หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


เมื่อเราพิจารณารู้กิเลสเหล่านี้แล้วมันทำให้ข้องอยู่ในโลก
มันทำให้เกิดมาแล้วก็มา กรรมเวรแต่หนหลังได้ทำมา
ก็บันดาลให้มาพบกับศัตรูที่เคยเบียดเบียนกันมาแต่ก่อน
เอ้ามาเห็นกันเข้า กรรมเก่านั้นมันดลบันดาลให้เกลียดกันชังกัน
มองหน้ากันไม่สนิท นี่นะหมู่นี้ ไอ้ความทุกข์ของชีวิตน่ะเยอะแยะ
แต่คนไม่ได้พิจารณาเฉยๆ ถ้าหากว่าได้ใช้ปัญญา
พิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนไปอย่างนี้เราจะเห็นว่า
ชีวิตนี้เต็มไปด้วยทุกข์ทนได้ยากลำบากเลย

เอ้าแล้วเมื่อเป็นเวรกันมาแต่ก่อนแล้วทำยังไงบาดนี่
เอ้าก็เมื่อผู้ปฏิบัติธรรมน่ะก็ “ไม่ควรถือมั่น” ซิ

เมื่อเห็นกันไม่ชอบใจต่อกันและกัน
โอ ก็นึกว่าแต่ก่อนมันคงได้ผูกเวรกันมา ได้เกลียดชังกันมา
เพราะฉะนั้นมาในชาตินี้มันถึงเห็นกันเข้าแล้วมันไม่ชอบใจกันเลย
เขาจะทำดีทำชั่วยังไงก็ไม่ชอบใจ เอออย่างนี้
เราก็มาเจริญเมตตาต่อกันเข้าไป เอาละ เรื่องความเกลียดชังกัน
ความได้เบียดเบียนกันมาแต่ก่อนก็อโหสิกรรมให้ไปเลย
มาชาตินี้เราจักไม่โกรธกัน ไม่เกลียดกัน ให้อภัยต่อกันและกันไป
เราจะหันหน้าเข้าหากัน ทำดีร่วมกันไป
ถ้าหากว่ามันจำเป็นต้องได้ร่วมกันอย่างนี้นะ

เมื่อต่างคนต่างอโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกันแล้ว
เราก็ทำแต่ความดี พูดแต่คำอ่อนหวาน
คำที่มีประโยชน์ต่อกันและกันไปเช่นนี้
กรรมเวรนั้นมันก็ห่างไกลไป มันก็ไม่ได้ตามสนองอีกต่อไป

นี่ “พระพุทธเจ้า” จึงได้ทรงตรัสไว้ว่า

“เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะการจองเวร
ในสมัยใดเวรทั้งหลายย่อมระงับไปได้
เพราะความไม่จองเวรต่อกันและกัน ดังนี้”

นี่แหละเพราะฉะนั้นน่ะขอให้พากันพิจารณา
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่นำมาแสดงให้ฟังนี้
แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติตามก็จะได้รับความสุขความเย็นใจ
ตามกำลังความสามารถของตนของตน





ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“สว่างมาอย่ามืดไป”


:: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689