ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
คูณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้โลภะหรือทุศีล http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=34151 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธรรมทาน [ 28 ส.ค. 2010, 02:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | คูณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้โลภะหรือทุศีล |
วันหนึ่งผมไปทำฟันที่โรงพยาบาลเมโย ทำฟันเสร็จ ก็นั่งดื่มกาแฟคุยกับเพื่อนอยู่ในร้านค่อนข้างหรู สักพักมีภิกษุรูปหนึ่ง เดินถือกระติกน้ำร้อนยื่นเข้ามาที่ประตูร้าน ผมเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นไปถามว่าหลวงพ่อต้องการอะไรครับ ท่าน(อายุประมาณ40กว่า)ก็บอกว่าขอบิณฑบาตรน้ำหรือน้ำชาอะไรทำนองนี้ ผมก็เลยนิมนต์ท่านเข้ามาในร้าน แล้วนิมนต์ดื่มชาเย็นสักแก้วท่านก็ไม่ขัดข้อง เราก็ถามว่าหลวงพ่อมาจากไหนจะไปไหน ท่านก็ตอบว่ามาจากต่างจังหวัด (จำจังหวัดไม่ได้)ตอนนั้นบ่ายแล้วจะไปร่วมงานที่พุทธมลฑล(เข้าใจว่าวันนั้นเป็นวันสำคัญเดือน3) ผมก็กลับไปนั่งกับเพื่อนต่ออีกโต๊ะ สักพักผมนึกดูซิว่าพระองค์นี้ดั้นด้นมานี่เคร่งจริงหรือไม่ ก็เดินกลับไปสอบถามท่านว่าท่านมีค่ารถกลับต่างจังหวัดหรือยัง ท่านก็ตอบว่าพอมี ผมก็ไม่ถึงกับเกิดศรัทธาแต่อยากรู้ ว่าพระเดี่ยวนี่ควบคุมกิเลสได้แค่ไหน ก็ลองถามท่านว่าผมขอถวายค่ารถกลับแล้วกันถือว่าทำบุญถามค่ารถกลับเท่าไรท่านบอก 200กว่าบาทผมจึงถวายไปน่าจะ300 บาทในใจก็ยังคิดว่าถ้าเป็นพระแท้ก็คงจบ เราก็คงได้บุญบ้าง แต่ถ้าไม่แท้เดี่ยวมีก๊อก2 แน่นอน .....หลังจากนั้นผมก็จะเดินไปจ่ายตังค่ากาแฟ จ่ายตังเสร็จอย่างที่คิด ท่านกวักมือเรียกผม ผมก็เดินเข้าไปหา ท่านเอ่ยว่าโยมอาตมาเปลี่ยนใจ ว่าจะแวะไปเสาชิงช้าสักหน่อย เรารู้ไต๋อยู่แล้วก็ถามว่าท่านจะไปทำอะไรที่เสาชิงช้า ท่านก็บอกว่าอยากจะไปหาชุดกลดสักชุด เข้าล็อกพอดีเราก็แกล้งถามว่าที่ว่ามันชุดละเท่าไร ท่านก็บอกว่าน่าจะประมาณ 1800-1900บาทเราก็ทอดสะพานให้ท่านอีก ว่าหลวงพ่ออยากจะขอบิณฑบาตรค่ากลดใช่ไหม ท่านก็ตอบว่าใช่ อย่างที่คิดจริงๆ ผมล้วงกระเป๋าหยิบเงินถวายท่านไปอีก2000บาทบอกว่าผมถวายแล้วกัน วันนั้นเราจากกันด้วยความคิดคนละอย่างท่านอาจคิดว่าเรานี่ช่างไร้เดียงสาจริงหนอ เป็นคนกรุงเทพแท้ๆท่านชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ได้เลย ผมก็คิดไปว่าเงิน2000 เราไม่ได้เดือดร้อนวันนี้ เสียไปเดี่ยวก็ได้กลับมา แต่เราต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างเกียวกับประสบการณ์ทางธรรมที่เราได้เรียน ได้เคยปฏิบัติมา ว่าแค่เรื่อง โลภ โกรธ หลง นี้มันไม่เข้าใครออกใครจริงหรือไม่ ผ้าเหลืองช่วยให้คนหากินง่ายขึ้น และคนอาศัยผ้าเหลืองหากินกันมากขึ้น เราจะแก้ไขกันยังไง ช่วยกันคิดหน่อย อย่าลืมถ้าท่านยังเป็นพระ(ยังไม่ขาดจากพระ) เราติเตียนท่านก็ยังบาปอยู่/ธรรมทาน... |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 28 ส.ค. 2010, 03:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คูณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้โลภะหรือทุศีล |
ถ้าเป็นพระจริงๆ ท่านได้ทำบุญ ถ้าเป็นพระไม่จริงท่านได้ทำทาน จะน้อยหรือมากท่านก็ได้ไปแล้ว ผู้ที่ครองผ้ากาสาวพัตร์ ใช่จะแปลว่า สละได้แล้วซึ่ง กิเลสทั้งปวง....เหมือนนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ จะจบหลักสูตรได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีนักเรียนสอบตกบ้าง จะเหมาว่านักเรียน ทั้งหลายแย่ไปหมด ก็ไม่น่าจะใช่.... ถ้าศึกษาธรรมะมาบ้าง...ก็พอจะแยกออก ว่าไหนของจริง ไหนของปลอม....ถ้ารู้ว่าปลอม ไม่อยากให้มาอิงผ้าเหลืองหากิน...ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่ว่าจะลองใจ...หรือลองดู น่าจะเป็นการปฐมพยาบาลเบี้องต้นได้ อนุโมทนา ![]() |
เจ้าของ: | พบบุญ [ 29 ส.ค. 2010, 08:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คูณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้โลภะหรือทุศีล |
อนุโมทนาที่ คุณธรรมทานได้ทำบุญกุศลค่ะ อ่านแล้วนึกถึง ตอนที่ตัวเองได้ทำบุญกับพระที่มาเรี่ยไรหน้าบ้าน บางครั้งใจก็ไม่ได้อยากทำ แต่ก็ถือว่า อย่างน้อยเราทำทานไปดีกว่า จนมีเพื่อนบอกว่า ถ้าเขาไม่ใช่พระจริง และถ้าเรายังทำอยู่ก็เหมือนส่งเสริมให้มิจฉาชีพอาศัยผ้าเหลืองหากิน จากนั้นมาก็เลยปฏิเสธบ้าง โดยส่วนตัว ระยะหลังนี้ ถ้าไม่เกิดศรัทธาจะไม่สนใจเลยค่ะ คล้ายๆกับเราแกล้งวางเงินสดไว้ เพื่อพิสูจน์ความซื่อสัตย์ของคนงานในบ้าน เลยคิดว่า ถ้าเชื่อใจแล้ว ก็ไม่ต้องพิสูจน์อีก |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 30 ส.ค. 2010, 15:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คูณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้โลภะหรือทุศีล |
อยากรู้ ก็ต้องลองอย่างนี้แหละ..ว่าจริงหรือ...? ว่าแต่ว่าท่านไม่ได้ขอ ชื่อและ เบอร์โทร เราไว้หรือ..? ![]() ขออนุโมทนา กับทาน ครั้งนี้ด้วยครับ ถวายทั้ง น้ำ และ กรด ถ้าตั้งใจทำแล้วได้บุญกุศล ครับ ขอเจริญในธรรม ![]() |
เจ้าของ: | -dd- [ 02 ก.ย. 2010, 14:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คูณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้โลภะหรือทุศีล |
อ่านเรื่องนี้แล้ว เห็นว่าท่านเจ้าของกระทู้ ทำบุญเฉพาะตอนถวายน้ำพระเท่านั้น ส่วนที่ถวายปัจจัยนั้น ไม่อาจกล่าวว่าเป็นบุญเลย เพราะ ๑. มีเจตนาที่จะทดสอบพระ ( อ้างคำพูด: สักพักผมนึกดูซิว่าพระองค์นี้ดั้นด้นมานี่เคร่งจริงหรือไม่ ) อาศัยปัจจัยเป็นเครื่องมือในการทดสอบ เจตนาในการให้เช่นนี้เท่ากับเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้รู้ในสิ่งสงสัย ไม่ได้ประสงค์จะอุปถัมภ์พระจริงๆ..จึงไม่เข้าข่ายทานแต่ประการใด..เหมือนการให้เงินค่าผ่านประตูเพื่อไปดูคนหัวโตตามงานวัด ย่อมไม่ถือว่าเป็นทาน เเต่แลกเปลี่ยนเพราะอยากรู้๒. การให้เงินพระเท่ากับส่งเสริมพระในการล่วงพระวินัย นอกจากไม่เป็นบุญแล้วยังมีส่วนในการทำผิดของพระอีกด้วย.. บางทีการกระทำบางอย่าง นอกจากไม่เป็นประโยชน์แล้ว อาจเป็นโทษตามมา หากพิจารณารอบคอบแล้วเห็นควรทำบุญก็ทำด้วยเจตนาสงเคราะห์ หรือเมื่อไม่ศรัทธาเห็นว่าไม่ควรให้ ก็ไม่มีโทษอะไร เพราะพิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ไม่ใช่ตระหนี่ เช่นนี้ ก็ไม่ใช่อกุศล การพิจารณาเสียก่อนแล้วจึงให้ พระพุทธเจ้าย่อมสรรเสริญ... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |