ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

รักต่างภพ บทที่ 7 เที่ยวฟลอเรนซ์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=37887
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  วันทนา เมืองจันทร์ [ 23 เม.ย. 2011, 19:58 ]
หัวข้อกระทู้:  รักต่างภพ บทที่ 7 เที่ยวฟลอเรนซ์

นาเคนทร์นาคราชมารับเกตุดาราตรงตามเวลาที่เธอนัด แต่ครั้งนี้เขามาพร้อมกับรถยนต์ที่ไปเช่ามาโดยมีคนขับที่เป็นราชองครักษ์คนสนิทจากเมืองบาดาลที่ได้ติดตามมาคอยพิทักษ์อารักขาด้วย ราชองครักษ์คนสนิททำความเคารพเกตุดารา แล้วแนะนำตัวสั้นๆอย่างนอบน้อม เพราะรู้เรื่องราวของเธออย่างย่อๆจากเจ้านายมาบ้างแล้ว จึงมิได้สงสัยอะไร อีกประการหนึ่ง เจ้านาเคนทร์นาคราชกับราชองครักษ์หนุ่มที่ชื่อ โยธินนาค นั้นรักใคร่ สนิทสนมกลมเกลียวกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก แล้วเติบโตมาด้วยกัน จนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายให้จัดการเรื่องพาหนะเดินทาง โยธินนาคหนุ่มก็ทำตามความประสงค์ของเจ้านายได้เป็นอย่างดี เพราะ ฟลอเรนซ์นั้นจะอยู่ห่างจากกรุงโรม ประมาณ ๒๗๗ กิโลเมตร ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ก็จะใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง

ระหว่างทางเกตุดาราเปิดหนังสือ แนะนำฟลอเรนซ์มาดูอีกครั้ง ก่อนจะสรุปสั้นๆให้เจ้านาเคนทร์นาคราชฟังว่า “ฟลอเรนซ์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่แพ้กรุงโรม และเวนิช เพราะเป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรมสุดยอดของโลกแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีงานศิลปะชิ้นเยี่ยม ๆของโลกมากมาย แถมยังมีเสน่ห์น่าหลงใหลในฐานะเมืองเก่า ที่มีความสำคัญมากทางประวัติศาสตร์”

เจ้านาเคนทร์นาคราชยิ้มพึงพอใจ พร้อมเอ่ยชมเชยว่าเธอรอบคอบดี ถ้าศึกษามาก่อนล่วงหน้า ก็จะเที่ยวได้สนุกและได้รับความรู้เพิ่มพูนขึ้น แล้วจึงถามต่อว่า
“ ถ้าเช่นนั้น วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี? พี่ให้เกดเลือกตามที่สนใจ”
“เกดอยากไปชม ดูออโม (Duomo) หรือ ซานต้า มาเรีย เดล ฟีออเร่ ( Santa Maria del Fiore ) มหาวิหารที่สร้างด้วยหินอ่อนหลากสี สลักเสลาเป็นลวดลายงดงามมาก มีหลังคาเป็นโดมกระเบื้องสีน้ำตาลแดง ที่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม หลายยุค หลายสมัย แต่ที่โดดเด่น มากที่สุด คือ สถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองส์”
“ เกดนี่สุดยอดจริง ๆ สมแล้วที่เป็นนักโบราณคดี”
“เกดไม่ใช่นักโบราณคดีหรอก แต่เกดชอบศึกษาผลงานทางสถาปัตยกรรม และงานศิลปะ ทั้งของไทย และของต่างประเทศ เกดว่ามันแสดงถึงความมีวัฒนธรรมที่สูงส่งของผู้คนในประวัติศาสตร์ และแสดงให้เห็นถึงความสงบ สันติสุข ของประเทศชาติในช่วงเวลานั้น จึงทำให้คนในประเทศสามารถสร้างสรรค์งานชิ้นเอกมากมาย ที่ทำให้คนทั้งโลกตะลึงได้”
“พี่เห็นด้วยกับเกดทุกเรื่องเลยจ้ะ”
“ไม่เห็นด้วยบ้างก็ได้นะคะ ขัดแย้งกันบ้าง ก็ จะได้ทำให้เกิดความแตกฉานทางความคิด”

“ก็ พี่รักเกด เกดพูดอะไรพี่ก็เห็นด้วยหมด ถ้าเกดชี้นกเป็นไม้ พี่ก็ต้องว่าไม้”
“พูดอะไร ไม่อายท่านโยธินนาคบ้างเลย”
“อายทำไม เขามัวแต่ขับรถ ไม่ได้ยินที่เราคุยกันหรอก แกไม่ได้ยินใช่ไหม? โยธิน” หันไปถามโยธิน
“ไม่ได้ยิน ตอนที่เจ้าพูดว่า พี่รักเกด เกดพูดอะไรพี่ก็เห็นด้วยหมด ถ้า เกดชี้นกเป็นไม้ พี่ก็ต้องว่าไม้ ตอนนั้นน่ะไม่ได้ยินหรอกพะยะค่ะ” “ทะลึ่ง นายมันคนไม่มีหัวใจ”
“หัวใจนะมี แต่ไม่ใช่คน หม่อมฉันเป็นพญานาค”
“เออ ไม่บอกก็ไม่รู้นะนี่ ไม่เห็นหาง” นาเคนทร์นาคราชสัพยอกราชองครักษ์ที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิท พร้อมหัวเราะเบาๆ เกดดาราและโยธินนาคก็เลยหัวเราะตาม บรรยากาศในรถจึงอบอวลไปด้วยความสุข สนุกสนานและเป็นกันเอง
“โยธินเขายังไม่รู้จักความรัก เขาไม่เคยมีแฟน ก็เลยไม่รู้ว่าความรักเป็นอย่างไร”
“ข้าพระองค์ รู้เพียงว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้พะยะค่ะ แล้วตอนนี้ ยิ่งซาบซึ้งในคำสอนเพราะข้าพระองค์ได้ประจักษ์มาแล้วกับตัวเอง” จ้องมองทางข้างหน้าครู่หนึ่งจึงเล่าต่อ

“เมื่อวานนี้ เจ้าไม่ให้ข้าพระองค์ตามเสด็จไปด้วย ข้าพระองค์ก็เลย ไปเดินเที่ยวแถวๆแม่น้ำอาร์โน แล้วไปเดินที่สะพานเวคคิโอซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ อายุหลายร้อยศตวรรษ เป็นสะพานโบราณแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ มีสินค้าประเภทเครื่องเพชรทองขาย นักท่องเที่ยวชอบไปเดินเล่นชมสินค้าแบบวินโดว์ชอปปิ้งกันมาก มีร้านหนึ่งคนขายเป็นสาวสวย ผิวขาวผ่องเป็นยองใย หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักจังเลย ข้าพระองค์ รู้สึกถูกใจมาก อยากรู้จักเธอ”
“ อยากรู้จักก็พูดกับเธอ ไม่เห็นจะยาก”
“พูดแล้ว เธอฟังไม่รู้เรื่อง”
“พูดภาษาอะไร?”
“ภาษาไทยพะยะค่ะ”
“เธอไม่ใช่คนไทย ใครเขาจะไปฟังออก ถ้าอย่างนั้นก็เหี่ยวแห้งหัวโตต่อไป ” แหย่เพื่อนแล้วหันไปสบตากับสาวคนรัก หัวเราะขำเพื่อนในความซื่อบื้อ
“เดี๋ยวเกดไปเป็นล่ามให้ อย่าเพิ่งถอดใจเสียก่อนล่ะ ยังไม่หมดหวังหรอก” เกตุดาราเสนอตัวเอาใจช่วย
“ขอบคุณคุณเกดมากครับผม แต่ถ้าเธอรู้ว่าผมเป็นพญานาค เป็นงู ใครจะมาสนใจรักใคร่ มันน่าน้อยใจนัก”
“รู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่สนใจ ผู้หญิงบางคนชอบงูก็มีเยอะไป”
“ข้าพระองค์ได้ทดลอง ลองใจเธอดูแล้ว”
“ลองใจอย่างไร?”

“ลองแปลงกายเป็นงูเขียว แล้วไปพันรอบแขนเธอ ปรากฏว่า พอเห็นงู เธอตกใจ ร้องกรี๊ด แล้วสะบัดงูหลุดลงมากองที่พื้น ข้าพระองค์นึกว่าเธอจะวิ่งหนีไป แต่เปล่า เธอกระโดดเข้าใส่ แล้วก็ใช้เท้ากระทืบๆๆๆข้าพระองค์ เกือบกระอัก ดีว่าเลื้อยหนีลอดฝ่าเท้าเธอได้ทัน”

นาเคนทร์นาคราชกับเกตุดาราได้ฟังก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ เห็นเป็นเรื่องขบขัน สนุกสนาน ขำกันใหญ่ จนโยธินนาคเองก็อดไม่ได้จนเผลอหัวเราะด้วยทั้งๆที่ก็รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง
“ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์จริงๆ ข้าพระองค์ไม่อยากมีความรักอีกแล้ว ขนาดแค่คิดจะจีบ ยังโดนกระทืบเกือบตาย”
“รักคนที่เขารักเราดีกว่า” พูดปลอบใจเพื่อน ทั้งสามพูดคุยกันไปตลอดทางพร้อมชื่นชมทัศนียภาพสองข้างทางจนมาถึงเมืองฟลอเรนซ์ เมื่อเข้าสู่ย่านเมืองเก่า อันเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว เจ้านาเคนทร์นาคราชจึงสั่งให้จอดรถ แล้วนัดหมายเวลาที่จะมาพบกันที่รถ แล้วจึงแยกทางกับโยธินนาค เพราะย่านนี้มีพื้นที่ไม่กว้างขวางมากนัก ทางการเมืองฟลอเรนซ์จัดให้เป็นเขตปลอดยวดยานพาหนะทุกประเภท มีแต่รถเมล์เท่านั้นที่เข้ามาในเขตเมืองเก่าได้ นอกนั้นเข้าไม่ได้ นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินเที่ยวชมเมืองได้อย่างสะดวกสบาย

เจ้านาเคนทร์นาคราชพาเกตุดาราเข้าชมมหาวิหารประจำเมืองฟลอเรนซ์ หรือ ดูโอโม เป็นแห่งแรก โชคดีเป็นของทั้งสอง เพราะมีคณะทัวร์จากเมืองไทยกลุ่มใหญ่มาเข้าชมในเวลาเดียวกัน ไกด์ที่พามามีความรอบรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก ทั้งสองคนจึงใช้วิธีการเดิม พยายามเดินตามคณะทัวร์กลุ่มนี้ เพื่อที่จะได้ฟังข้อมูลของดูโอโมไปด้วย ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง แต่ก็จับใจความได้ว่า ดูโอโมถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. ๑๒๙๖ และใช้เวลาก่อสร้างต่อมานานถึง ๑๕๐ปี ณ. วันนี้มีการตกแต่งต่อเติมต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า ๑๗๐ ปี ดูโอโม เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับที่ ๔ ของโลก เป็นสถาปัตยกรรมหลายยุค หลายสมัย แต่ที่เด่นมากคือยุคเรอเนสซองส์ ด้านหน้ามหาวิหาร เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค แต่ด้านทิศใต้เป็นสถาปัตยกรรมโกธิก ลวดลายตกแต่งด้านหน้า เน้นลายดอกลิลลี่ เพราะเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของเมือง หน้าต่างโดยรอบมีจำนวน ๔๔ บาน ตกแต่งด้วยกระจกสี ศิลปะสมัยศตวรรษที่ ๑๔-๑๕ สีสดใส งดงามมากเมื่อมีแสงแดดส่องผ่าน ภาพที่เห็นเป็นเรื่องราวในพระคัมภีร์ ส่วนโดมของมหาวิหารนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในสมัยที่สร้าง และยังเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาจนทุกวันนี้ ในสายตาของนักท่องเที่ยว อย่างเกตุดารา เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างโดมที่สูงมาก แต่ข้างในโปร่งโล่ง มองขึ้นไปเห็นเพดานโดม ปราศจากเสาค้ำยัน และยังไม่ต้องใช้โครงค้ำ ซึ่งนับเป็นความสามารถพิเศษของสถาปนิกผู้ออกแบบ ภายในโดมตกแต่งด้วยภาพเขียนสีบนปูนเปียกสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ ว่าเขียนได้อย่างไร โดมแห่งนี้ ไม่ใช้โมเสกประดับเหมือนวิหารอื่นๆ เพื่อไม่ให้โดมมีน้ำหนักมากเกินไป ดูโอโมจึงเป็นมหาวิหารหินอ่อนสามสีที่สวยงามมาก และมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมหลายยุค หลายสมัยจนน่าทึ่งและยังเป็นมหาวิหารที่สูงที่สุด ในฟลอเรนซ์ ตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน

ทั้งสองเดินชื่นชมความวิจิตรพิสดารของดูโอโมจนได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน เสร็จแล้วจึงเดินขึ้นไปทางทิศเหนือไปชมประติมากรรมรูปปั้นเดวิด ฝีมือของไมเคิลแองเจโล ที่หอศิลป์แอคคาเดเมีย หลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าลงทางใต้ มุ่งหน้าไปที่แม่น้ำอาร์โน ไปที่สะพานเวคคิโอ เพื่อช้อปปิ้ง ของที่ระลึกของเมืองฟลอเรนซ์ และสัมผัสบรรยากาศของสะพานแห่งนี้ จากนั้นจึงเดินทางกลับไปยังจุดนัดพบกับโยธินนาคเพื่อเดินทางกลับกรุงโรม

ระหว่างเดินกลับ บนถนนเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ มีทั้งคนยุโรป คนเอเชีย เมื่อบรรดาหญิงสาวทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นเห็นเจ้านาเคนทร์นาคราชซึ่งงามสง่า เด่นเตะตากว่าชายทั้งปวง ทุกคนที่พบเห็นก็อดไม่ได้ที่จะต้องเหลียวมองซ้ำอีก ด้วยสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผย เด็กสาวชาวอิตาเลียนกลุ่มหนึ่งที่เดินสวนมา เมื่อเห็นหน้า “เทพเจ้าอพอลโล”ก็กรี๊ดกันใหญ่เพราะคิดว่าเป็นดาราดัง ด้วยนาเคนทร์นาคราชมีใบหน้าละม้ายคล้ายพระเอกหนังยอดนิยมของประเทศอิตาลี เด็กสาวเกือบสิบคนเก็บอาการไม่อยู่ถึงกับเข้ามาทักทายพร้อมขอลายเซ็น
เมื่อถูกรุมล้อมจากเด็กสาวกลุ่มใหญ่ เกตุดาราก็เลยถูกเบียดออกมาอยู่วงนอก เจ้านาเคนทร์นาคราชชะเง้อคอมองตามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็มองหาไม่เห็นเพราะร่างบาง ๆ เพรียวๆถูกคลื่นฝูงชนบังหายไปจากสายตา ด้วยทั้งรักอย่างสุดซึ้ง บวกกับความห่วงใยที่มีต่อสาวคนรัก และเพื่อให้หลุดจากวงล้อมของสาวๆ ที่คลั่งไคล้ดารา จึงตัดสินใจแปลงกายเป็นงูเหลือมตัวโตเท่าโคนขาบุรุษ เลื้อยช้าๆ แหวกวงล้อมของเด็กสาวกลุ่มนั้นออกมาได้ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความตกตะลึงของผู้พบเห็น หลุดออกมาก็เลื้อยปราด ๆอย่างรวดเร็ว สายตาสอดส่ายหาสตรีอันเป็นยอดดวงใจ พอมองเห็นเธอยืนหลบอยู่ข้างๆซอกตึกริมถนนด้านซ้ายมือ ก็พลันคืนร่างกลับกลายเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามคนเดิม คว้าข้อมือเกตุดาราได้ ก็พาออกวิ่งอ้าว หนีไปจนสุดถนน ทิ้งสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวายไว้เบื้องหลัง พอพ้นจากสภาพการณ์อันโกลาหล อลหม่าน ทั้งสองก็ถอนหายใจ โล่งอก พร้อมกับหัวเราะขบขันกันใหญ่
“เจ้าพี่ไม่น่าไปแปลงกายเป็นงูใหญ่ อย่างนั้นเลย สงสารสาวๆ พวกนั้นคงจะตกอกตกใจ กันหมดแล้ว ดีนะไม่มีใครช็อคตายไป”
“พี่ตกใจ มองหาไม่เห็นเกด เป็นห่วงมากกลัวจะเป็นอันตราย กลัวเราจะพลัดหลงกันอีก ลืมตัวไป ขอโทษนะ แต่เป็นเพราะพี่รักเกดมาก”
“ขอบคุณมาก เกดไม่เป็นอะไรหรอก เกดไปยืนหลบมุมรอพี่อยู่ อย่างไรก็ตาม เกดก็จะไม่ยอมให้เราสองคนต้องพลัดพรากจากกันอีกแล้ว กว่าเราจะได้พบกัน ก็อยู่กันคนละภพ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เกดก็จะไม่ยอมจากพี่นาเคนทร์อีกแล้ว”
“จ้ะ ที่รัก เราจะไม่มีทางพรากจากกันอีกแล้ว” ทั้งสองสบตากันเป็นสัญญาใจ แล้วเดินต่อไปจนถึงที่นัดหมาย

โยธินนาคคอยอยู่แล้วด้วยท่าทางกระวนกระวายอยู่ข้างๆรถ พอพบกันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบรายงานเจ้านาเคนทร์นาคราชกับเกตุดาราทันที
“ข้าพระองค์คิดว่าเจ้ารีบขับรถไปส่งคุณเกดคนเดียวเถอะ รีบไปให้พ้นจากเมืองนี้ก่อน เพราะเมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าพระองค์อยู่ที่สะพาน กำลังเดินดูสินค้าประเภทของที่ระลึกอยู่ ข้าพระองค์เห็นนางกำนัลสองคนของพระมเหสี ดูท่าทางนางไม่ได้มาเที่ยวแน่นอน เพราะทั้งคู่สอดส่ายสายตาเหมือนมาตามหาคนรู้จัก แต่ข้าพระองค์ว่านางคงมาตามคำสั่งของพระมเหสี ที่ให้ติดตามท่านกับข้าพระองค์ เพราะเราสองคนหายมาทั้งคู่ ถ้าช้าอยู่ นางพบเราแล้วละก้อ จะต้องวุ่นวายแน่ โดยเฉพาะถ้าได้เห็นท่านอยู่กับคุณเกด”
“ ขอบใจมาก เราเห็นด้วย ถ้าเช่นนั้นเราแยกทางกัน เราจะพาคุณเกดไปส่งที่บ้านก่อน ส่วนเธอรีบไปให้พ้นจากเมืองฟลอเรนซ์เลย แล้วกลับเมืองบาดาลไปรับหน้าพระมเหสีไว้ก่อน แล้วเราจะรีบกลับไป”
“พะยะค่ะ”

ระหว่างนั่งรถกลับกรุงโรม นาเคนทร์นาคราชเล่าให้เกตุดาราฟังว่า พระมเหสีนั้นขี้หึงมาก เกรงว่านาเคนทร์นาคราชจะตามหาดาริณีนาคินีพบ แล้วจะหนีนางไปอยู่ด้วยกัน ทุกครั้งที่ออกตามหาดาว นางจะส่งนางกำนัลคนสนิทสองคนของนางออกติดตามมาด้วยเสมอ แต่ก็แคล้วคลาดกันไปทุกที เพราะได้โยธินนาคคอยหลอกล่อให้นางทั้งสองตามมาไม่ทัน มีครั้งหนึ่งที่นางตามมาทัน ได้พบนาเคนทร์นาคราชในช่วงที่กำลังนั่งฟังธรรมของพระธุดงค์ในป่าแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนที่ติดกับประเทศพม่า พอกลับไปรายงานพระมเหสี พระมเหสีก็เลยไม่ว่า แต่ก็ยังไม่เชื่อใจ จะต้องส่งนางกำนัลมาคอยสอดแนมทุกครั้งที่ออกจากเมืองบาดาล

“แล้วครั้งนี้ไม่รู้ว่านางกำนัลทั้งสองเห็นพี่กับเกดหรือเปล่า ถ้าเห็นแล้วกลับไปรายงานพระมเหสี เดี๋ยวพี่นาคินทร์ต้องเดือดร้อนแน่ๆ” เกตุดารากังวลใจ ความสุขเมื่อครู่ที่ได้เที่ยวกับคนรักหายวับไปทันทีที่ได้รับรู้เรื่องราวความหึงหวงของพระมเหสี กลับกลายเป็นความทุกข์ใจเข้ามาแทนที่ ประจักษ์ชัดแจ้งกับใจทันทีเลย ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” อย่างที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้จริงๆ

“พี่คงต้องกลับเมืองบาดาลก่อน แต่ไม่ใช่เพราะกลัวนาง แต่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเกดมากกว่า เพราะถ้านางรู้เรื่องของเรานางอาจจะส่งคนมาทำร้ายเกดได้” พูดจบก็หยิบสร้อยพระศอที่สวมอยู่ที่คอคล้องให้ที่ลำคอ นวลระหงของหญิงคนรักหลังจากชะลอรถจอดที่ไหล่ทาง “สร้อยของพี่มีจี้เป็นเกล็ดมรกตศักดิ์สิทธ์เป็นมรดกสืบทอดมาจากบรรพบุรุษของพี่ ท่านพ่อมอบให้พี่ไว้ตอนขึ้นครองเมือง เป็นเกล็ดมรกตของท่านปู่ทวดของพี่ ท่านเป็นพญานาคที่มีฤทธิ์อำนาจมาก แต่ใฝ่ในทางธรรม ท่านมีคาถาอาคมแก่กล้า ท่านได้ปลุกเสกเกล็ดของท่านไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานไว้คุ้มครองป้องกันภัยอันตราย ทั้งจากสัตว์ร้าย หรือมหันตภัยตามธรรมชาติ แต่คนที่สวมไว้จะต้องถือศีล ปฏิบัติธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตใคร เกดสวมไว้นะจ้ะ พี่จะได้สบายใจ อุ่นใจว่าไม่มีใครมาทำร้ายเกดได้”

“ขอบคุณพี่นาเคนทร์มาก พี่เอามาให้เกด แล้วพี่ก็จะไม่มีไว้สวมป้องกันภัย พี่นาเคนทร์เก็บไว้กับตัวดีกว่า เกดสวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ คงไม่มีใครทำร้ายเกดได้หรอก”
“ไม่ได้หรอก ถ้าเกดไม่รับไว้พี่จะต้องไม่สบายใจเลย ถ้าต้องจากเกดไป คิดว่าสร้อยเส้นนี้เป็นตัวแทนของพี่ เวลาเกดคิดถึงพี่ ก็ดูสร้อยแทนพี่ต่างหน้า ส่งกระแสจิตไปหาพี่แล้วพี่จะรีบมาหา เชื่อพี่นะคนดี” พูดจบก็ขับรถต่อ เกตุดารารับคำด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งคู่แทบจะไม่ได้พูดคุยกันอีก จนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าบ้านพักที่กรุงโรม
“พี่คงส่งเกดได้แค่นี้ พี่จะกลับเมืองบาดาลก่อน เป็นห่วงงานด้วย แล้วเราจะพบกันอีกเมื่อไรดี?”
“เราพบกันที่กรุงเทพดีไหมค่ะ ทิ้งระยะเวลาให้ห่างสักหน่อย เกดจะเรียนต่อปริญญาโท พอปิดภาคเรียนภาคแรก เกดจะกลับไปกรุงเทพ แล้วเรานัดพบกันนะคะ”
“ตกลงจ้ะ อยากพบพี่เมื่อใด ก็ตั้งใจส่งกระแสจิตไปถึงพี่ แล้วเราก็จะได้พบกัน”
“ค่ะ โชคดีนะคะ ”
“จ้ะ เกตุดารา ดาวน้อยของพี่ ลาก่อนยอดรัก จนกว่าจะพบกัน”

เกตุดาราน้ำตาคลอจนต้องเสเบือนหน้ามองไปทางประตูบ้าน กล่าวอำลาแต่ไม่มีเสียงผ่านลำคอ ด้วยโศกสลดสุดแสน แล้วตัดใจหันหลังให้ เดินเข้าบ้านไป

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/