคนเดียว
ที่นำให้กระทำสิ่งที่ผิดเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน เงินทองนั้น
ความเสื่อมเสียมิได้เกิดแก่ คนคนเดียว แต่เกิดติดต่อไปได้ถึงพี่น้องลูกหลาน
ใครรู้ใครเห็นก็จะกล่าว ตำหนิว่า พี่คนโกง น้องคนโกง
ลูกคน โกง หลานคนโกง ฯลฯ
คนเหล่านั้น ก็พลอยได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศไปด้วย
เมื่อทำตนให้มั่งมีเพราะการโกง
แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้คนอื่นต้องเสื่ยมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ
เช่นนี้จะเรียกว่าฉลาด มีปัญญาทำสิ่งที่สมควรได้อย่างไร
ต้องเรียกว่าไม่ฉลาดเลย ไม่มีปัญญาเลย จึงได้ทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ

ชื่อเสียงเกียรติยศเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง
ควรถนอมรักษาไว้ ควรแลกได้แม้กับ ทรัพย์สินจำนวนมาก

เสียงภายในใจบอกว่าไหนๆ ก็โลภ
จนเสื่อมเสียไปแล้วไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสียใจ
ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดแก้ไข ไม่อาจทำให้ชื่อเสียงเกียรติยศกลับคืนดีได้แล้ว
สู้หาลาภผลต่อไปดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมั่งมีเป็นเศรษฐี
ไม่มีใคร กล้ามาชี้หน้าได้ตรงๆ ว่าโกงว่ากิน

เมื่อเสียงในใจดังขึ้นเพื่อฉุดกระชาก ไปในทางผิดต่อไปเช่นนี้
สติที่เกิดขึ้น ทัน จะทำให้คิดตอบแก้ได้ว่าไม่ถูก
คิดเช่นนั้นไม่ถูก ชื่อเสียงเกียรติยศที่เสียไปแล้วก็เป็นส่วนที่เสียไป
แต่ถ้ากลับมา กระทำความดี ละความชั่วความผิดแต่เดิมเสีย
เช่น ไม่โลภ ไม่โกงต่อไป ก็จะ สามารถสร้างชื่อเสียงเกียรติยศใหม่ขึ้นได้
ตัวอย่างก็มีอยู่ คนที่กลับตัวกลับใจได้ แม้จะมีผู้รู้อดีตที่ผิดที่ชั่ว
ก็จะไม่นำมากล่าวถึงอย่างตำหนิติเตียน
แต่มักจะนำมายกย่องสรรเสริญว่าเป็นคนดีที่กลับตัวกลับใจได้
ไม่ทำผิดทำชั่วไปตลอดชีวิต
เป็นคำยกย่องสรรเสริญที่จะทำให้ผู้ได้รับภาคภูมิใจ
เกิดปีติยินดี และเกิดกำลังใจ
เชื่อมั่นว่าแม้จะได้ทำผิดไปแล้วเพียงใด
ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศไปแล้วเพียงไหน
ก็ควร กลับใจ ละความไม่ดี มาทำความดี
เช่น ละความโลภที่รุนแรง จนทำให้แสวงหาโดยมิชอบ
มาทำความโลภให้ลดน้อยลง ตามลำดับ
ด้วยการพยายามดับความปรารถนา
ต้องการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
ซึ่งควรจะต้องกระทำถึง 2 วิธี คือ ไม่ดิ้นรนแสวงหา
และสละสิ่งที่แสวงหามาไว้แล้วให้เป็นทาน
ทั้ง 2 วิธีนี้ต้องทำให้สม่ำเสมอให้เป็นนิสัย
จึงจะเห็นผลคือเห็นความโลภลดลงจนถึงหมดสิ้นไปได้ในวาระหนึ่ง

ที่จริงจิตใจเวลามีความปรารถนาต้องการ
กับเวลาไม่มีความปรารถนาต้องการนั้นแตกต่างกันมาก
จิตใจยามมีความโลภหรือความปรารถนาต้องการนั้นไม่ได้มีความสุข
มีแต่ความร้อน ความตื่นเต้นกระวนกระวายขวนขวายเพื่อให้ได้สมปรารถนา
จิตใจยามไม่มีความปรารถนาต้องการนั้นมีความสุขอย่างยิ่ง
เห็นจะต้องเปรียบง่ายๆ คือใน ยามหลับกับในยามตื่น
ยามหลับไม่มีความปรารถนาต้องการ ยามตื่นมีความปรารถนาต้องการ
ทุกคนเหมือนกันไม่มียกเว้น ยามไหนเป็นยามสบายที่สุด
ทุกคนตอบได้และคำตอบทุกคนเหมือนกัน

คนที่หลับแล้ว สงบแล้วจากความปรารถนาต้องการไม่ว่าจะหลับบนฟูก
อันอ่อนนุ่มในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารหรูหราเพียงใด
หรือจะหลับอยู่บน ดินบนทรายแข็งระคายเพียงไหน ย่อมเป็นสุข
เพราะจิตใจพ้นจากอำนาจของความปรารถนาต้องการ
ที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ความร้อน

แม้คิดเปรียบถึงความสุขและความไม่สุขของคนนอนหลับ
กับคนตื่นอยู่กับความสุขและความไม่สุขของคน
มีความปรารถนาต้องการรุนแรงในใจ กับคนมีความปรารถนาต้องการน้อย
ก็จะได้พบคำตอบที่ชัดเจน ที่น่าจะทำให้ตัดสินใจเลือกได้ว่า
ควรพยายามทำใจตนเองให้มีความปรารถนาต้องการน้อยหรือไม่

ทุกคนต้องการความสุขความสบายใจด้วยกันทั้งนั้น
แต่ทุกคนก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ
เพราะใจยังมีความปรารถนาต้องการหรือความโลภนี้แหละ อยู่เป็นอันมาก
โดยที่ไม่พยายามทำให้ลดน้อยลง
เห็นจะด้วยมิได้คิดให้ประจักษ์ในความจริงว่า
ความโลภคือเหตุใหญ่ประการหนึ่ง ซึ่งนำให้ความทุกข์ ให้ร้อน
ให้ไม่มีความสุขความสบายใจกันอยู่อย่างมากทั่วไปในทุกวันนี้
แม้ทำสติพิจารณาให้ดีจะเห็นได้ไม่ยากนัก
ว่าความทุกข์ความร้อนที่มีมาแต่ไหนๆ
และดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้นในปัจจุบันนี้
เกิดจากความโลภหรือ ความปรารถนาต้องการเป็นสำคัญ

เช้าวันนี้ ใครสักคนอาจจะตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัวยิ่งนัก
เมื่อพิจารณา หาเหตุผลได้พบง่ายๆ ว่าเมื่อคืนนอนหลับดึกมาก
เพราะเมื่อเข้านอนนั้นใจเกิดย้อนนึกไปถึงอดีตของตนเอง
ที่ไม่อุดมสมบูรณ์เช่นขณะนี้ ซ้ำยังขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งเสียด้วย
แต่เพราะเป็นคนมีโอกาส จะไม่ขอกล่าวว่าโอกาสดี
เพราะความจริงนั้นมิใช่โอกาสดี เป็นเพียงโอกาสที่เปิด
ให้สามารถถือเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนไปเป็นของตนได้เท่านั้น
และโอกาสเช่นนั้นก็มีบ่อย
จนสามารถทำให้ฐานะเปลี่ยนแปลงเป็นตรงกันข้ามอยู่ในปัจจุบันนี้
นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติมีค่าของตน เช่นที่เคยนึกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ประหลาดที่ครั้งนี้นึกผิดกับทุกครั้ง คือ เมื่อนึกนั้น มิได้นึกอย่างภาคภูมิมีความสุข
ในครั้งนี้กลับไปนึกอย่างเดือดร้อน
เพราะความจริงในใจที่ตนเองรู้อยู่ไม่ยอมฝังตัวเงียบอยู่ต่อไป
หากโผล่พลุ่งขึ้น มาเหมือนส่งเสียงบอกดังลั่นอยู่ในความรู้สึกของตนเองว่า
สมบัติมีค่าที่ตนกำลัง ได้ครอบครองอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ได้มามิชอบทั้งสิ้น
เสียงนั้นดังลั่นๆ จาระไนต่อไปว่า ได้มาอย่างไรบ้าง
ทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะการได้ของตนอย่างไรบ้าง
เสียงนั้นมิได้เกรงอกเกรงใจเสีย เลยจาระไนชัดเจนแจ่มแจ้ง
ไม่ยอมหยุดยั้งว่าเจ้าตัวจะโมโหโทโส
และพยายามจะบังคับให้เสียงนั้นหยุดประจานอดีตชั่วร้ายของตนเสียที
จนในที่สุด ก็จำต้องใช้ยา นอนหลับ เมื่อ กลางคืนเกือบจะผ่านพ้นไป
จึงสามารถทำ ให้เสียงอันกล้าหาญไม่เกรงกลัวอำนาจใดๆ เลย
หยุดไปได้เพราะการนอนหลับด้วยอำนาจยาระงับประสาท

แต่ก็ดูเหมือนว่าเสียงนั้น จะยังคอย จ้องที่จะทำลายจิตใจต่อไปอีก
เพราะเมื่อรู้ตัวตื่นขึ้นในเช้าวันนี้ เสียงนั้นก็ย้อนกลับมาดังขึ้นอีกทันที
พร้อมกับความขุ่นมัวเศร้าหมองเป็นอันมาก
หากเสียงนั้นมิได้เป็นเสียงแห่งอนุสติของตนเอง
หากเสียงนั้นเป็นเสียงของบุคคลอื่นภายนอก
ก็แน่นอนเหลือเกินที่จะต้องถูกจัดการให้รับโทษไปแล้วอย่างหนัก
ฐานบังอาจนำความจริงที่ตนเองไม่ปรารถนา
ให้ใครพูดถึงมาตะโกนประจานอยู่ลั่นๆ และยืดยาว
เรียกได้ว่าเกือบจะไม่เหลือ อะไรให้ปกปิดเป็นความลับไว้อีกเลย
เสียงในใจตนเองจาระไนเสียหมดสิ้น ชี้โทษให้หมดสิ้น
พยายามค้านก็ค้านไม่ขึ้น เพราะที่ค้านนั้นตัวเองก็รู้ว่า
เป็นเพียงการพยายามที่จะปิดบังความจริงซึ่งเคยใช้มาแล้วกับบุคคลอื่นที่มิใช่ตนเอง
ที่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อเขาก็แสดงออกให้เห็นว่าเขาเชื่อ
แต่เมื่อมา ใช้กับตนเองกลับไม่ได้ผลเลย ยกเหตุผลอธิบายไป
ก็ย้อนตอบกลับมาอย่างทำให้ใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟทุกครั้งไป
เพราะทำให้เห็นโทษที่ตนได้กระทำไปแล้วชัดเจนและมากมาย
ทำให้พาลเห็น เครื่องบ้านเครื่องเรือนราคาแพงลิบลิ่ว
ที่อุตส่าห์หามาด้วยอำนาจความปรารถนาต้องการ
กลายเป็นสิ่งอัปมงคลที่ทำให้ต้องเดือดร้อนหัวใจ
ความพลุ่งพล่านทำให้คิดไปว่าได้สิ่งอัปมงคลมาไว้
จะต้องทำลายเสียให้หมดในวันนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีความสงบสบายใจ
จะมีแต่ความเดือดร้อน แต่ยังบุญ สติเกิดขึ้นได้ทันเวลาใน
ขณะนั้น ทำให้มีเสียงถามขึ้นในใจอย่างชัดเจนว่า
ความเดือดร้อนเกิดจากสิ่งของจริงหรือ มิได้เกิดจากใจตนเองดอกหรือ
เสียงนั้นเป็นเสียงที่เกิดจากสติ เมื่อถามแล้วก็ตอบให้อย่างชัดเจนด้วยว่า
ความเดือดร้อนทั้งหลาย เกิดจากใจตนเอง ใจที่เต็มไปด้วยกิเลส
โดยเฉพาะความโลภความปรารถนาต้องการอย่างรุนแรงอย่างไม่มีขอบเขต
จนกระทั่งทำให้ได้มาซึ่งสมบัตินอกกาย ทั้งหลายมากมาย
ซึ่งหลงคิดว่าจะทำ ให้ไม่ต้องเดือดร้อนใจอีกต่อไปเพราะความไม่มี
หาได้ทันคิดไม่ว่าความเดือด ร้อนใจที่เกิดจากความไม่มีนั้น
ไม่รุนแรง เท่าความเดือดร้อนใจที่เกิดจากความมีโดยมิชอบ

ความมีหรือความได้มาโดยมิชอบให้ความร้อนใจจริง
โดยเฉพาะผู้ที่ยังพอรู้จักบาปบุญคุณโทษแล้ว
แม้จะพยายามปกปิดหลอกคนอื่นอย่างไร ก็ปกปิดหลอกตนเองไม่ได้
ก็จะต้องเดือดร้อนเพราะความรู้จักผิดชอบของตนเองแน่นอน
ความรู้จักผิดชอบเกิดขึ้นเมื่อใด จะทำให้ผู้ที่ได้อะไรๆ ไปโดยมิชอบ
โดยผิดศีลธรรม ต้องเร่าร้อน และความรู้สึกผิดชอบจะต้องเกิดขึ้นแก่ทุกคน
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง อาจจะเมื่อ ใกล้ตายหรืออาจจะก่อนหน้านั้น
จะทำความทรมานใจให้เป็นอันมาก

เพราะทุกคนแม้จะทำลืมไม่สนใจเรื่องผลของกรรม
แต่จะมีวันหนึ่งที่จะทำลืมไม่สำเร็จ น่าจะเป็นวันที่นึกถึง
ความตายได้อย่างมีสติและปัญญาว่าจะต้องมาถึงตนในวันหนึ่งแน่นอน หนีไม่พ้น
วันนั้นแหละอำนาจความโลภหรือความปรารถนาต้องการ
ที่ทำให้แสวงหาสมบัติโดยมิชอบในอดีต
จะปรากฏเป็นโทษแก่จิตใจอย่างรุนแรง ยิ่งกว่าเวลาอื่น

ควรจะกลัว เพราะย่อมเป็นสิ่งน่ากลัวอย่างยิ่งจริงๆ
ควรจะเชื่อไว้ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง
เพื่อว่าจะได้ยอมเชื่อว่าไม่ควรจะปล่อยให้ความโลภ
หรือความปรารถนาต้องการมีอำนาจชักจูงใจให้ทำสิ่งอันมิชอบ
ที่จะก่อความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น
เพราะความเดือดร้อนนั้นจะเกิดแก่ตนเองด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน

การกระทำทุกอย่างมีผล กรรมดีให้ ผลดี กรรมชั่วให้ผลชั่ว
ผู้ใดทำกรรมใด ไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น การกระทำ
ไปตามอำนาจความโลภหรือความปรารถนาต้องการเป็นกรรมชั่ว ผลจึงต้องชั่ว


คัดลอกจาก http://www.manager.co.th/dhamma
ที่มา... http://www.dharma-gateway.com/monk/prea ... dej-10.htm

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2008, 01:41
โพสต์: 128


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนา tongue :b24: นะคะ สาธุคะ

.....................................................
มีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุๆๆๆๆครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2009, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับคุณลูกโป่งด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร