ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=49622 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | pang99 [ 05 มี.ค. 2015, 10:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
การให้ผลของกรรมตามกาลเวลา กับ ความเพียรพยายาม การที่กรรมให้ผลในเเต่ละเวลาๆขึ้นอยุ่กับตัวเราเองความพยายามของเราเองด้วยรึป่าว หรือว่ามันมีกฎเกณฑ์มาแล้วจะจะเกิดเวลาไหนๆ |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 05 มี.ค. 2015, 11:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ข้อมูลจาก บันทึกพระภิกษุนิรนาม |
นอกจากนี้ยังมีลักษณะของกรรมที่อยากใหรูไวใหชัดอีก ๖ ประการ คือ ๑. กรรมจากการฆาสัตวยอมสงผลใหไปสูอบายภูมิ ครั้นกลับมาเกิดเปนมนุษยอีก ก็เปนคนอายุนอยหรืออายุสั้น ตายเสียกอนวัยอันควร สวนกรรมที่ไมฆาสัตว มีเมตตาปรานีในสรรพสัตว ตายแลวยอมไปสูสุคติโลกสวรรค เมื่อกลับมาเกิดเปนมนุษย ก็เปนคนอายุยืน ๒. กรรมจากการเบียดเบียนสัตวดวยการตบตี ขวางปา แทง ฟน สงผลใหไปสูอบายภูมิ ครั้นไดกลับมาเปนมนุษยอีก ก็เปนคนมีโรคภัยไขเจ็บมาก ๓. กรรมจากความมักโกรธถูกวาเล็กนอยก็โกรธพยาบาทปองราย แสดงความโกรธ ความดุราย ความนอยใจใหปรากฏออกมา สงผลไปสูอบายภูมิ ครั้นมาเกิดเปนมนุษย ก็จะเปนคนผิวทราม สวนคนที่ไมมักโกรธ เกิดมาเปนมนุษยก็ผิวงาม นาเลื่อมใส ผองผุด เกลี้ยงเกลา ๔. กรรมจากความมีใจริษยาอยากได เขาไปขัดขวางในลาภ สักการะของผูอื่น หรือผูอื่นมีใจนับถือ นบไหวผูอื่น ก็ไปขัดขวางเขา ตองการใหนับถือตัวผูเดียว ตายไปก็ลงสูอบายภูมิ ครั้นเกิดเปนมนุษยอีกก็เปนคนมีศักดาต่ํา ไมคอยมีใครยกยองนับถือ สวนทําตรงกันขามก็ไปสูสวรรค เกิดเปนมนุษยมีศักดาใหญ ไดรับความนับถือจากผูอื่น ๕. กรรมจากการไมใหทาน ขาว น้ํา ผา ยานพาหนะ ดอกไมของหอม ที่อาศัยหลับนอน ใหแสงสวาง แกสมณะและคนดี เพราะความตระหนี่ เหนียวแนน ตายไปก็สงผลใหไปสูอบายภูมิ ครั้นมาสูความเปนมนุษยอีก ยอมเปนคนมีโภคะนอย หรือมีสมบัตินอย สวนทําตรงกันขามยอมเปนผูมีโภคะมาก ๖. กรรมจากความกระดางถือตัว ไมไหวคนควรไหว ไมลุกรับคนควรลุกรับ ไมใหอาสนะแกคนควรให ไมหลีกทางแกคนควรหลีก ไมสักการะคนควรสักการะ ไมเคารพคนควรเคารพ ไมนับถือคนควรนับถือ ไมบูชาคนควรบูชา ทั้งนี้ก็สามารถสงผลดีและผลรายไดเชนเดียวกัน ดังนั้น จะเห็นไดวา กรรมที่กลาวมานี้ เปนเรื่องของจิตใจโดยตรง เปนกรรมทางจิต ก็จิตของมนุษยเรานั้น ถาปลอยใหจิตเศราหมอง ขุนมัว ดวยกรรมตางๆ กัน ยอมเปนพิษภัยแกตัวเองทั้งสิ้น ทานจึงสอนใหทําจิตใหสะอาด สวาง และสงบ เปนจิตบริสุทธิ์ ประกอบดวย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เปนจิตใจที่ออนโยน ๗. กรรมอีกอยางหนึ่ง คือ การไมเขาหาเพื่อศึกษาหรือไตถามสมณพราหมณหรือผูรูมีปญญาในสิ่งที่ควรถาม เชน กุศล อกุศล สิ่งมีโทษ ไมมีโทษ สิ่งควรเสพ ไมควรเสพ กรรมที่เปนไปเพื่อทุกข กรรมที่เปนไปเพื่อสุข หรือสิ่งที่สงผลไปสูอบาย หรือกรรมที่สงผลไปสูสุคติโลกสวรรค นิพพาน การที่ทานบัญญัติกรรมนี้ไว ก็เพราะถือวา มนุษยที่เกิดมา จะทําดีหรือไมดี ก็เพราะความไมรูที่เรียกวา “อวิชชา” การไมแสวงหาความรู จึงเปนตนเหตุแหงกรรมดีกรรมชั่วของมนุษย ผลที่เห็นไดงายก็คือความโงเขลา และความเฉลียวฉลาดมีปญญา เมื่อไดรูเรื่องกรรม ตามที่กลาวมาแลวทั้งหมด ทานผูมีปญญา ยอมจําแนกแยกแยะ ความหยาบ ความละเอียด หนักเบาของกรรม นั้นๆ ได และเปนจริง แสดงใหเห็นวา สัตวทั้งหลายมีกรรมเปนของๆ ตน มีกรรมเปนผูใหผล มีกรรมเปนแดนเกิด มีกรรมเปนเครื่องจําแนกแยกใหเห็นวา มนุษยจะดีหรือจะชั่ว จะร่ํารวยหรือยากจนเข็ญใจ จะรูปงามหรือต่ําทราม จะลงนรกหรือขึ้นสวรรค จะเวียนวายตายเกิดในภพภูมิตางๆ หรือจะหลุดพนไปสูพระนิพพาน แดนแหงจิตอมตะก็ดวยกรรม คือ “การกระทําของตนเอง” ทั้งสิ้น ข้อมูลจาก บันทึกของพระภิกษุนิรนาม |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 05 มี.ค. 2015, 11:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
ต่อนะครับ เพราะแรงกรรมแตกตางกันดังนี้ ทานจึงแยกกรรมและผลของกรรม ไวดังนี้ ๑. กรรมที่สามารถใหผลใหปจจุบันชาติ ที่เรียกวาใหผลทันตา ไดแก กรรมประเภทประทุษรายผูทรงคุณ เชน บิดา มารดา พระอรหันต แมแตเพียงการด าวาติเตียนทานผูทรง คุณเชนนั้น ก็เปนกรรมที่แรง สามารถ หามมรรคผลนิพพานได ดวยเหตุนี้เมื่อ องคุลิมาลย จะฆามารดาเปนคนสุดทาย จึงจะครบพันคนตามที่ อาจารยสั่งฆ า พระพุทธเจาจึงตอง เสด็จไปยับยั้งไว เพราะการเบียดเบียนสัตว หรือทรมานสัตวบางจําพวก ก็มักใหผลในปจจุบันทันตาไดเหมือนกัน เชน การเบียดเบียนแมว เปนตน นี่เปนกรรมฝายอกุศล ฝายกุศลก็สามารถใหผลทันตาเชนกัน อยางผูประพฤติพรหมจรรยทั้งยังมีศีลบริสุทธิ์ ผลที่มองเห็นก็คือ ไดรับการอภิวาทกราบไหว ไดรับการยกเวนภาษี อากรจากรัฐบาล ไดรับการคุมครองจากรัฐบาล ไดรับปจจัยที่เขาถวายดวยศรัทธา เลี้ยงชีพเปนสุขในปจจุบัน ไดรับความเงียบสงัดใจ ความแชมชื่นเบิกบานใจ ความสุขสบายทั้งกายและใจ เพราะใจสงบเปนสมาธิ ไดฌาน สมาบัติ ไดไตรวิชชา หรืออภิญญา สิ้นอาสวะในปจจุบันชาติ แตถายังมีกิเลสอยู ก็จะเขาถึงโลกที่มีสุขเมื่อตายไป ๒. กรรมที่สามารถใหผลเมื่อเกิดใหมในชาติหนา ถาเปนกุศลกรรมก็อํานวยผลใหมีความสุขตามสมควรแกกรรมในคราวใดคราวหนึ่ง ถาเปนอกุศลกรรมก็ใหผล เปนทุกขเดือดรอนตามสมควรแกกรรมในคราวใดคราวหนึ่ง สมมติชาติปจจุบันเราเกิดเปนมนุษย ไดกระทํากรรม |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 05 มี.ค. 2015, 11:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
ต่อครับ ไวหลายอยางทั้งบุญและบาป ตายแลวกลับมาเกิดเปนมนุษยอีกดวยอํานาจกุศลกรรมอยางหนึ่ง ซึ่งสามารถแตง กําเนิดไดในชีวิตใหมนี้ ที่เราไดรับสุขสมบูรณเปนครั้งคราว เพราะกุศลกรรมในประเภทนี้ใหผล เราไดรับความ เดือดรอนเปนบางครั้ง นั่นคืออกุศลกรรมในประเภทนี้ใหผล ๓. กรรมที่สามารถใหผลสืบเนื่องไปหลายชาติ ตัวอยางในขอนี้มีมาก ฝายกุศลกรรม เชน พระบรมศาสดาทรงแสดงบุพกรรมของพระองคไววา ทรงบําเพ็ญเมตตาภาวนาเปนเวลา ๗ ป สงผลใหไปเกิดในพรหมโลกนานมาก แลวมาเกิดเปนพระอินทร ๓๗ ครั้ง มาเกิดเปน พระเจาจักรพรรดิ ๓๗ ครั้ง ฝายอกุศลกรรม เชน พระมหาโมคคัลลานะเถระในอดีตชาติ หลงเมียและฟงคํายุยงของเมียใหฆาบิดามารดาผู พิการ ทานทําไมลง เพียงแตทําใหมารดาลําบาก กรรมนั้นสงผลใหไปเกิดในนรกนาน ครั้นมาเกิดเปนมนุษยก็ถูก เขาฆาตายมาตามลําดับทุกชาติถึง ๕๐๐ ชาติ ทั้งชาติปจจุบัน ที่บรรลุพระอรหันตแลวก็ถูกโจรฆา ๔. กรรมที่ไมมีโอกาสจะใหผล เพราะไมมีชองที่จะใหผล เลยหมดโอกาส และสิ้นอํานาจสลายไป เรียกวา “อโหสิกรรม” ในฝายอกุศล เชนทาน องคุลิมาลย ไดหลงกลของอาจารย จึงไดฆาคนเกือบพัน เพื่อนําไปขึ้นครูขอเรียนมนต พระพุทธองคทรงเห็นอุปนิสัยแหงพระอรหันตผลมีอยู ทรงเกรงวาจะฆามารดา แลวทําลายอุปนิสัยแหงพระ อรหันตเสีย จึงรีบเสด็จไปโปรด และตรัสพระวาจาเพียงวา “เราหยุดแลว แตทานซิยังไมหยุด” องคุลิมาลยเกิดรูสึกตัว จึงเขาเฝาขอบรรพชาอุปสมบท ๕. ชนกกรรม กรรมที่สามารถแตงกําเนิดได กําเนิดของสัตวในไตรโลก มี ๔ อยางดวยกันคือ ๑.ชลาพุชะเกิดจากน้ําสัมภะของมารดาบิดาผสมกัน เกิดเปนสัตว ครรภ แลวคลอดออกมาเปนเด็ก คอยเจริญเติบโตขึ้นโดยลําดับกาล ฝายดีเกิดเปนมนุษย ฝายไมดีก็เกิดเปนสัตว ดิรัจฉานบางจําพวก, ๒.อัณฑชะ เดิมเปนฟองไขกอน แลวจึงเกิดเปนตัวออกจากกะเปาะฟองไข แลวเจริญเติบโต โดยลําดับกาล ฝายดีไดแกกําเนิดดิรัจฉานที่มีฤทธิ์ เชน นาค ครุฑ ฝายชั่วไดแกกําเนิดดิรัจฉาน เชน นก ทั่วๆไป, ๓.สังเสทชะเกิดจากสิ่งโสโครกเหงื่อไคล ฝายดี เชน นาค ครุฑ ฝายชั่ว ไดแก กิมิชาติ มีหนอนที่เกิดจาก น้ําครํา เปนตน รวมทั้งเลือด ไร หมัด เล็น ที่เกิดจากเหงื่อไคลหมักหมม เปนตน, ๔.อุปปาติกะเกิดขึ้นเปนวิญู ชนทันที ฝายดี เชน เทวดา ฝายชั่ว เชน สัตวนรก เปรต อสุรกาย รวมความวากรรมดีแตงกําเนิดดี กรรมชั่วแตง กําเนิดชั่ว นี้เปนกฎแหงกรรมที่ตายตัว ไมเปลี่ยนแปลงเปนอื่นไป ๖. อุปปตถัมภกกรรม เปนกรรมที่คอยสนับสนุนกรรมอื่นซึ่งเปนฝายเดียวกัน กรรมดีก็สนับสนุนกรรมดี กรรมชั่วก็สนับสนุนกรรมชั่ว เชน กรรมดีแตงกําเนิดดีแลว กรรมดีอื่นๆ ก็ตามมา อุดหนุนสงเสริมใหไดรับความสุขความเจริญยิ่งขึ้น กรรมชั่วแตงกําเนิดทราม กรรมชั่วอื่นๆ ก็ตามมาอุดหนุน |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 05 มี.ค. 2015, 11:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
สงเสริมใหไดรับทุกขเดือดรอนในกําเนิดนั้นยิ่งๆ ขึ้น อยางที่เราเห็นๆกัน คนทําดี เชน ใหทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ ความดีก็จะส งเสริมใหไดดีมีความสุขยิ่งขึ้น บางคนเกิดมายากจน ชีวิตก็ยิ่งไดรับความยากจนตลอดมา ๗. กรรมที่เปนปรปกษตอกรรมอื่นที่ตางฝายกับตน คอยเบียดเบียน ใหฝายตรงขามมีกําลังออนลง ใหผลไมเต็มเม็ดเต็มหนวย เชน เกิดเปนมนุษย แลวมีกรรมชั่วเขา มาขัดขวางลิดรอนอํานาจของกรรมดีลง เชน ไดเกิดเปนมนุษยแลว ก็ใหมีอันเจ็บปวยดวยโรคภัยไขเจ็บเบียดเบียน มีแตความทุกขโศกสูญเสีย พลัดพราก ทั้งนี้ก็เพราะกรรมชั่วแตงใหเกิดมาทราม แตยังมีกรรมดีเขามาสนับสนุน ใหมีผูเมตตาสงสารชวยเหลือ ถึงเกิดเปนสัตว ก็มีผูเลี้ยงดูรักใครอุปถัมภ อยางหมามีปลอกคอ ๘. กรรมที่เปนปรปกษกับกรรมอื่น แตมีอํานาจรุนแรงกวา เชน เกิดเปนมนุษยแตไปฆาเขาตาย ก็เสียความเปนมนุษยไป ดูเหมือนเปนยักษมารชั่วราย ปาเถื่อน นั่นคือ กรรมดีใหมาเกิดเปนมนุษย แตกรรมชั่วทําใหเสียความเปนมนุษย หรือเกิดมาเปนเพศชาย แตประพฤติ อยางเพศหญิง หรือเพศหญิงอยากเปนชาย ซึ่งมีใหเห็นกันมากอยางทุกวันนี้ ในพุทธกาลเคยมีตัวอยาง เชน โสเรยยะบุตรเศรษฐี ไปหลงใหลพระสังกัจจายน วาทานรูปงามอยางผูหญิง มีจิตคิดเอาเปนภรรยา ผลกรรมทําให กลับเพศเปนหญิง ตองหนีจากบานไปอยูเมืองอื่น ไปไดสามี มีบุตรดวยกัน ภายหลังมาขออโหสิกรรมจากพระ เถระ ทานอภัยโทษให จึงไดกลับเปนชายตามเดิม เรื่องของพระอรหันตจะไปลอเลนไมได บางคนไปเกิดเปนเปรต ไดมีผูอุทิศบุญให ตอมาไดไปเกิดเปนเทวดา ๙. กรรมที่หนักมาก สามารถใหผลในทันทีทันใด หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวา “ครุกรรม” ฝายกุศลไดแกฌานสมาบัติ ฝายอกุศลไดแกอนันตริยกรรม ๕ ประการ อนันตริยกรรมนี้มีผลรายแรงมาก แมเปนผูมีอุปนิสัยจะไดสําเร็จมรรคผลถึงขั้นพระอรหันต แตถาไปทําผิดเขา ก็ จะตัดมรรคตัดผล ตองไปเสวยกรรมอีกชานาน ๑๐. กรรมอีกอยางเรียก พหุลกรรม หรืออาจิณกรรม คือตองทําเปนประจําจนเคยชิน เปนกรรมหนักรองจากครุกรรมลงมา ทางฝายดี เชน เปนผูบําเพ็ญทาน ถือศีล เจริญสมาธิ มีเมตตาภาวนา เปนตน แตยังไมถึงไดฌานสมาบัติ กรรมนี้ก็จะเปนปจจัยใหมีกําลังในจิต ที่จะทําดีอยู เสมอ สามารถใหผลตอเนื่องไปนาน ถาไมประมาทในชาติตอไปก็จะทําเพิ่มเติมอยูเปนอาจิณ ตัดโอกาสไมให กรรมเล็กนอยมาตัดรอนได ทางฝายอกุศลก็เชนเดียวกัน เชน พรานป าลาสัตว หรือชาวประมง ทําปาณาติบาตอยูเปนประจํา แมแตคนมี |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 05 มี.ค. 2015, 11:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
อาชีพฆาหมูขาย เชือดไก เชือดเปด หรือขายสัตวเปนประจํา คนพวกนี้แมจะมีกรรมดีอยูบาง ก็ยากที่จะเขามา ชวยได เพราะกรรมชั่วติดสันดานเสียแลว เวลาใกลตาย ก็จะสงเสียงรองเหมือนสัตวที่ตนฆา พอสิ้นใจก็ไปนรก ทันที โรงงานใหญๆ ที่ฆาไกสงนอกวันละเปนพันเปนหมื่น เขามักจะจางคนอิสลามมาฆา ก็ไมมีผลอะไรในเรื่องของ บุญบาป เพราะเจาของผูใหฆาและคนฆา จะนับถือศาสนาอะไร ก็ตองรับผลทั้งนั้น เจาของผูใหฆาหรือจางวานใหฆา จะวาไปแลวก็ถือวาเปนบาปกวาคนฆาเสียอีก เขาเหลานี้ แมจะร่ํารวยเปนพัน เปนหมื่นลาน เมื่อถึงคราวจะสิ้นชีวิต ทรัพยนั้นก็จะละลายหายสูญ เชนเดียวกับที่ถูกเผาไหมอยูในนรก ยังมีกรรมอีกสองประเภท กรรมแรกเรียก “อาสันนกรรม” เปน กรรมที่ใหผลในเวลาใกลตาย ไมวาจะเปนกรรม หนักหรือกรรมเบา ตัวอยางในสมัยพุทธกาลเลาวา มีบุรุษคนหนึ่งโดยสารไปในเรือเดินทะเล แลวเกิดพายุทําใหเรือแตกอับปางลง จึง ไดสมาทานศีลกอนตายเพียงเล็กนอย เมื่ อตายแลวไดไปเกิดในสวรรค มีนามวา สตุลลปายิกาเทวา ตัวอยางการอาราธนาศีลกอนตาย คนไทยชาวพุทธแตโบราณมา ยึดถือปฏิบัติกันทั่วไป บิดามารดาก็ดี ญาติพี่ นองก็ดี เมื่อเห็นวาใกลจะสิ้นใจ เขาจะบอกใหผูใกลตายระลึกถึงสิ่งที่ดีงาม เชน บอกใหระลึกถึงคุณพระพุทธเจา เชน พุทโธ หรือ สัมมาอะระหัง เมื่อสิ้นใจแลวจะไดมีสติ ไปจุติในที่ดีเอาไวก อน แตบางทีถาทําบาปเอาไวมาก จะบอกอยางไรก็ไมมีสติจะระลึกได เพราะเจากรรมนายเวรที่เขาอาฆาตไดปดบัง เอาไว พระพุทธเจาทานจึงสอนนักหนาวา “ขึ้นชื่อวาบาป ไมทําเสียเลย ดีกวา” แตถึงจะเคยทําบาปมา ภายหลังสํานึกได กลับทําความดี ใหทาน รักษาศีล บําเพ็ญสมาธิภาวนา ก็ยังพอเอาตัวรอดได โดยเฉพาะการทําสมาธินั้น เปนเหตุ ใหมีสติดี เมื่อมีสติดี ก็สามารถจะระลึกถึงความดี เชน พุทโธ ไดกอนสิ้นใจ ดังนั้นทานทั้งหลายจึงไมควรจะตายอยางคนเลอะเทอะหาสติมิได จะเปนการเสียชาติที่เกิดมาเปนมนุษย กรรมอีกประเภทหนึ่ง เรียก “กตัตตากรรม” เปนกรรมที่เบาที่สุด