ลานธรรมจักร :: แสดงกระทู้ - เมื่อเรารู้สึกเหมือนอยากปล่อยวาง

๑. เป็นบทเรียนแก่เราว่า การกระทำใดๆที่อาจนำมาซึ่งการเสื่อมเสียชื่อเสียงในภายหลัง ควรระวังที่จะไม่ทำ อะไรที่ไม่อยากให้คนอื่นพูดหรือรู้ ทางเดียวคือ เราอย่าาทำ แต่ทำไปแล้วก็ต้องยอมรับและอดทนเพื่อให้ผ่านไปนะคะ

๒. เราห้ามปากคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่จะทำให้ยุติได้ คือ การเฉยเสีย เมื่อเราเฉยเสีย คนอื่นที่ได้ฟังย่อมคลางแคลงใจขึ้นในสักวันว่า เรื่องที่ได้รับฟังมานั้นจรงหรือไม่จริงอย่างไร เราก็เฉยเสีย ถ้าถูกถามมากเข้า ก็ย้อนถามกลับไปว่า แล้วคุณคิดว่าอย่างไร? หรือไม่ก็ถามว่า รู้จากใครก็น่าจะไปถามคนนั้นนะคะ? (ยิ้มละไมด้วย) แล้วก็ปล่อยให้เขาพูดเองเออเองกันไป เราเฉยไว้อย่างเดียวนะคะ

เจ้าของ:	น้องใหม่ [ 09 ต.ค. 2012, 11:32 ]
หัวข้อกระทู้:	เมื่อเรารู้สึกเหมือนอยากปล่อยวาง
เรื่องเกิดมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ตัวเราเองมีเพื่อนที่รักกันมากแต่นิสัยต่างกันคือเราจะเป็นคนเงียบๆส่วนเพื่อนจะเป็นคนที่รู้จักคนอื่นเยอะ มีช่วงที่เราอกหักแล้วได้คิดผิดคือให้เพื่อนหาคนคุยให้พอคุยกันไปเรื่อยๆเราก็รู้มาว่าคนที่เราคุยด้วยนั้นมีแฟนอยู่แล้วเราจึงเลิกคุยไปและสิ่งที่เสียใจที่สุดคือเพื่อนเราเอาเรื่องชีวิตของเราในอดีตที่มันไม่ดีไปเล่าให้แฟนคนที่เราคุยด้วยฟังซึ่งเพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนที่เรารักมากเรายอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดบางเรื่องก็เป็นเรื่องจริงบ้างเรื่องก็เกินจริง ด้วยความที่เราโมโหมากจึงทำผิดกับเพื่อนคนนี้คือเอาความอิจฉาริษยาที่เราคิดไปเองว่าเพื่อนดูถูกเรา ไปเล่าให้แฟนใหม่ของแฟนเก่าเราฟังด้วยความที่สมัยที่เราเรียนเราไม่ค่อยเข้ากับเพื่อนคือเช้ามาเรียนเย็นไปทำงานจึงทำให้เราใช้ชีวิตไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น พอเอาไปเล่าให้เขาฟังสรุปก็มีเรื่องจนได้เราก็ได้ทะเลาะทั้งเพื่อนทั้งแฟนใหม่ของแฟนเก่าแต่การทะเลาะครั้งนี้เรายอมรับผิดในทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับเพื่อนไว้เราสามคนเคลียร์กันจบเรื่องแล้วเราก็คิดว่าเรื่องมันจบแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งจากที่คุยกันจบแล้วทั้งเพื่องทั้งแฟนใหม่ของแฟนเก่าก็ยังไม่เลิกที่จะเอาเราไปพูดให้คนอื่นฟัง ณ ตอนนั้นเราเกิดอาการปลงเพราะอยู่ในช่วงที่เรากำลังท้องเราก็ได้แต่เงียบไม่พูดไม่โต้ตอบ จนวันหนึ่งแฟนใหม่ของแฟนเก่ามาขอโทษเราบอกว่าเขาใจร้อนไปหน่อยเรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย เราก็บอกเขาไปว่าไม่เป็นไรคนเราความคิดไม่เหมือนกันหลังจากที่เขาขอโทษเราก็ยังคุยกับเขาปกติแต่ไม่ได้ไปคุยอะไรมากส่วนเพื่อนตอนนี้ก็ยังไม่เลิกที่จะเอาเรื่องที่เราผิดพลาดในชีวิตไปพูดให้คนอื่นฟัง

