ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ตัวบุญแท้จริงกับอาการของบุญ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=52062
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Hanako [ 10 มี.ค. 2016, 05:40 ]
หัวข้อกระทู้:  ตัวบุญแท้จริงกับอาการของบุญ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


สำหรับผู้ที่หมั่นภาวนา หมั่นน้อมสติสัมปชัญญะเข้ามาหากายหาจิตนี้ เพ่งจิตนี้ให้สงบลงไปอยู่เสมอๆ อย่างนี้มันจะไม่เห็นผิดเลย มันจะเห็นคำสอนของพระพุทธเจ้าส่วนมากทรงสอนอย่างไรในทำวัตรเช้าเราก็ว่ากันอยู่ทุกเช้าเลย พหุลา ปวตฺตติ ส่วนมากพระองค์ทรงสั่งสอนว่า รูปํ อนิจฺจํ รูปไม่เที่ยง เวทนา อนิจฺจา เวทนาคือ ความเสวยอารมณ์อันเป็นสุขเป็นทุกข์ ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ไม่เที่ยง สญฺญา อนิจฺจา สัญญา คือ ความจำหมาย จำรูป จำเสียง จำกลิ่น จำรส จำโผฐฐัพพะ จำธรรมารมณ์ต่างๆ หมู่นี้มันก็ล้วนแต่ไม่เที่ยงทั้งนั้นเลย สงฺขารา อนิจฺจา สังขาร คือ สภาพปรุงแต่งจิตใจอันนี้ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน ปรุงให้เกิดเป็นบุญบ้าง เป็นบาปบ้าง ไม่ใช่บุญไม่ใช่บาปบ้าง หมู่นี้น่ะล้วนแต่ไม่เที่ยงทั้งนั้นล่ะ

อ้าว หากว่าความคิดเป็นบุญก็ไม่เที่ยงแล้วจะเอาบุญที่ไหนมาเป็นที่พึ่งได้ บางคนก็อาจจะวิจารณ์ไปอย่างนี้ก็ได้ อันตัวบุญแท้ๆ ไม่ใช่ความคิด ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น ตัวบุญคือ ดวงจิต คือ ความรู้สึกนั้นต่างหาก ความคิดมันก็เกิดขึ้นมาจากความรู้สึก นั่นแหละ เมื่อมันรู้ว่า สิ่งนี้เป็นบุญนะมันก็คิดทำอย่างไรจึงจะเป็นบุญ อย่างนี้ เมื่อมันคิดมันพิจารณาลงทำอย่างนี้จึงเป็นบุญกุศล เมื่อมันคิดได้แล้ว มันก็ใช้กายทำใช้วาจาพูดในสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลนั้นไป แต่ความคิดนั้นคิดมาแล้วมันดับไป แต่ความรู้นั้นมันยังอยู่ ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น

ความรู้ดี ความรู้จริง ความรู้ที่สงบเย็นเบิกบาน อันนั้นแหละคือตัวบุญ อันความนึกความคิดต่างๆ นั้นมันเป็นอาการของบุญต่างหาก คิดขึ้นแล้วมันก็ดับไป อันนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา แม้บาปก็เหมือนกันนะ เมื่อคิดโลภคิดโกรธขึ้นมา แล้วความคิดนั้นมันดับไปแหละ แต่ความรู้สึกในเรื่องของความโลภความโกรธนั้นมันมีอยู่ มันฝังอยู่ในจิตนั้น นั่นแหละตัวความโลภความโกรธมันอยู่ที่จิตนั้นเองนะ บัดนี้เมื่อบุคคลเห็นว่า ความคิดเช่นนั้นมันเป็นบ่อเกิดของบาปอกุศลขึ้นในใจ เช่นนี้จึงมาเพียรละความคิดอันนั้นด้วยการภาวนาอย่างที่เราทำกันอยู่นี้แหละ พยายามน้อมสติสัมปชัญญะเข้ามาประคองจิตนี้ไว้ อย่าให้มันคิดไปในทางบาปอกุศล ให้มันคิดไปในทางบุญทางกุศล การนึกพุทโธอย่างนี้มันก็ล้วนแต่เป็นบุญกุศลทั้งนั้นเลย หรือการเพ่งลมหายใจเข้าออกไม่ให้จิตมันเอียงไปทางบาปอกุศลอย่างนี้นะ เช่นนึกว่า หายใจเข้าไปแล้วไม่ออกก็ตาย หายใจออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาก็ตาย ชีวิตนี้ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร



:b44: :b44:


ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“สุขทุกข์อยู่ที่ใจดีหรือใจร้าย”



:: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/