หรือจะเรียกวากรรมเล็กกรรมนอย ทําดวย เจตนาออนๆ แทบไมมีเจตนาเลย เชน การฆามดแมลงของเด็กๆ ไมเดียงสา แสดงคารวะตอพระรัตนตรัย ตามที่ ผูใหญสอนใหทํา เด็กก็จะทําดวยเจตนาที่ชื่อวาสักแตวาทํา ถาไมมีกรรมอื่นใหผลเลย กรรมชนิดนี้ก็ใหผลไดบาง อยางไรก็ตาม กรรมตางๆ ที่กลาวมาแลวทั้งหมด แสดงวาพระพุทธศาสนาไมไดสอนแบบกําปนทุบดิน อยางที่ บอกวา ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว แตไดแยกแยะกรรมตางๆ ไวเปนอันมาก ทําดีขนาดไหน ทําอยางไร ทําชั่วขนาดไหน |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 05 มี.ค. 2015, 11:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
เชน พุทโธ หรือ สัมมาอะระหัง เมื่อสิ้นใจแลวจะไดมีสติ ไปจุติในที่ดีเอาไวก อน แตบางทีถาทําบาปเอาไวมาก จะบอกอยางไรก็ไมมีสติจะระลึกได เพราะเจากรรมนายเวรที่เขาอาฆาตไดปดบัง เอาไว พระพุทธเจาทานจึงสอนนักหนาวา “ขึ้นชื่อวาบาป ไมทําเสียเลย ดีกวา” แตถึงจะเคยทําบาปมา ภายหลังสํานึกได กลับทําความดี ใหทาน รักษาศีล บําเพ็ญสมาธิภาวนา ก็ยังพอเอาตัวรอดได โดยเฉพาะการทําสมาธินั้น เปนเหตุ ใหมีสติดี เมื่อมีสติดี ก็สามารถจะระลึกถึงความดี เชน พุทโธ ไดกอนสิ้นใจ ดังนั้นทานทั้งหลายจึงไมควรจะตายอยางคนเลอะเทอะหาสติมิได จะเปนการเสียชาติที่เกิดมาเปนมนุษย กรรมอีกประเภทหนึ่ง เรียก “กตัตตากรรม” เปนกรรมที่เบาที่สุด หรือจะเรียกวากรรมเล็กกรรมนอย ทําดวย เจตนาออนๆ แทบไมมีเจตนาเลย เชน การฆามดแมลงของเด็กๆ ไมเดียงสา แสดงคารวะตอพระรัตนตรัย ตามที่ ผูใหญสอนใหทํา เด็กก็จะทําดวยเจตนาที่ชื่อวาสักแตวาทํา ถาไมมีกรรมอื่นใหผลเลย กรรมชนิดนี้ก็ใหผลไดบาง อยางไรก็ตาม กรรมตางๆ ที่กลาวมาแลวทั้งหมด แสดงวาพระพุทธศาสนาไมไดสอนแบบกําปนทุบดิน อยางที่ บอกวา ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว แตไดแยกแยะกรรมตางๆ ไวเปนอันมาก ทําดีขนาดไหน ทําอยางไร ทําชั่วขนาดไหน ทําอยางไร และใหผลอยางไร ทานแสดงไวหมด ผูที่วิตกวาไดทําบาปมามาก กลัวจะใชกรรมไมหมด ก็ไมตองกลัว ขนาดนั้น เมื่อรูตัววาทําบาปมากก็ยังมีทางแกอยู คือ หันมาทําบุญใหมาก ทาน ศีล ภาวนา ตองทําใหมากกวา บาปที่ทํามาแลว ก็อาจแกไขใหรายกลายเปนดีได แตตองทําใหมาก ชนิดที่กรรมชั่วตามไมทัน อยางองคุลิมาลยไดฆาคนมารวมพัน ยังไดบรรลุอรหันต พอบรรลุอรหันตก็เปนผูเหนือโลก พนโลกเสียไดแลว กรรมอื่นก็เปนอันพนไป หมดทางที่จะชดใชอีกแลว เวนแตกรรมบางชนิดแมเปนอรหันตแลวก็ยังตองใช อยางที่ กลาวมาแลว ยังมีผูเขาใจผิดในเรื่องของกรรมอีกมาก เชน ทําดีไดบาป