ความแค้น ขณะที่ชาวนาคนหนึ่งกำลังกำลังทำนาอยู่ พลันก็เห็นงูตัวหนึ่งกำลังจะกลืนกบ ด้วยความสงสารจึงเอาไม้ไล่งูไป พอตกกลางคืนด้วยความแค้นงูจึงเลื้อยเข้าไปในห้องชาวนาเพื่อล้างแค้น ขณะที่งูจะฉกชาวนาที่กำลังนอนอยู่ เจ้ากบก็ได้ร้องอย่างสุดเสียงจนชาวนาตกใจตื่น เขาโมโหที่กบร้องจึงพูดว่า “เจ้าเดรัจฉาน! ตอนกลางวันกูช่วยมึงๆไม่สำนึกบุญคุณยังมากวนกูนอนเดี๋ยวเถอะมึง” ว่าแล้วก็หาไม้เพื่อจะตีกบ พอจะก้มไปหยิบไม้ก็เห็นงู จึงได้รู้ว่าที่กบร้องก็เพื่อจะช่วยตนเองจึงคว้าไม้ตีงูจนตาย ต่อมาไม่นานหมาของชาวนาคลอดลูกออกมา 3 ตัว เป็นสีดำ 2 เหลือง 1 ชาวนารักตัวสีเหลืองมากตั้งชื่อว่า “ไอ้เหลือง” (กล่าวกันว่าคนที่เรารักมากถ้าไม่ใช่คนที่เรารักทำบุญร่วมกันมา ก็จะเป็นศัตรูเรากลับชาติมาเกิดเพราะคนที่จะทำให้เราเจ็บมากจริงๆ คือคนที่เรารัก เพราะยิ่งรักมากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น)
ดังนั้น พอเวลาไปทำนาชาวนาก็จะพาไอ้เหลืองไปด้วย วันหนึ่งพอตกเย็นหลังจากทำนาแล้ว ก็พาไอ้เหลืองไปไหว้พระที่วัด หลวงตาที่วัดเห็นด้วยญาณ จึงได้รู้ว่าไอ้เหลืองคืองูตัวนั้นกลับชาติมาเกิดรอเวลาเพื่อล้างแค้น แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เลยบอกกับชาวนาว่า “โยมที่วัดมันเงียบเหงาๆ โยมเอาหมาตัวนั้นไว้ที่วัดได้มั๊ย?” ชาวนาฟังดังนั้น แต่ด้วยความรักไอ้เหลืองมากเลยบอกกับหลวงตาว่า “เอาอย่างนี้นะครับผมมีอีก 2 ตัว เดี๋ยววันหลังผมเอามาให้นะครับ” หลวงตาได้ยินดังนั้นก็เงียบไม่ได้ว่าอะไร พอเวลาผ่านไปไอ้เหลืองโตเต็มที่หลวงตารู้ได้ด้วยญาณเมื่อชาวนามาทำบุญที่วัดคนเดียว หลวงตาบอกกับชาวนาว่า “คืนนี้โยมนอนอย่านอนที่เตียงนะให้ทำหุ่นฟางแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้” ชาวนาฟังแล้วก็สงสัยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรรับปากหลวงตาแล้วก็กลับบ้าน พอตกดึกชาวนาทำตามที่หลวงตาแนะนำ ขณะที่นอนอยู่นั้นไอ้เหลืองเดินเข้ามาในห้องกระโดดขึ้นไปบนเตียง กัดที่นอนและหุ่นฟางจนขาดกระจุยคืนนี้ไอ้เหลืองดูดุร้ายมาก ชาวนามองด้วยความตกใจแทบไม่เชื่อสายตาว่านี่จะเป็นไอ้เหลืองที่น่ารักของตน ราวกลับเป็นคนละตัว ชาวนาทั้งโกรธแค้นและเสียใจมาก หันไปคว้าไม้ประหนึ่งเพื่อป้องกันตัวด้วย แต่ก็ตีไอ้เหลืองจนตาย วันรุ่งขึ้นชาวนาไปทำบุญที่วัดและไปขอบคุณหลวงตาที่ช่วยตน พอเล่าความให้หลวงตาฟัง หลวงตาก็ถอนหายใจอุทานว่า “บาปกรรมๆ อาตมาจะช่วยโยมไม่นึกว่าโยมจะฆ่าเค้าตาย นี่โยมฆ่าเค้ามา 2 ชาติแล้วนะ” แต่ดูเหมือนชาวนาจะไม่สนใจเท่าไรนัก เวลาผ่านไปไอ้เหลืองมาเกิดเป็นงูตัวใหญ่มาก เข้าจู่โจมขณะที่ชาวนากำลังทำนาแต่ชาวนาหลบทันทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก ชาวนาวิ่งไปหาหลวงตาที่วัดเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะที่งูก้อตามไปด้วยความรวดเร็ว พอถึงวัดหลวงตาจึงบอกว่าเข้ามาหลบในวัดก่อน แล้วจึงปิดประตูแต่งูก็พุ่งชนประตูวัดอย่างแรงจนประตูพัง หลวงตาคิดหาวิธีจึงบอกว่าโยมไปหลบในระฆังก่อนแล้วกัน(เป็นวัดจีนระฆังใหญ่มาก) ซักพักมันเหนื่อยมันคงไปเองหลวงตาจึงให้คนค่อยๆ ปล่อยระฆังมาครอบชาวนา ด้วยแรงพยาบาทงูไม่ทำร้ายใครนอกจากชาวนาคนนั้น มันตรงไปที่ระฆังเนื่องจะระฆังใบใหญ่มีน้ำหนักมากไม่ว่าชนอย่างไรก้อไม่ขยับ มันจึงขนดตัวพันรอบระฆังอย่างแรงจนขาดใจตายพอตกเย็นหลวงตา,พระลูกวัดและชาวบ้านมาดูพบว่างูตายแล้ง จึงช่วยกันเอางูออกพอยกระฆังขึ้นเพื่อจะช่วยชาวนาออกมา ก็พบว่างูได้รัดระฆังแน่นมากจนไม่มีที่ให้อากาศเข้า ทำให้ภายในระฆังขาดอากาศหายใจจึงทำให้ชาวนาตาย หลวงตาสลดใจจึงให้คนนำงูไปฝังไต้ต้นไม้หน้าวัดส่วนชาวนาได้นำไปฝังไต้ต้นไม้หลังวัดเพื่อเป็นนัยว่าให้ทั้ง 2 เลิกแล้วต่อกันอย่าได้จองเวรกันอีก ทว่าต้นไม้ทั้ง 2 ต้นกลับโตอย่ารวดเร็วแผ่กิ่งก้านสาขาเข้าหากันและรัดกันจนตายทั้งคู่
หลวงตาเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่าความพยาบาทน่ากลัวมาก แม้ตายก็ยังไม่ยอมละเว้นจึงสั่งให้คนตัดต้นไม้ทั้ง 2 เสีย แล้วนำมาแกะสลักเป็น “มู๋อวี๋”(หรือ “บักฮื่อ”ในภาษาจีนแต้จิ๋ว) โดยต้นหนึ่งแกะเป็นด้ามตี อีกต้นแกะเป็นลูกเพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่าความแค้นความพยาบาทไม่เคยทำให้ใครได้ดี มีแต่จะทำร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น.........
****หมายเหตุ : เรื่องนี้แปลมาจากภาษาจีน
|