ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สัฏฐิกูฏเปรต
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=46982
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ปราชญ์บ้านนอก [ 19 ธ.ค. 2013, 09:58 ]
หัวข้อกระทู้:  สัฏฐิกูฏเปรต

รูปภาพ

คราวหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานเถระ ลงจากภูเขาคิชฌกูฏ พร้อมกับพระลักขณเถระ ขณะจะไปบิณฑบาต เห็นเปรตตนหนึ่งตัวใหญ่โตมาก ที่ศีรษะถูกค้อนเหล็กที่ถูกเผาเป็นไฟลุกโชติช่วง ๖ หมื่นอันทุบจนศีรษะแตกแล้วแตกอีก จึงได้กระทำการยิ้มแย้มแต่ไม่ได้พูดอะไร

พอกลับจากบิณฑบาตเข้าไปในวัดพระเวฬุวัน ได้กราบทูลเรื่องนี้แด่พระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า

สัฏฐิกูฏเปรตนี้ในอดีตชาติ เป็นศิษย์ของบุรุษเปลี้ยผู้ชำนาญในการดีดก้อนกรวด บุรุษเปลี้ยผู้อาจารย์เคยได้รับพระราชทานรางวัลจากพระราชาองค์หนึ่ง

ในฐานะทำความดีความชอบช่วยดีดขี้แพะใส่ปากของมหาอำมาตย์ของพระราชาที่เป็นคนชอบพูดจากจนพระราชาทรงรำคาญ แต่อยู่มาวันหนึ่งบุรุษเปลี้ยได้ถ่ายทอดวิชาดีดกรวดนี้แก่ศิษย์คนหนึ่ง ศิษย์คนนี้ เมื่อต้องการทดลองวิชาดีดก้อนกรวด

อาจารย์บอกว่าจะต้องไม่ทดลองกับโคหรือกับมนุษย์ เพราะหากโคหรือมนุษย์ตายจะต้องจ่ายสินไหมให้แก่เจ้าของโคหรือญาติของผู้ตาย แต่จะต้องหาเป้าที่เป็นคนที่ไม่มีมีมารดาบิดาเท่านั้น

ศิษย์ของบุรุษเปลี้ยมาเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ชื่อว่าสุเนตตะ ซึ่งกำลังออกเดินบิณฑบาตอยู่ จึงคิดจะใช้ท่านเป็นเป้าสำหรับทดลองการดีดกรวด โดยมีความคิดว่า “พระปัจเจกพุทธเจ้านี้ เป็นผู้ไม่มีมารดาบิดา เมื่อเราดีดผู้นี้ ไม่ต้องมีสินไหม เราจักดีดพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ ทดลองศิลปะ”

ก้อนกรวดที่ศิษย์ของบุรุษเปลี้ยดีดไปเข้าทางช่องหูขวาไปทะลุออกทางช่องหูซ้าย พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อโดนดีดด้วยกรวด ได้รับบาดเจ็บเดินบิณฑบาตต่อไปไม่ได้ ได้เหาะกลับไปปรินิพพาน (เสียชีวิต) ที่บรรณศาลา ต่อมาเมื่อชาวบ้านมาพบว่าศิษย์ของบุรุษเปลี้ยเป็นผู้สังหารพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ได้ช่วยกันเอาก้อนหินขว้างปาจนถึงแก่ความตาย

และศิษย์ของบุรุษเปลี้ยไปเกิดในมหานรกชั้นอเวจี เมื่อไปหมกไหม้อยู่ในนรกชั้นนี้จนแผ่นดินโลกมนุษย์หนาขึ้นโยชน์หนึ่ง จึงได้มาเสวยเศษกรรมที่เหลือ โดยมาเกิดเป็นสัฏฐิกูฏเปรต ที่ยอดเขาคิชฌกูฏ ที่พระมหาโมคคัลลานะแลเห็นดังกล่าว โดยที่ศีรษะของเปรตตนนี้ถูกค้อนเหล็กเผาไฟจนแดง 6 หมื่นอันตีกระหน่ำอยู่อย่างต่อเนื่อง

พระศาสดาครั้นนำบุรพกรรมของเปรตนี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ศิลปะหรือความเป็นใหญ่ เมื่อเกิดขึ้นแก่ผู้ชื่อว่าคนพาล ย่อมเกิดขึ้นเพื่อความฉิบหาย ด้วยว่าคนพาลได้ศิลปะหรือความเป็นใหญ่แล้ว ย่อมทำความฉิบหายแก่ตนถ่ายเดียว”

จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสว่า

ความรู้ย่อมเกิดแก่คนพาล
เพียงเพื่อความฉิบหายเท่านั้น
ความรู้นั้น ยังหัวคิดของเขาให้ตกไป
ย่อมฆ่าส่วนสุกกธรรมของคนพาลเสีย
.

เจ้าของ:  Duangtip [ 19 ธ.ค. 2013, 11:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัฏฐิกูฏเปรต

ขออนุโมทนาบุญคะ rolleyes :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/