เจ้าของ:	Hanako [ 10 ต.ค. 2012, 16:53 ]
หัวข้อกระทู้:	Re: เมื่อเรารู้สึกเหมือนอยากปล่อยวาง
๑. เป็นบทเรียนแก่เราว่า การกระทำใดๆที่อาจนำมาซึ่งการเสื่อมเสียชื่อเสียงในภายหลัง ควรระวังที่จะไม่ทำ อะไรที่ไม่อยากให้คนอื่นพูดหรือรู้ ทางเดียวคือ เราอย่าาทำ แต่ทำไปแล้วก็ต้องยอมรับและอดทนเพื่อให้ผ่านไปนะคะ ๒. เราห้ามปากคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่จะทำให้ยุติได้ คือ การเฉยเสีย เมื่อเราเฉยเสีย คนอื่นที่ได้ฟังย่อมคลางแคลงใจขึ้นในสักวันว่า เรื่องที่ได้รับฟังมานั้นจรงหรือไม่จริงอย่างไร เราก็เฉยเสีย ถ้าถูกถามมากเข้า ก็ย้อนถามกลับไปว่า แล้วคุณคิดว่าอย่างไร? หรือไม่ก็ถามว่า รู้จากใครก็น่าจะไปถามคนนั้นนะคะ? (ยิ้มละไมด้วย) แล้วก็ปล่อยให้เขาพูดเองเออเองกันไป เราเฉยไว้อย่างเดียวนะคะ

เจ้าของ:	น้องใหม่ [ 10 ต.ค. 2012, 21:30 ]
หัวข้อกระทู้:	Re: เมื่อเรารู้สึกเหมือนอยากปล่อยวาง
Hanako เขียน: ๑. เป็นบทเรียนแก่เราว่า การกระทำใดๆที่อาจนำมาซึ่งการเสื่อมเสียชื่อเสียงในภายหลัง ควรระวังที่จะไม่ทำ อะไรที่ไม่อยากให้คนอื่นพูดหรือรู้ ทางเดียวคือ เราอย่าาทำ แต่ทำไปแล้วก็ต้องยอมรับและอดทนเพื่อให้ผ่านไปนะคะ ๒. เราห้ามปากคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่จะทำให้ยุติได้ คือ การเฉยเสีย เมื่อเราเฉยเสีย คนอื่นที่ได้ฟังย่อมคลางแคลงใจขึ้นในสักวันว่า เรื่องที่ได้รับฟังมานั้นจรงหรือไม่จริงอย่างไร เราก็เฉยเสีย ถ้าถูกถามมากเข้า ก็ย้อนถามกลับไปว่า แล้วคุณคิดว่าอย่างไร? หรือไม่ก็ถามว่า รู้จากใครก็น่าจะไปถามคนนั้นนะคะ? (ยิ้มละไมด้วย) แล้วก็ปล่อยให้เขาพูดเองเออเองกันไป เราเฉยไว้อย่างเดียวนะคะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและอนุโมทนาผลบุญด้วยค่ะ ตอนนี้พยายามที่จะนิ่งไม่พูดหรือโต้ตอบโดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครรู้จักเราดีเท่ากับตัวเราเอง ใครว่าอะไรมาก็นิ่งอย่างเดียวเลยค่ะ

ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/

เมื่อเรารู้สึกเหมือนอยากปล่อยวาง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=43581	หน้า 1 จากทั้งหมด 1

หน้า 1 จากทั้งหมด 1	เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/