หรือทําบาปแลวยังไดดี ถาทําความเขาใจเรื่องกรรมที่ กลาวมาแลวใหดี ก็จะเห็นวา ที่ทําบาปกลับไดดีนั้น เขายังมีกรรมอื่นสนับสนุนอุปถัมภอยู บุญกุศลที่เคยทําไวใน อดีตยังมีเหลืออยู บาปในชาตินี้ยังสงผลใหไมได สวนทําดีไดบาปนั้นก็เชนเดียวกัน บาปเกายังสงผลอยู กรรมดีก็ เขาไปสนับสนุนไมได ตองรอจนบาปเก าสิ้นไปจึงจะไดรับผลดีตอบแทน จึงเชื่อวาจะไมสับสนในเรื่องของกรรม หรือ รูเรื่องกรรมแบบกําปนทุบดิน |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 05 มี.ค. 2015, 13:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
pang99 เขียน: การให้ผลของกรรมตามกาลเวลา กับ ความเพียรพยายาม การที่กรรมให้ผลในเเต่ละเวลาๆขึ้นอยุ่กับตัวเราเองความพยายามของเราเองด้วยรึป่าว หรือว่ามันมีกฎเกณฑ์มาแล้วจะจะเกิดเวลาไหนๆ เรื่องกาลเวลาของกรรมที่ให้ผล เมื่อไหร่นั้น ไม่ควรคิด แต่ น้ำหนักของกรรม ที่มีน้ำหนักเบา หนัก ต่างๆ กัน ย่อมให้ผลก่อนหลัง ทำดี ไว้ไม่เสียเปล่าครับ |
เจ้าของ: | นายฏีกาน้อย [ 05 มี.ค. 2015, 15:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
pang99 เขียน: การให้ผลของกรรมตามกาลเวลา กับ ความเพียรพยายาม การที่กรรมให้ผลในเเต่ละเวลาๆขึ้นอยุ่กับตัวเราเองความพยายามของเราเองด้วยรึป่าว หรือว่ามันมีกฎเกณฑ์มาแล้วจะจะเกิดเวลาไหนๆ ดูท่าจะสนใจเรื่องกรรม และวิบากกรรมมากเลยนะครับ ![]() ถูกต้อง....การให้ผลของกรรม ขึ้นอยู่กับ ตัวเราเองทำด้วย เรียกว่า ปโยคะ ถ้าพยายามทำดี ทำสุจริต ๓ (กาย วาจา ใจ)นี่เรียกว่า ปโยคสมบัติ ความเพียรในการ คิดดี พูดดี ทำดีผลของบาปกรรมที่เคยทำมาบางอย่าง เช่น ยกตัวอย่าง ไม่ตั้งใจเรียนเทอมก่อน ทำให้พ่อแม่ดุด่า ตัวเราเองก็เสียใจ พอมาตั้งใจเรียนใหม่ในเทอมต่อมา ความพยายามที่จะทำดีนั่นแหละเรียกว่า ปโยคสมบัติ เพื่อนๆ ใครต่อใครเคยคิดว่า เราไม่เอาไหนสอบยังไง ผลการเรียนก็ไม่ดี พอเอาใหม่ตั้งใจ ภาพที่ใครๆ ดูถูกเรา แล้วเราโกรธไม่พอใจเสียใจไม่สบายใจเป็นบาปอกุศลเล็กๆ (ผัสสะกระทบ คือวิบาก) เพราะความขี้เกียจของเราในการไม่ตั้งใจเรียน ผลของเทอมก่อน พอให้ผลแล้วก็คือ เฟล เสียใจ ![]() ![]() ![]() ก็แปลว่า กรรมและวิบากกรรมที่ไม่ตั้งใจเรียนกิดขึ้นแล้ว สำเร็จแล้ว อย่างนี้เรียกว่า เป็น อโหสิ แปลว่าได้มีได้เป็นเรียบร้อยแล้ว เป็น อโหสิกรรม ที่ไม่ค่อยมีใครเคยได้ยินได้ฟังใน นัยแบบนี้ ต่อ... เกรดเทอมก่อนแย่ รับผลของ ความไม่ตั้งใจในเทอมก่อนนี้เป็นอันจบ (จบเฉพาะเทอมนั้นๆ) มีผลมีวิบากเกิดขึ้นเรียบร้อย ติด F ติด I ติดใจอะไรก็ว่ากันไป ![]() แต่เมื่อเรายังเรียนไม่จบ มีเหลืออีกกี่เทอม ก็แปลว่ายังมี กรรมและวิบากรออยู่ ในเทอมใกล้ๆ นี้ เทอมถัดไป ในปีการศึกษาใหม่อีก เพราะยังไม่จบ แต่ถ้าจบสำเร็จการศึกษา อย่างนี้ก็คือว่า พ้นกรรมและวิบากกรรม (ในการเรียนการสอบการทำเกรดทำผลการเรียนแล้วนั่นเอง) เทอมนี้หน้าจะตกๆ เกรดเทอมก่อนก็แย่ คะแนนรวมๆ ก็ไม่ดี แต่เป็นจังหวะดี ครูลดหย่อน ให้ทำงานส่ง ให้คะแนนเก็บเพิ่ม แบบนี้ก็คือ กาลสมบัติ จะช่วยส่งให้ ความพยายามดี ปโยคะสมบัติของเรา ออกมาดี กลับกัน เป็นช่วงเวลาชิวๆ สบายๆ แต่เราเอง ขาดปโยคสมบัติ ไปพยายามสนใจสิ่งอื่นที่ไม่ใช่การเรียน ก็เรียกว่า ปโยควิบัติ ยิ่งเจอช่วงสถานการณ์ วาระ หรือเวลาแย่ๆ อาจารย์ประจำวิชา เกิดเข้มงวด เจอ ผอ.ตำหนิด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ พาลมาลงเด็กๆ (สมมติๆ) เข้าห้องมาปุ๊บ เด็กพูดแซวนิดหน่อย โมโห ตัดคะแนนยกชั้น กาลวิบัติ บังเกิดเลยทีนี้ มีผลกระทบไปถึงปลายเทอมทันที ฯลฯ สรุปอีกทีเนาะครับ มันมีเงื่อนไข ในผลของกรรม สมมติตามที่ยกตัวอย่าง เทอมที่แล้วทำไว้แย่ ปโยควิบัติไม่ตั้งใจ ผลคือเทอมที่แล้วก็เลยเฟล ![]() ![]() หรือกระทั้งบางที น่าจะเคยยกตัวอย่างไปแล้ว ปโยควิบัติ ไม่ตั้งใจเรียนอะไรเท่าไหร่ แต่มีกาลสมบัติหนุน มีเหตุปัจจัยอื่นสนับสนุน แทนที่จะตกๆ ก็กลับรอด นี่แหละครับ กรรมและผลของกรรม เป็นอจินไตยไม่ควรคิด สักเท่าไหร่ ที่ว่าไม่ควรคือ คนอื่นทำอะไร ได้ผลอย่างไร มันรู้ยากเข้าใจยาก หันมาสนใจกรรมเราผลของกรรมของเราเอง อันนี้พอรู้ได้ด้วยตนเองเป็นปัจจัตตัง ที่ว่าไม่ควรคิด คือเรื่องของคนอื่นเนาะไม่ควรคิด เอาใจช่วย และอนุโมทนาที่สนใจศึกษาเรื่องกรรมนะครับ ![]() |
เจ้าของ: | student [ 06 มี.ค. 2015, 01:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ |
pang99 เขียน: การให้ผลของกรรมตามกาลเวลา กับ ความเพียรพยายาม การที่กรรมให้ผลในเเต่ละเวลาๆขึ้นอยุ่กับตัวเราเองความพยายามของเราเองด้วยรึป่าว หรือว่ามันมีกฎเกณฑ์มาแล้วจะจะเกิดเวลาไหนๆ ความคิดเห็นของผมคิดว่ากฎเกณฑ์ที่คาดคะเนได้ยากว่ากาลเวลาไหนจะปรากฎผลของกรรม แต่ขึ้นอยู่กับความพยายามของเราเองเป็นหลัก (เหตุ)เพื่อเปลี่ยนผลของกรรมให้เกิดขึ้นแทนในรูปแบบใหม่ จนกระทั่งอยู่เหนือกฎเกณฑ์ในที่สุดคือพระนิพพาน แต่ก่อนจะบำเพ็ญเพียรจนถึงพระนิพพาน ก็สามารถปฎิบัติให้ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ให้ได้เสียก่อน ดังคำกล่าวที่ว่า ความเพียรไม่เลือกกาลเวลา แม้เทวดาก็ห้ามเราไม่ได้ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |