ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
นิทานสีขาว...เรื่อง...พรจากพระนารายณ์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=23826 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 13 ก.ค. 2009, 16:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | นิทานสีขาว...เรื่อง...พรจากพระนารายณ์ |
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เมืองหิรัญบุรี มีกษัตริย์องค์หนึ่งปกครองอยู่ทรงมีพระนามว่า “พระเจ้าหิรัญญา” พระเจ้าหิรัญญาเป็นกษัตริย์ที่ตั้งมั่นในการบำเพ็ญเพียรและบูชาพระนารายณ์ ด้วยการสวดมนต์ถึงพระองค์ พระเจ้าหิรัญญาทรงเห็นว่า เมื่อได้ปฏิบัติดังนี้จะทำให้ตนเองมีใจเป็นสุขสงบนิ่งสมาธิดีเป็นเลิศ สามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองได้เป็นผลสำเร็จลุล่วงทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้ เมื่อว่างเว้นจากการทรงงานในฐานะกษัตริย์ พระองค์จึงมักเสด็จเข้าห้องบรรทม เพื่อเข้าฌานฝึกสมาธิและสวดมนต์ ระลึกถึงองค์นารายณ์อย่างสม่ำเสมอ อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่พระเจ้าหิรัญญากำลังเข้าฌานอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงร้องเรียกพระนามของพระองค์ดังแว่วขึ้นว่า “หิรัญญาเอ๋ย หิรัญญา...จงลืมตาขึ้นเพื่อรับพรจากเราเถิด” เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พระเจ้าหิรัญญาก็ค่อยๆ ลืมพระเนตรขึ้นมอง พบชายผู้หนึ่งรูปร่างงดงามยิ่งนักกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพระองค์ รอบๆ ร่างกายของชายผู้นี้สว่างไสวไปด้วยรัศมีสีทอง พระเจ้าหิรัญญารู้โดยทันทีว่าชายผู้นี้ต้องเป็นเทพเจ้าชั้นสูงองค์ใดองค์หนึ่งเป็นแน่ จึงรีบทรุดกายลงนั่งกับพื้นและหมอบกราบแทบเท้าเทพเจ้า “ด้วยความเคารพองค์เทพเจ้า ท่านคือเทพซึ่งปรากฏพระนามเช่นไรหรือ” พระหิรัญญาทรงตรัสถาม “นามของข้าเป็นที่รู้จักดีของท่าน ท่านบูชาข้าอยู่ทุกทิวาราตรีแล้ว หิรัญญาเอ๋ย” องค์เทพเจ้าตรัสตอบ “ท่าน คือ...องค์นารายณ์ กระนั้นหรือ...โอ้...ข้าไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าจะมีบุญได้เห็นท่านมาโปรด” หิรัญญาตรัสด้วยความดีพระทัยอย่างเหลือล้น “เรามาโปรดท่าน ด้วยเห็นถึงความตั้งใจในการบำเพ็ญสมาธิของท่านนี้ เราจักให้พรแก่ท่านหนึ่งประการ ขอให้ท่านแจ้งความประสงค์แห่งพรประการนั้นมาเถิด” องค์นารายณ์ตรัสแก่พระเจ้าหิรัญญา และโดยไม่รอช้า พระเจ้าหิรัญญาก็ทูลขอพรประการนั้นทันที “ข้าแต่องค์พระนารายณ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขอพระองค์โปรดประทานความเป็นอมตะให้แก่ข้า ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ก็ไม่อาจทำร้ายข้าได้ ไม่ว่าในเวลากลางวันหรือกลางคืน ไม่ว่าจะอยู่ในเรือนหรือนอกเรือน ก็จักไม่มีผู้ใดสามารถสังหารหรือทำลายข้าได้เลย” องค์นารายณ์ เมื่อได้ฟังคำขอจากพระเจ้าหิรัญญา ก็รู้สึกถึงความลำพองใจอันชั่วร้ายบางประการที่แฝงอยู่ในจิตส่วนลึกของกษัตริย์ผู้นี้ แต่กระนั้นเมื่อพระองค์ทรงให้คำสัตย์ไปแล้วว่าจะปรานพรตามคำขอ ก็จำเป็นจะต้องให้พรตามคำสัตย์นั้น “เราจักประทานพรให้แก่เจ้าตามคำขอทุกคำที่เจ้าได้ร้องขอ ขอพรนั้นจงปรากฏแก่เจ้า ณ บัดนี้” สิ้นคำพระนารายณ์ แสงสีทองก็สว่างวาบขึ้นทั่วห้องบรรทมของพระเจ้าหิรัญญา แล้วร่างขององค์พระนารายณ์ก็หายวับไป พร้อมกับที่พระเจ้าหิรัญญารู้สึกได้ว่า พระองค์ทรงมีพรวิเศษขององค์พระนารายณ์อยู่กับตัวแล้ว พระเจ้าหิรัญญานั้น เมื่อได้รับพรความเป็นอมตะจากองค์พระนารายณ์ ก็เกิดความฮึกเหิมชั่วร้ายขึ้นในจิตใจ พระองค์แปรเปลี่ยนไป เป็นกษัตริย์ที่ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจของตน ทรงกลายเป็นผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมและหยาบคาย ละเลยกิจวัตรการบำเพ็ญเพียร ละทิ้งการสวดมนต์สรรเสริญองค์นารายณ์ ด้วยคิดว่าความเป็นอมตะนี้ได้ทำให้พระองค์ยิ่งใหญ่กว่าใคร และไม่จำเป็นต้องนับถือผู้ใดนอกจากตัวของพระองค์เอง บัดนี้พระองค์ไม่เป็นที่รักของประชาชนและข้าราชบริพารอีกต่อไป แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ เนื่องจากเกรงกลัวพระอาญา ตามกฎการออกศึกของเมืองหิรัญบุรีที่เคยสงบสุขนั้น สงครามระหว่างเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อมีข้าศึกจากเมืองอื่นยกทัพมา หมายจะยึดครองหิรัญบุรีเท่านั้น เพราะพระเจ้าหิรัญญาไม่อยากให้ใครๆ ต้องเป็นทุกข์ด้วยภัยจากสงคราม แต่มาภายหลังเมื่อทรงได้รับพรให้เป็นอมตะแล้ว พระองค์กลับทรงต้องการขยายอาณาเขตให้กว้างไกล เพื่อประกาศความเป็นมหาราชา ของพระองค์ให้ระบือไกลไปทั่วทุกสารทิศ สงครามระหว่างเมืองจึงเกิดขึ้นโดยที่พระองค์เป็นผู้บัญชาการการรบด้วยพระองค์เอง และทรงได้รับชัยชนะจากทุกที่ที่ทรงยกทัพเข้าไปทำลายล้าง เมื่อยึดครองเมืองเหล่านั้นได้แล้ว พระองค์ก็ริบเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดมาเป็นของส่วนพระองค์ และทรงบังคับให้ชาวเมืองหันมาบูชา และกล่าวคำสรรเสริญพระนามของพระองค์แทนเทพเจ้าทั้งหลาย ที่ได้เคยเคารพบูชากันมาหลายร้อยปี ด้วยความเกรงกลัวในอำนาจของพระเจ้าหิรัญญา จึงไม่มีใครกล้าแข็งข้อขัดขืนคำสั่งของพระองค์ และเมื่อพระเจ้าหิรัญญาทรงได้ยินเสียงบูชาสรรเสริญนามของพระองค์ ดังไปทั่วทุกสารทิศก็ยิ่งทำให้ทรงลำพองพระทัยมากขึ้นเรื่อยๆ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 13 ก.ค. 2009, 16:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...พรจากพระนารายณ์ |
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่พระเจ้าหิรัญญากำลังเพลิดเพลิน อยู่กับการฟังคำสรรเสริญพระนามของพระองค์อยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงสรรเสริญพระนามของเทพเจ้าองค์หนึ่งดังแทรกขึ้นมาว่า “โอม นะโม นารายณะ...โอม นะโม นารายณะ” พระเจ้าหิรัญญาได้ยินเข้าก็ทรงพิโรธมาก รับสั่งให้ทหารไปจับกุมผู้ที่เอ่ยคำสรรเสริญพระนาม ของเทพเจ้ามาให้พระองค์ เพื่อลงพระอาญา “มันผู้นั้นคงจักเป็นบุรุษฉกรรจ์ที่คิดว่าตน เองมีฤทธิ์เดชมากมาย จึงกล้ามาท้าทายอำนาจของข้า ดีแล้ว! ข้าจักทำให้มันสิ้นชีวิตอย่างทรมาน เพราะความบังอาจของมันเอง” พระเจ้าหิรัญญารับสั่งอย่างเดือดดาล แต่... ผู้กล้าสรรเสริญพระนามของพระเทพเจ้าใช่บุรุษฉกรรจ์ดั่งที่พระเจ้าหิรัญญานึกคิดไม่ หากแต่เป็นเพียงหนุ่มน้อยวัยแรกรุ่นที่มีแววตาเฉลียวฉลาด และแข็งกล้าคนหนึ่งเท่านั้น “เจ้าเป็นใคร” พระเจ้าหิรัญญาตรัสถามอย่างกราดเกรี้ยว “กราบ ทูลพระราชาผู้ทรงอำนาจ ข้าพระองค์มีนามว่า ภารดา เป็นเพียงเด็กหนุ่มกำพร้าที่พเนจรเรร่อนไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น” ภารดาตอบ “อย่างนั้นจงตอบข้ามา ใยเจ้าจึงกล้าขัดคำสั่งข้า กล่าวคำสรรเสริญบูชานามแห่งเทพเจ้าองค์อื่นที่ไม่ใช่ข้า แม้เจ้าจะเป็นคนจร แต่ชื่อเสียงและคำสั่งของข้าก็ระบือไกลไปทุกแคว้น เจ้าไม่รู้รึ ว่าข้าสั่งให้ทุกคนหันมาบูชาสรรเสริญนามของข้า” “ข้าพระองค์รู้ดี มหาราชา ตลอดทางที่ข้าพระองค์จรผ่านมา ข้าพระองค์ก็ได้ยินแต่เสียงเอ่ยพระนามของพระองค์เท่านั้น” ภารดากล่าว “ทุกคนสรรเสริญข้า” พระเจ้าหิรัญญาตรัสอย่างภาคภูมิพระทัย “เปล่าเลย มหาราชา สิ่งที่ข้าได้ยินคือเสียงสาปแช่งพระองค์ที่ดังระงมไปทั่วทุกหัวระแหง แม้วาจาของประชาชนจะเอ่ยสรรเสริญพระองค์ดังแค่ไหน แต่ในใจของพวกเขากลับสาปแช่งพระองค์ด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่า และสำหรับตัวข้า...ข้าไม่นับถือพระองค์เลย มหาราชา เพราะอย่างนั้น จะไม่มีนามของพระองค์ปรากฏออกมาทางวาจา หรือแม้แต่ในความนึกคิดของข้าเป็น แน่” “บังอาจนัก เจ้าคนพเนจร!” พระเจ้าหิรัญญาตวาด “เจ้าไม่รู้รึว่าข้ามีอำนาจมากแค่ไหน ข้านั้นเป็นอมตะไม่มีวันตาย และเจ้าควรสรรเสริญบูชาข้า” “มหาราชา พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือว่า อำนาจของพระองค์นั้นหาได้เกิดขึ้นโดยพระองค์ไม่ จงอย่าลืมพระองค์เอง อย่าลืมผู้ประทานพรแก่พระองค์ มหาราชา...พระองค์ได้รับอำนาจนั้นมาจากมหาเทพนารายณ์มิใช่หรือ ...โอมนะโม นาราณะ...องค์นารายณ์ผู้ประทานพรนั้นต่างหากเล่า คือ ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง พระองค์ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อย่างท่านนัก และข้าจักบูชาพระองค์เหนือท่านเช่นกัน” พระ เจ้าหิรัญญาพิโรธหนัก รับสั่งอย่างกราดเกรี้ยวให้ภารดาอยุดบูชาองค์นารายณ์ และหันมาสรรเสริญ พระองค์เพียงผู้เดียว ไม่เช่นนั้นพระองค์จะรับสั่งประหารชีวิตเขาเสีย “โอม นะโม นารายณะ...โอม นะโม นารายณะ...โอม นะโม นารายณะ” ภารดาหลับตา เฝ้าแต่ท่องสรรเสริญพระนารายณ์อย่างสงบเยือกเย็น พระเจ้ารัญญาเห็นว่าการกระทำของภารดาเป็นการท้าทายพระราชอำนาจของพระองค์ยิ่งนัก จึงมีรับสั่งให้ทหารจับภารดาไปโยนทิ้งที่หน้าผาเสีย ภารดาไม่ต่อต้านการจับกุมแต่อย่างใด เขาหลับตาและท่องบูชาพระนารายณ์ไป จนกระทั่งตนเองถูกจับโยนลงมาจากหน้าผา แล้วสิ่งมหัศจรรย์ ก็บังเกิด ร่างที่ทิ้งดิ่งลงสู่ก้นเหวอย่างรวดเร็วของภารดา กลับค่อยๆ เคลื่อนลงไปอย่างเชื่องช้า กระทั่งภารดาสามารถหมุนพลิกตัว ให้เท้าแตะพื้นก้นเหวได้อย่างปลอดภัย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน “โอม นะโม นารายณะ...ขอบพระทัยองค์นารายณ์ที่ช่วยข้าน้อยให้พ้นภัย” พระเจ้าหิรัญญาไม่ทรงละความพยายามที่จะสังหารภารดาผู้ไม่ยอมสรรเสริญพระองค์ จึงรับสั่งให้ทหารจับภารดาโยนเข้ากองไฟที่กำลังโหมกระพืออย่างรุนแรง ตลอดเวลาพระเจ้าหิรัญญาและเหล่าทหารได้ยินแต่คำสวดพร่ำถึงองค์นารายณ์ของภราดา กระทั่งไฟมอดกลายเป็นขี้เถ้า แต่ภารดาผู้อยู่ในกองไฟร้อนแรงหาได้รู้สึกระคายผิวไม่ สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่เหล่าข้าบริพารในที่นั้นเป็นอย่างมาก ฝ่ายพระเจ้าหิรัญญาเมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรภารดาได้ ก็รู้สึกบันดาลโทสะยิ่งนัก ทรงหยิบพระขรรค์ขึ้นมาแล้วตัดศีรษะเด็กหนุ่มจนขาดกระเด็น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พระเจ้าหิรัญญาทรงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าเด็กโอหัง ข้าเตือนเจ้าแล้ว ไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่ต่อกรกับข้าได้ ...ทหาร เอาหัวของมันไปเสียบประจานให้ผู้คนได้เห็นจุดจบของผู้ที่กล้าอวดดีกับข้า และสับร่างมันเป็นชิ้นๆ โยนให้อีแร้งนอกเมืองจิกทึ้ง” ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 13 ก.ค. 2009, 16:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...พรจากพระนารายณ์ |
แต่โดยฉับพลันนั้นเอง ศีรษะที่ถูกตัดขากของหนุ่มน้อยภารดาก็หายวับไป ส่วนร่างของเขานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงบางประการ ตรงคอที่ถูกตัดขาดนั้นกลับกลายเป็นศีรษะของสิงโตขึ้นมาแทนที่ ร่างครึ่งคนครึ่งสิงโตกลับมามรชีวิตอีกครั้ง มันยืนขึ้นกวาดตามองไปทั่วบริเวณ เหล่าทหารและเสนาอำมาตย์เมื่อเห็นดังนั้นก็พากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว กันจ้าละหวั่น “เจ้าเป็นใคร” พระเจ้าหิรัญญาตรัสถาม และเงื้อพระขรรค์ขึ้นเตรียมพร้อมที่จะฟาดฟัน “ข้าคือนาราซิมฮา ผู้เป็นข้าแห่งองค์นารายณ์ พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ข้าลงมาปลิดชีพกษัตริย์ผู้ไร้คุณธรรมเช่นท่าน” นาราซิมฮาว่าพลางแยกเขี้ยว แต่พระเจ้าหิรัญญากลับทรงหัวเราะร่วน แล้วตรัสว่า “องค์นารายณ์ให้เจ้ามาปลิดชีพข้ากระนั้นหรือ เห็นทีองค์นารายณ์คงจักไร้ความทรงจำแล้วกระมัง ในเมื่อท่านเป็นผู้ให้พรแห่งความเป็นอมตะแก่ข้าเอง ดังนั้นจะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ทำอันตรายหรือสังหารข้าได้ดอก” “องค์นารายณ์หาไร้ความจำดังท่านว่าไม่ พรของพระองค์ยังคงเกิดผลแก่ท่านทุกคำ ...หิรัญญา ท่านขอองค์นารายณ์ว่าอย่าให้มนุษย์หรือสัตว์ทำร้ายท่านได้ ไม่ว่าในเวลากลางวันหรือกลางคืน ไม่ว่าจะอยู่ในเรือนหรือนอกเรือน ...หิรัญญา เรามิใช่ทั้งสัตว์ ดังนั้นเราจึงอยู่นอกเหนือพรนั้น เวลานี้เป็นช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดินมิใช่ทั้งกลางวันและกลางคืน และที่ท่านกำลังยืนอยู่คือ ชายคาเรือนของท่าน ดังนั้นจึงไม่ใช่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ...หิรัญญา หากท่านได้รับพรจากองค์นารายณ์ และยังคงดำรงตนเป็นกษัตริย์ที่ปกครองบ้านเมืองด้วยคุณธรรมสูงส่งดัง เช่นที่เคยปฏิบัติมา ท่านคงมิต้องมาพบจุดจบที่เสื่อมเสียเกียรติเช่นนี้หรอก ...ดังนั้น ข้าจักขอสังหารท่านเสียบัดนี้” กล่าวจบนาราซิมฮาก็กระโจนเข้า ใส่พระเจ้าหิรัญญาและสังหารพระองค์ในทันที หลังจากนั้นเมืองหิรัญญาก็ได้เลือกกษัตริย์พระองค์ใหม่ที่ทรงคุณธรรมขึ้นปกครอง และปลดปล่อยบ้านเมืองอื่นๆ ที่เคยไปรุกรานให้เป็นอิสระ ความสงบสุขจึงกลับคืนมาสู่ทุกคนอีกครั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ...................................................................... เธอทั้งหลาย... เมื่อเธอเป็นคนมีความดีประดับตนอยู่แล้ว ก็ขอให้ยึดมั่นในความดีเหล่านั้น อย่าได้ละทิ้ง และจงปฏิบัติอยู่เป็นนิจ แล้วความดีนั้นจะส่งผลให้เธอพบกับความสุขได้ในที่สุด แต่หากว่าวันหนึ่ง เธอได้รับผลประโยชน์จากการทำความดีนั้น ก็ขอให้อย่าได้ลุ่มหลงมัวเมาในผลประโยชน์ที่ได้รับ เพราะผลประโยชน์นั้นจักอยู่กับเธอได้ไม่นานเท่าความดีของเธอดอก ดังพระเจ้าหิรัญญานี่อย่างไรเล่า ด้วยเพราะหลงใหลมัวเมาในอำนาจยิ่งใหญ่ของตน ถือว่าตนเองวิเศษกว่าผู้อื่น แต่ลืมนึกไปว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า จงอย่าลืมตนดังเช่นพระราชาผู้นี้ แม่เธอจะได้รับการยอมรับในผลงานด้านใดๆ ของตนเอง ก็ขอให้เก็บความภาคภูมินั้นไว้ในใจ และแสดงความอื่นน้อมถ่อมตนออกมาอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นจงพยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาผลงานของเธอให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นไปอีก เธอที่รัก หากเธอมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่โตกว่าคนอื่นๆ ขอให้ใช้บุญวาสนาที่เธอมี ช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าด้วยความเมตตาเถิด อย่าได้คิดทำลายหรือทำร้ายใครเลย เพราะหากเธอทำดี ไม่ทำร้ายใครแล้ว ไหนเลยจะมีใครคิดย้อนกลับมาทำร้ายเธอได้เล่า คัดลอกจาก... http://larndham.net/index.php?showtopic=24428&st=20 ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |