ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
การอิจฉาริษยาผู้อื่น (เรื่องนางจิญจมาณวิกา) : หลวงปู่เหรียญ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=51732 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 09 ม.ค. 2016, 08:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | การอิจฉาริษยาผู้อื่น (เรื่องนางจิญจมาณวิกา) : หลวงปู่เหรียญ |
![]() หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย พระพุทธเจ้านั้นลองนึกดูทุกคนก็คงเชื่อมั่นในใจว่า พระองค์ละราคะ โทสะ โมหะ มานะทิฏฐิต่างๆ ได้หมดแล้ว ใครจะมาด่าว่าทะเลาะพระองค์ พระองค์ก็ไม่ด่าตอบ ไม่ทะเลาะตอบ พระองค์ก็พูดเหตุผลสู่ฟัง เอาก็เอา ไม่เอาก็แล้วไป อย่างนี้แหละ อย่างเช่น “นางจิญจิมาณวิกา” ได้รับจ้างจากพวกเดียรถีย์ ให้ทำอุบายว่าพระพุทธเจ้านั้นได้มาสมสู่อยู่กับตน ประมาณสักเดือนสองเดือนบัดนี้แกก็เอาไม้ทำเป็นท่อนกลมๆ แล้วก็เอาผ้าห่อผูกใส่บั้นเอวนี่ แล้วก็นุ่งผ้านุ่งซิ่นรวมเข้าไปกับท้อง มันก็นูนๆ แล้วถือว่าตนมีครรภ์ วันหนึ่งพระศาสดาประทับอยู่บนธรรมาสน์ กำลังจะแสดงธรรมให้พุทธบริษัทฟัง นางจิญจิมาณวิกานี่ก็ไปยืนต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ แล้วก็ไปกล่าวโทษพระองค์ ว่าพระองค์เนี่ยเป็นแต่อภิรมย์ชมชื่นเท่านั้น เมื่อดิฉันตั้งท้องขึ้นแล้วก็ไม่รักษาครรภ์ ถ้าไม่รักษาเอง ก็ควรจะใช้ให้นางวิสาขาหรือว่าอนาถาบิณฑิ ผู้เป็นอุปัฏฐากนั้นน่ะมาช่วยเหลือดิฉันก็ยังดี อันนี้ไม่เหลียวแลเลย ทีนี้พระองค์ก็ตอบว่า “ดูก่อนน้องหญิง ไอ้เรื่องเหล่านี้น่ะไม่มีใครรู้ นอกจากเราตถาคตกับเธอเท่านั้นแหละจะรู้ได้” อือ พระองค์ก็ตอบเพียงเท่านี้แหละ เมื่อนั้นก็พญาอินทร์สิ บัดนี้ล่วงรู้แล้ว พญาอินทร์ก็นิรมิตตัวเป็นหนู วิ่งขึ้นไปกัดเชือกที่ผูกอยู่ที่ท้องนั้นให้ขาด ไม้กลมๆ นั้นมันก็ตกลงมาถูกหลังเท้านี่บวมไป ญาติโยมเห็นเหตุนั้นเข้าไปก็พากันฉุดคร่าออกไปจากศาลา ทุบตีเอามั่ง ด่าเอามั่ง ก็เช่นนั้นแล้มันทำไม่ดีน่ะมาโกหกพระศาสดา รับจ้างจากพวกเดียรถีย์ เห็นแก่สินจ้างรางวัล พอเดินหนีออกไปลับพระเนตรของพระศาสดาเท่านั้น แผ่นดินก็แยกสูบเอาลงไปไหม้ในอเวจีมหานรก อันนี้แหละเรียกว่า คนใจบาปหนาสาโหด ขาดปัญญาความใคร่ครวญ ว่าเหตุนี้เป็นยังไงหนอ เหตุนี้เป็นทางแห่งความเสื่อม หรือเป็นทางแห่งความเจริญ อย่างนี้ไม่ได้คิดเลย คิดแต่ว่าจะได้เงินได้ทองมาใช้เท่านั้นพอแล้ว เรื่องบาปเรื่องกรรมนั้นไม่คำนึง ไม่คำนึงก็ได้รับผลปัจจุบันทันด่วนนี้นะ ไปทำกับพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐในโลก ไปฟ้องไปโจทก์พระองค์โดยไม่มีมูลความจริง ถ้ามีมูลความจริงนางจิญจินั้นก็คงไม่ไปตกอเวจี แต่นี้มันไม่มีมูลความจริงน่ะเรื่องมันน่ะ อย่างนี้ล่ะกิเลสของคนเรา เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว ก็ให้กำหนดจดจำเอาไว้ในใจ ไอ้ความริษยาอิจฉาผู้อื่นนี่นะ มันไม่ดีจริงๆ นะ โดยเฉพาะไปอิจฉาริษยาดูถูดูหมิ่นท่านผู้มีศีลมีธรรมอย่างนี้นี่ ยิ่งมีบาปหลาย มีโทษมาก เหมือนอย่างนางจิญจิมาณวิกา ไปยกโทษพระพุทธเจ้าอย่างนั้น มีโทษหนัก จนว่าแผ่นดินหนาสองแสนสี่หมื่นโยชน์รับเอาไว้ไม่ได้เลย ก็ต้องแยกสูบเอาลงไปไหม้อเวจีมหานรก เช่นเดียวกับพระเทวทัต อันหมู่นี้เป็นธรรมทั้งนั้น ธรรมเครื่องเตือนใจไม่ให้คนเรานั้นทำบาป การทำบาปมันเป็นอย่างนั้นแหละ เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว เอาเป็นคติเตือนใจอยู่บ่อยๆ เข้าไป มันก็ทำให้เราละความชั่วไปได้ สำหรับผู้มีปัญญานะ ผู้ไม่มีปัญญาฟังแล้วก็แล้วไปนั่นแหละ หาได้จำเอาบทสำคัญๆ ไปสอนใจตัวเองไม่ ฟังแล้วก็แล้วไปลืมไปหมด ไม่ทราบว่าท่านเทศน์อะไรให้ฟัง เรื่องอะไร นึกไม่เห็นเลย คนส่วนมากมันมักจะเป็นอย่างนี้ เมื่อเทศน์ให้ฟังจบลงแล้วถามว่า จำได้ไหมเรื่องอะไรที่เทศน์ให้ฟัง นี่ว่างั้น ไม่รู้ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร จำไมได้ก็ว่า มีอย่างนี้เป็นส่วนมาก แต่ผู้ที่จำได้ก็มีอยู่หรอก แต่มีส่วนน้อย เป็นอย่างนั้น ![]() ![]() ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ “เหตุปัจจุบันของชีวิต” :: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689 |
เจ้าของ: | Duangtip [ 22 ม.ค. 2016, 16:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การอิจฉาริษยาผู้อื่น (เรื่องนางจิญจมาณวิกา) : หลวงปู่เหร |
![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | sirinpho [ 28 ม.ค. 2016, 14:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การอิจฉาริษยาผู้อื่น (เรื่องนางจิญจมาณวิกา) : หลวงปู่เหร |
![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |