ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ความวิจิตรของจิต : นพ.เชวง เดชะไกศยะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=45885
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  poivang [ 17 ก.ค. 2013, 16:15 ]
หัวข้อกระทู้:  ความวิจิตรของจิต : นพ.เชวง เดชะไกศยะ

ความวิจิตรของจิต
เรียบเรียงโดย ศาสตราจารย์ นพ.เชวง เดชะไกศยะ


จิตวิจิตรได้ด้วยตนเอง หมายถึง จิตเป็นไปด้วยอำนาจของตนเอง ที่กระทำบุญเป็นกุศล ทำบาปเป็นอกุศล เป็นวิบากคือผลของบุญของบาป ซึ่งทำให้สัตว์โลกทั้งหลายแตกต่างกันด้วยอำนาจของกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต ต่างกันด้วยรูปร่าง ต่างกันด้วยเพศ ต่างกันด้วยสัญญา และคติที่เกิด เป็นต้น

การสั่งสมกรรมและกิเลสเป็นหน้าที่ของเจตสิกและจิต ที่รับอารมณ์ทั้งหลายแล้วเกิดความพอใจไม่พอใจ ซึ่งแสดงออกมาทางกาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็จะถูกสะสมเก็บไว้ภายในจิตใจไม่มีวันสูญหายไปไหน ย่อมจะติดตามเราไปเหมือนเงาตามตัว ความรู้สึกต่างๆ เช่น เบื่อบ่อยๆ หงุดหงิดบ่อย มักโกรธ ทนงตัวถือตัว เป็นต้นเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้น ก็จะสั่งสมกำลังอำนาจไว้ในจิตให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จิตจะรักษาผลของกรรมและกิเลสไว้ไม่ให้สูญหาย จิตจะรักษาการกระทำทางกาย วาจา ใจ เอาไว้ ผลของกรรมจะแนบแน่นอยู่ในขันธสันดานเหมือนยางเหนียวของเมล็ดพืช ยิ่งเป็นผู้โกรธความโกรธจะเพิ่มพูนขึ้น เป็นต้น ผลหรือวิบากกรรมนี้จะคอยหาเวลาและโอกาสที่จะแสดงออกเสมอเวลาได้ช่องทาง

ดังนั้นเองวิบากที่เราเคยทำเหตุไว้ในอดีต จึงคอยส่งผลในปัจจุบันภพตลอดเวลา ให้เราได้รับความทุกข์บ้าง ความสุขบ้าง ความผิดหวัง สมหวังอยู่ตลอด แต่เราไม่รู้ไม่เข้าใจและสาวไปหาเหตุไม่ได้ เราต้องรับผลของกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราไม่อยากสูญเสียก็ต้องเสีย สิ่งที่เราไม่อยากได้ก็ต้องได้ ตามผลของกรรม

จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับลง เป็นปัจจัยอุดหนุนให้จิตดวงใหม่เกิดขึ้นแล้วก็ดับ และอีกดวงก็เกิดขึ้นแล้วก็ดับลงติดต่อกันไม่ขาดสาย เกิดดับสืบเนื่องกันเป็นสันตติต่อเนื่องกัน ลงภวังค์แล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่อีกดับอีกเสมอเป็นนิตยกาล มิใช่จะเกิดดับสืบเนื่องกันเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งมอบรับช่วงการงานและกิเลสที่จิตได้รับและเก็บสั่งสมไว้แล้วนั้นต่อไปอีกด้วย นี่จึงเป็นการสืบทอดวิบากกรรม

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/