ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
กาลกรรณีย่อมไม่ร่วมกับสิริ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=47623 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ปราชญ์บ้านนอก [ 17 เม.ย. 2014, 15:05 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | กาลกรรณีย่อมไม่ร่วมกับสิริ | ||
กาลกรรณีย่อมไม่ร่วมกับสิริ ครั้งนั้น มีมาณพคนหนึ่ง ชื่อปิงคุตตระเป็นชาวมิถิลา ไปกรุงตักกศิลาเรียนศิลปะในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เรียนได้รวดเร็ว มาณพนั้นให้ทรัพย์เครื่องตอบคุณอาจารย์แล้วจึงลากลับบ้าน ก็ธรรมเนียมมีอยู่ว่า ถ้าธิดาในสกุลนั้นเป็นผู้เจริญวัย อาจารย์ต้องยกให้แก่ศิษย์ผู้ใหญ่ อาจารย์นั้นมีธิดาอยู่คนหนึ่ง มีรูปงามเปรียบด้วยเทพอัปสร ลำดับนั้น อาจารย์กล่าวกะปิงคุตตรมาณพนั้นว่า เราให้ธิดาแก่เจ้า เจ้าจงพาไปด้วย แต่มาณพนั้นไม่ใช่ผู้มีบุญ เป็นคนกาลกรรณี ส่วนนางกุมาริกาเป็นผู้มีบุญมาก จิตของปิงคุตตรมาณพมิได้ปฏิพัทธ์เพราะเห็นนางกุมาริกานั้น มาณพนั้น แม้ไม่ปรารถนานางกุมาริกาก็ต้องรับด้วยคิดว่า เราจักไม่ทำลายคำของอาจารย์ พราหมณ์ทิศาปาโมกข์ได้ให้ธิดาแก่มาณพนั้น มาณพนั้นนอน ณ ที่นอนอันมีสิริที่ตกแต่งแล้วในเวลาราตรี ให้ละอายใจเนื่องเพราะนางกุมารีนั้นมาขึ้นนอนด้วย ก็ลงจากที่นอน มานอนที่พื้น ฝ่ายนางกุมาริกาก็ลงมานอนใกล้ ๆ มาณพนั้น มาณพก็ลุกขึ้นไปบนที่นอน นางกุมาริกานั้นก็ขึ้นไปยังที่นอนอีก พอนางกุมาริกาขึ้นไปมาณพก็ลงจากที่นอน นอนที่พื้นอีก ชื่อว่ากาลกรรณีย่อมไม่ร่วมกับสิริ นางกุมาริกานอนที่ที่นอน มาณพนั้นนอนที่ภาคพื้น มาณพนั้นยังกาลให้ล่วงไปอย่างนี้สิ้นสัปดาห์หนึ่ง ก็พานางกุมาริกานั้นไหว้อาจารย์ออกจากพระนครตักกศิลา ในระหว่างทางมิได้พูดจาปราศรัยกันเลย ชนทั้งสองมิได้มีความปรารถนากัน เมื่อได้มาถึงกรุงมิถิลาปิงคุตตรมาณพถูกความหิวเบียดเบียน เห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งเต็มไปด้วยผลในที่ใกล้พระนคร ก็ขึ้นต้นไม้นั้น เคี้ยวกินผลมะเดื่อ ฝ่ายนางกุมาริกานั้นก็หิวโหยเช่นกัน จึงไปที่โคนต้นไม้กล่าวว่า ข้าแต่นาย จงทิ้งผลลงมาให้ข้าพเจ้าบ้าง มาณพนั้นตอบว่า มือตีนของเจ้าไม่มีหรือเจ้าจงขึ้นมาเก็บกินเอง นางก็ขึ้นไปเก็บเคี้ยวกิน มาณพเมื่อเห็นนางขึ้นมา ก็ได้โอกาส รีบลงล้อมสะต้นมะเดื่อด้วยหนามแล้วกล่าวว่า เราได้พ้นจากหญิงกาลกรรณีแล้ว แล้วก็หนีไป นางกุมาริกานั้นเมื่อไม่อาจลงจากต้นมะเดื่อ ก็นั่งอยู่บนนั้นนั่นเอง วันนั้น พระเจ้าวิเทหราชเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ทรงเล่นอยู่ในพระราชอุทยานนั้นแล้วเมื่อประทับนั่งบนคอช้างเสด็จเข้าพระนครในเวลาเย็น ได้ทอดพระเนตรเห็นนางกุมาริกานั้น มีพระหฤทัยปฏิพัทธ์ในนาง จึงตรัสสั่งให้ถามว่า นางมีผู้หวงแหนหรือหาไม่ นางแจ้งว่า สามีของนางที่สกุลตบแต่งให้นั้นมีอยู่ แต่เขาให้ข้าพเจ้านั่งบนต้นไม้นี้ แล้วทิ้งข้าพเจ้าหนีไปเสีย อำมาตย์กราบทูลความนั้นแด่พระราชา พระราชาทรงดำริว่า ภัณฑะไม่มีเจ้าของ ตกเป็นของหลวง จึงให้รับนางลงแล้วให้ขึ้นคอช้างนำไปราชนิเวศน์ อภิเษกสถาปนาไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี พระนางเป็นที่รัก เป็นที่ชอบพระหฤทัยแห่งพระราชา ชนทั้งหลายกำหนดรู้พระนามของพระนางว่า อุทุมพรเทวี เพราะพระราชาได้พระนางมาแต่อุทุมพรพฤกษ์ อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าหน้าที่จ้างชาวบ้านใกล้ประตูเมืองให้แผ้วถางทางเพื่อประโยชน์ในการเสด็จพระราชดำเนินสู่สวนหลวง ปิงคุตตรมาณพเมื่อทำการจ้าง โจงกระเบนมั่นถางทางด้วยจอบ เมื่อทางยังไม่แล้ว พระราชาประทับบนรถที่นั่งกับด้วยพระนางอุทุมพรเทวีเสด็จออกจากพระนคร พระนางอุทุมพรเทวีได้ทอดพระเนตรเห็นปิงคุตตรมาณพผู้กาลกรรณีนั้นแผ้วถางอยู่ เมื่อทอดพระเนตรมาณพนั้น ด้วยนึกในพระหฤทัยว่า บุรุษกาลกรรณีนี้ไม่สามารถจะทรงสิริเห็นปานดังนี้ไว้ ก็ทรงพระสรวล พระราชาทอดพระเนตรเห็นพระนางทรงพระสรวลก็กริ้ว ตรัสถามว่า หัวเราะอะไร พระนางกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ บุรุษผู้ถางทางนี้เป็นสามีคนเก่าของข้าพระบาท ยังข้าพระบาทให้ขึ้นต้นมะเดื่อแล้วเอาหนามสะวงไว้แล้วหนีไป ข้าพระบาทแลดูเขาแล้วคิดว่า บุรุษกาลกรรณีนี้ไม่สามารถจะทรงสิริเห็นปานดังนี้ไว้ จึงหัวเราะ พระราชาตรัสว่าเธอกล่าวมุสา เธอเห็นอะไรอื่น เราจักฆ่าเธอ ตรัสฉะนี้แล้วทรงจับพระแสงดาบ พระนางมีความเกรงกลัวพระราชอาญา จึงกราบทูลว่า ขอพระองค์ตรัสถามบัณฑิตทั้งหลายก่อน พระราชาจึงตรัสถามอำมาตย์ว่า ท่านเชื่อหรือ อำมาตย์ทูลว่า ข้าพระองค์ไม่เชื่อ ชายอะไรจะละสตรีดังเช่นพระเทวีนี้ไป พระเจ้าข้า พระนางอุทุมพรได้ทรงสดับคำของอำมาตย์ยิ่งกลัวพระราชอาญาเหลือเกิน ลำดับนั้น พระราชาทรงดำริว่า อำมาตย์จะรู้อะไร เราจักถามมโหสถโพธิสัตว์ จึงตรัสถามมโหสถโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนมโหสถบัณฑิต สตรีผู้รูปงาม และนางนั้นสมบูรณ์ด้วยอาจารมารยาท จะมีบุรุษที่ไม่ปรารถนาสตรีนั้น เจ้าเชื่อเรื่องนี้หรือ มโหสถบัณฑิตได้ฟังกระแสพระราชดำรัสนั้น จึงกล่าวว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพระองค์เชื่อ บุรุษผู้หาบุญมิได้นั้นย่อมมีในโลกนี้ สิริและกาลกรรณีย่อมร่วมกันไม่ได้ ไม่ว่าในกาลไหน ๆ พระราชาทรงทราบเหตุการณ์นั้นตามคำของมโหสถก็ทรงหายกริ้ว ทรงยินดีต่อมโหสถ ตรัสว่า แน่ะเจ้าบัณฑิต ถ้าไม่ได้เจ้า วันนี้ข้าจักเสื่อมจากสตรีแก้วเช่นนี้ ด้วยถ้อยคำของอำมาตย์ผู้โฉดเขลา ข้าได้นางนี้ไว้เพราะอาศัยเจ้า ตรัสชมฉะนี้แล้ว พระราชทานกหาปณะแสนหนึ่งบูชามโหสถโพธิสัตว์
|
เจ้าของ: | Duangtip [ 13 มิ.ย. 2014, 11:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กาลกรรณีย่อมไม่ร่วมกับสิริ |
ขออนุโมทนา สาธุค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | sirinpho [ 09 ธ.ค. 2015, 16:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กาลกรรณีย่อมไม่ร่วมกับสิริ |
![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |