ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=31767
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  chirabeer [ 17 พ.ค. 2010, 16:39 ]
หัวข้อกระทู้:  มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

เคยทะเลาะกับพ่อ / แม่ไหมคะ

ไม่รู้ว่าตัวเองคิดแบบเด็ก ๆ หรือเปล่าแต่เรื่องราวมันยาวนานมานานนับสามสิบปี หรือตลอดชีวิตก็ได้กับเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้

คุณพ่อเป็นคนเจ้าชู้ มีแม่แล้วก็มีภรรยาอีกหลายคน ตอนเด็ก ๆ รักและเทิดทูนคุณพ่อมากค่ะ แต่พอเริ่มโต เรื่องราวของพ่อว่าพ่อไปโกงเงินคนนั้นคนนี้มาก็เริ่มเข้าหูมาเรื่อย ๆ จากปากของญาติ ๆ ที่เคยโดนพ่อโกงเงิน และจากปากของแม่เองด้วย แต่ยังรักพ่อเสมอมา จนปัจจุบันนี้อายุ 31 ปีแล้ว แต่เรื่องราวก็ลามมาตลอดตั้งแต่คุณพ่อไม่เคยช่วยเหลือเรื่องการเงินทางบ้านสักเท่าไหร่ เพราะเค้ามีหลายบ้าน ถ้ามีเงินสิ่งแรกที่พ่อจะทำคือซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเอง และโทรขอเงินดิฉันประจำ โดยไม่มีการคืน ยอดเงินก็สะสมมาเรื่อย ๆ จาก 1,000 จนถึง 30,000 จนขณะนี้ยอดรวมก็ประมาณ 1 แสนบาทแล้ว โดยที่ดิฉันไม่เคยถามสักคำว่าพ่อเอาไปทำอะไร และในขณะเดียวกันพ่อก็จุณเจือครอบครัวน้อยมากจนแทบจะนับครั้งได้ เงินเดือนดิฉันเองก็ 1 หมื่นบาท ค่าเช่าบ้านที่อยู่ร่วมกันมีดิฉัน แม่ น้องชายอีก 2 คน และคุณอาซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของพ่อที่เป็นคนปัญญาอ่อน ดิฉันกับแม่ก็เป็นคนดูแลให้ เงินเดือนทั้งบ้านก็มีดิฉันคนเดียวที่มีรายได้ที่แน่นอน พ่อขู่ขอเงินตลอดค่ะ จนเมื่อวานนี้พ่อบอกว่าจะเอารถที่พ่อขับอยู่นี้เข้า Finance เพื่อนำเงินไปใช้หนี้เจ้าหนี้ ซึ่งรวมกันหลายเจ้าแล้วประมาณ 80,000 บาท สำหรับพนักงานธรรมดาอย่างดิฉันต้องใช้เวลาถึง 5 ปีในการเก็บเงินก้อนนี้ แต่พ่อสามารถสร้างหนี้ภายใน 4 เดือน โดยจะให้ดิฉันเป็นคนทำเรื่องซื้อรถ ซึ่งดิฉันก็ตกลงจะทำให้ แต่ติดที่ว่าไม่แน่ใจว่าจะผ่านหรือเปล่า เพราะดิฉันเองก็มีภาระหนี้อยู่มากมายซึ่งก็เป็นเงินที่กู้เพื่อใช้เป็นค่าเทอมของน้องชายและค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งสิ้น ดิฉันก็เสนอให้พ่อขายรถคนนี้ซะแล้วเอาเงินไปใช้หนี้เขาแล้วหารถคันใหม่ที่เล็กกว่าเดิม แต่พ่อไม่ยอมค่ะ พ่อบอกว่า กูไม่ยอมเสียหน้าหรอก และด่าดิฉันต่าง ๆ นานา ว่าดิฉันเห็นแก่ตัว ดิฉันเห็นแก่ตัวค่ะยอมรับ เพราะถ้าดิฉันจะช่วยเหลือพ่อคนเดียวโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อเอาเงินนั้นไปทำอะไรแล้วแม่กับน้องจะทำอย่างไรคะ บ้านที่เคยอยู่ก็ถูกยึดเพราะคุณพ่อเอาไปเข้าแบงค์แล้วไม่มีเงินไปจ่ายเค้า จนต้องออกมาหาบ้านเช่า แล้วเงินผ่อนรถพ่อจะมีได้อย่างไร ดิฉันแนะนำว่าสู้ขายรถแล้วหารถเล็ก ๆ ขับจะดีกว่าต้องมาหาเงินผ่อนทุกเดือนดีกว่ามั๊ย คำตอบคือดิฉันกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว กลายเป็นลูกที่เลวสำหรับพ่อไปแล้ว เสียใจมากค่ะ แต่ไม่คิดว่าการที่เราเห็นแก่แม่และน้องจะมากลายเป็นลกที่เลวไปแล้วสำหรับพ่อ ทำอะไรไม่ถูกตอนนี้ต้องเข้าหาธรรมะอย่างเดียวค่ะ

ต้องขอระบายทางตัวหนังสือนะคะเพราะกลัวว่าคำพูดจะรุณแรงเกินไป และต้องขอโทษทุก ๆ ท่านด้วยที่เอาเรื่องในบ้านมาเล่าให้ฟัง แต่พูดกับใครไม่ได้จริง ๆ ค่ะ จะพูดกับแม่ก็กลัวแม่ไม่สบายใจ

ขอบคุณค่ะ

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 17 พ.ค. 2010, 18:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

:b8: :b8: :b8:

chirabeer เขียน:
ต้องขอระบายทางตัวหนังสือนะคะเพราะกลัวว่าคำพูดจะรุณแรงเกินไป และต้องขอโทษทุก ๆ ท่านด้วยที่เอาเรื่องในบ้านมาเล่าให้ฟัง แต่พูดกับใครไม่ได้จริง ๆ ค่ะ จะพูดกับแม่ก็กลัวแม่ไม่สบายใจ


ยินดีรับฟังครับ ถ้าได้ระบายแล้วจะสบายใจขึ้นบ้าง

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  -dd- [ 18 พ.ค. 2010, 13:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

อ้างคำพูด:
กลายเป็นลูกที่เลวสำหรับพ่อไปแล้ว เสียใจมากค่ะ แต่ไม่คิดว่าการที่เราเห็นแก่แม่และน้องจะมากลายเป็นลกที่เลวไปแล้วสำหรับ พ่อ ทำอะไรไม่ถูกตอนนี้ต้องเข้าหาธรรมะอย่างเดียวค่ะ


น่าเห็นใจครับ และขออนุโมทนาในความคิดเข้าหาธรรมะเป็นที่พึ่ง.. :b35: :b35: :b35: ..

คุณไม่ใช่คนเลวเลย ตรงข้ามคนที่กล่าวหาคุณว่าเลวต่างหาก เพราะเป็นคนที่มุ่งหน้าไปทางเลวจนไม่คิดเมตตาลูกของตน ได้แต่สร้างความวิบัติอย่างต่อเนื่อง..

พึงทราบว่า การที่คุณและครอบครัวต้องได้รับความทุกข์สารพัดจากการเบียดเบียนของพ่อ ก็ย่อมมาจากเหตุ เก่าคือการล่วงศีล๕มาก่อนในกาลก่อน เพราะสิ่งทั้งหลาย ไม่มีอะไรเกิดเองลอยๆหรือเพราะฟลุคหรือเพราะโชคร้าย บังเอิญหรือพระเจ้าเสกมา อาศัยเหตุเก่านั่นเองจึงมีผลตามมาในภายหลัง..นี้คือกฏความจริงสากลในธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่ และพระพุทธเจ้าทั้งหลายค้นพบ จึงนำมาบอกสอน..

การที่คุณต้องเสียทรัพย์ทั้งหลาย ก็เพราะได้เคยทำบาปคือล่วงศีลข้อ๒มาก่อนนั่นเอง มีการลักขโมย หลอกลวงเขามา ด้วยเล่ห์กลโกงฯลฯ ผลคือการเกิดมายากจน หรือเเม้มีทรัพย์ก็ มีเหตุให้ต้องเสียทรัพย์ไปด้วยอาการต่างๆ แม้กระทั่งถูกเบียดเบียนจากพ่อแม่แลบริวารของตนนั่นแหละ......


ด้วยอำนาจแห่งบาปเก่า จึงเป็นเหตุปัจจัยให้ได้มามีพ่อที่สามารถทำกิจล้างผลาญได้จนแทบหมดตัวเช่นนี้....พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้
..

อ่านรายละเอียดที่นี่
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
viewtopic.php?p=202485&thanks=202485&to_id=775#p202485

แต่ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าคุณต้องพยายามชดใช้กรรมเก่าให้หมดไปด้วยการก้มหน้ารับกรรมอย่างเดียวแต่ประการใด ...นี้ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย มีแต่ทรงสอนให้พยายามพ้นกรรมเท่านั้น มิได้สอนให้งอมือเท้าใช้กรรมจนกว่ากรรมจะหมดผลเอง..

ความกตัญญูกตเวที มีการช่วยเหลือพ่อแม่ ย่อมเป็นมงคลแก่ตน แต่การช่วยนั้นต้องมีปัญญาเข้าร่วมด้วยจึงจะสำเร็จความเป็นมงคลได้ หากทำดายไปเพราะเขาว่ากันว่าดี ก็จะกลายเป็นการสนับสนุนพ่อแม่ที่ไม่มีสำนึกในศีลธรรม ก่อบาปทำเข็ญแก่ลูกหนักขึ้นไปให้ได้มีอัตภาพที่เลวในภพหน้าอีกมากมาย...ข้อนี้นอกจากไม่เป็นมงคลแก่ตนแล้วยังจะกลับเป็นการเนรคุณไปได้เช่นกัน เพระเท่ากับยินดีสนับสนุนให้พ่อแม่ทำบาปกรรมจนคุ้นเคยติดเป็นนิสัยชั่วที่แน่นหนาต่อไป..คำสอนของพระพุทธเจ้าอันเป็นปัจจัยแก่ปัญญาย่อมมีคุณแก่การพิจารณาสภาพธรรมต่างๆได้อย่างถูกควร มิใช่ทำให้งมงายตกไปอยู่กับข้อปฏิบัติใดๆโดยไม่ทราบเหตุผล จนอึดอัดขัดแค้นเพราะจะทำอะไรๆก็ขัดข้องเกรงภัยรู้สึกผิดบาปไปเสียหมด..

การมีสำนึกตอบแทนคุณท่านก็ด้วยปรารถนาสงเคราะห์ท่าน ให้ได้อยู่เป็นสุขในอัตภาพอันควร แต่มิได้หมายถึงว่า ตนต้องเบียดเบียนตนจนถึงที่สุดจนพังเอง เช่นนี้เรียกว่านอกจากไม่เมตตาตนแล้ว ต่อไปจะช่วยใครอื่นได้ย่อมไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้...

จึงขอเป็นกำลังใจให้ท่านเจ้าของกระทู้ผ่านพ้นวิบากกรรมนี้โดยเร็วพลันด้วยความราบรื่นครับ.. :b46: :b47: :b47: :b48:

เจ้าของ:  porninta [ 18 พ.ค. 2010, 13:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

การตอบแทนพระคุณบิดามารดานั้นเป็นส่วนหนึ่งของความดี แต่มนุษย์ต้องอยู่ด้วยปัญญา เมื่อเกิดปัญหาย่อมมีหนทางแก้ไขได้โดยใช้สติปัญญา การจะช่วยให้ผู้อื่นอยู่รอดได้เราเองต้องทำให้ตัวเราอยู่รอดให้ได้เสียก่อน ปล่อยวางเสียบางก็คงดี
ขอให้คุณใช้สติปัญญาในทางที่ถูกที่ควรค่ะ

เจ้าของ:  chirabeer [ 19 พ.ค. 2010, 15:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

ต้องขอกราบขอบพระคุณทุกท่านนะคะที่ให้กำลังใจและช่วยเตือนสติ

เมื่อวานนี้ดิฉันก็ได้ปฏิเสธพ่อไปอีกครั้งนึง ก็เลยโดนสวดมาอีกพักใหญ่ ๆ ยังดีที่คุณแม่เข้ามาช่วยปกป้องว่าแม่เป็นคนสั่งดิฉันไม่ให้ทำเรื่อง Finance พ่อเลยยิ่งโมโห ทวงทุกอย่างคืนซึ่งทั้งบ้านก็มีคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง และเงินที่เคยให้แม่ ปีที่แล้วรวมกันทั้งปีประมาณ 1 หมื่นบาท ทั้งปีนะคะ และบอกว่าจะเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่อื่น ดิฉันก็พูดว่าหนูถือว่าพ่อไม่เคยพูดก็แล้วกันว่าจะไปอยู่ที่อื่น เพราะเราก็ยังเป็นพ่อลูกกันเหมือนเดิม หนูรักพ่อเหมือนเดิม และจะเลี้ยงดูพ่อตามอัตภาพอันควร แต่ก็ต้องแม่และน้องมาเป็นอันดับ 1 ก่อน เค้าอาละวาดด่าแม่ด่าดิฉันอยู่เป็นชั่วโมงจึงสงบ และเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว หลังจากนั้นน้องสาวของพ่อก็โทรมาเตือนเรื่อง Finance อีก เนื่องจากพ่อเคยใช้ชื่อของอาและหลาน ๆ อีกหลายคนมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็มีเรื่องถึงโรงถึงศาลกันทุกคน ดิฉันฟังในสิ่งที่ไม่เคยได้รู้แล้วก็ยิ่งเศร้าใจว่าตอนนี้ถึงคราวตัวเองแล้วเหรอ และยิ่งรู้สึกผิดหากใครคนอื่นต้องเดือดร้อนแทนดิฉันอีก คิดว่าเช้านี้จะมาทำเรื่องกู้ให้พ่อ แต่พอได้อ่านที่ทุกท่านตอบกระทู้แล้ว เหมือนได้สติและคิดได้ค่ะ ว่าไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ และแม่กับน้องก็จะเป็นคนเดือดร้อนที่สุด ก็เลยยืนยันตามเดิมว่า ไม่ทำ ทำไม่ได้ ก็โดนสวดมาอีกยกนึงค่ะ

วันนี้กลับบ้านไปจะ Print ข้อความเหล่านี้ไปให้แม่อ่าน แม่ต้องได้กำลังใจและรู้สึกดีแน่นอนเลยค่ะ
ดิฉันจะยืนยันเจตนาเดิมต่อไปค่ะ และจะตั้งใจทำมาหากินเลี้ยงดูแม่ น้องชาย 2 คน และคุณอาปัญญาอ่อนอีกคนต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ ด้วยความเต็มใจที่สุด

ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้งนะคะสำหรับคำเตือนสติ เพราะรู้สึกมีกำลังใจมากมายเลยค่ะสำหรับการทำงานในวันนี้

ขอบคุณค่ะ

เจ้าของ:  มานิตา [ 19 พ.ค. 2010, 15:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

[color=#FF00BF]สวัสดีค่ะ

อ่านปัญหาของน้องแล้วพี่ขอชมเชยนะคะที่น้องมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวดีมาก
น้องทำหน้าที่ได้ดีแล้ว กตัญญูต่อบิดามารดาทำหน้าที่ของบุตรตามควรแก่อัตภาพ
ส่วนพ่อน้องทำหน้าที่ของความเป็นบิดา ให้กับน้องและสามีให้แม่ ดีแล้วหรือเปล่า

หน้าที่ของพ่อหน้าที่อบรมสั่งสอน หน้าที่ให้ความรักและความอบอุ่น หน้าที่ปกป้องคุ้มครองหน้าที่ทางเศรษฐกิจ เช่น พ่อแม่จะทำมาหากินเพื่อเลี้ยงลูกในวัยเด็ก หน้าที่ทางการศึกษา ก็มีหน้าที่ต้องให้การสนับสนุนในเรื่องการศึกษา เพื่อให้มีความรู้เพื่อที่สามารถจะประกอบอาชีพได้ในอนาคต
หน้าที่ทางศาสนา มีหน้าที่ในการปลูกฝังให้เลื่อมใสในศาสนาและส่งเสริมให้ปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนของศาสนา เพื่อให้เป็นคนดีของสังคม


กับแม่ของน้องพ่อทำหน้าที่นี้หรือเปล่า
หน้าที่ของสามี
ให้การยกย่องซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกันตามฐานะอย่างเหมาะสม ดูแลเอาใจใส่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามทั้งวาจาและท่าทาง ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง ให้คำแนะนำในการปรับปรุงตนเอง และร่วมกันแก้ไขข้อบกพร่องซึ่งกันและกัน
ไม่ประพฤตินอกใจซึ่งกันและกัน ควรมีความซื่อสัตย์และคุณความดีของกันและกัน เพื่อรักษาครอบครัวให้มีความสุขและดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น
ช่วยกันในธุรกิจงานบ้าน ช่วยดูแลทรัพย์สมบัติและกิจการงานบ้าน ควรรับผิดชอบภารกิจที่ต้องใช้แรงงาน รวมถึงการช่วยดูแลบุตร
ให้กำลังใจโดยของขวัญหรือของรางวัล ให้ความสำคัญกับโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิด วันครบรอบแต่งงานหรือเทศกาลต่างๆ มีของฝากเมื่อเดินทางไปสถานที่อื่นๆ
ร่วมกันจัดการงานบ้านเรือนให้เรียบร้อย แบ่งภารกิจการงานบ้านให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวมีงานเท่าเทียมกัน รวมถึงสร้างบรรยากาศในครอบครัวให้น่าอยู่
เอาใจใส่สงเคราะห์คนใกล้ชิด เอาใจใส่สารทุกข์สุกดิบของคนในครอบครัว รวมถึงญาติพี่น้องทั้งของฝ่าตนเองและฝ่ายภรรยาให้สม่ำเสมอเท่าเทียมกัน
ช่วยกันรักษาสมบัติไว้ให้ดี รู้จักการใช้สอยเงินทองอย่างประหยัด ไม่ควรใช้จ่ายให้เกินฐานะ ไม่สร้างภาระหนี้สินโดยไม่จำเป็น และหลีกเลี่ยงอบายมุขต่างๆ
ไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง ควรมีความขยันขันแข็งในการทำงานทั้งภายนอกและภายในบ้าน เพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เพื่อให้ฐานะครอบครัวมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น


อย่าคิดมากปล่อยให้พ่อแก้ปัญหาเองก่อน อย่าทำเป็นเตี้ยอุ้มค่อม เดี๋ยวแม่กับน้อง ๆ จะยิ่งพากันลำบากไปกันใหญ่ น้องเป็นลูกที่กตัญญูที่สุดแล้วค่ะ





]

เจ้าของ:  -dd- [ 19 พ.ค. 2010, 16:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

ความสุขของคฤหัสถ์ หรือฆราวาสผู้ครองเรือนนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ๔ ประการด้วยกันคือ ๑. การมีทรัพย์ ๒. การได้ใช้ทรัพย์ ๓. ความไม่มีหนี้ ๔.การกระทำที่ไม่เป็นโทษ ..........

[๖๒] ครั้งนั้นแล ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดี สุข ๔ ประการนี้ อันคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามพึงได้รับตาม
กาลตามสมัย สุข ๔ ประการเป็นไฉน คือ สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์ ๑ สุขเกิด
แต่การจ่ายทรัพย์บริโภค ๑ สุขเกิดแต่ความไม่เป็นหนี้ ๑ สุขเกิดแต่ประกอบ
การงานที่ปราศจากโทษ ๑


จาก:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
อันนนาถสูตร


http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=21&A=1846&Z=1878

..........................

และ...

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต

๓. อิณสูตร


ความเป็นคนจน และการกู้ยืม เรียกว่าเป็นทุกข์ในโลก
คนจนกู้ยืมเลี้ยงชีวิตย่อมเดือดร้อน เจ้าหนี้ทั้งหลายย่อมติด
ตามเขา เพราะไม่ใช้หนี้นั้น เขาย่อมเข้าถึงแม้การจองจำ
ก็การจองจำนั้น เป็นทุกข์ของชนทั้งหลายผู้ปรารถนาการได้
กาม ในวินัยของพระอริยเจ้า ผู้ใดไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริ ไม่
มีโอตตัปปะ พอกพูนบาปกรรม กระทำกายทุจริต วจีทุจริต
และมโนทุจริต ย่อมปรารถนา ย่อมดำริว่า คนเหล่าอื่น
อย่ารู้จักเรา พอกพูนบาปกรรมในที่นั้นๆ อยู่ บ่อยๆ ด้วย
กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เราตถาคตย่อมกล่าวว่า เป็นทุกข์
เหมือนอย่างนั้น เขาผู้มีบาปกรรม มีปัญญาทราม ทราบความ
ชั่วของตนอยู่ เป็นคนจน มีหนี้สิน เลี้ยงชีวิตอยู่ย่อมเดือด
ร้อน ลำดับนั้น ความดำริที่มีในใจ เป็นทุกข์เกิดขึ้นเพราะ
ความเดือดร้อนของเขา ย่อมติดตามเขาที่บ้าน หรือที่ป่า
เขาผู้มีบาปกรรม มีปัญญาทราม ทราบความชั่วของตนอยู่
ย่อมเข้าถึงกำเนิดดิรัจฉานบางอย่าง หรือถูกจองจำในนรก
ก็การจองจำนั้นเป็นทุกข์ ที่นักปราชญ์หลุดพ้นไปได้ บุคคล
ผู้ยังใจให้เลื่อมใส ให้ทานด้วยโภคทรัพย์ทั้งหลาย ที่ได้มา
โดยชอบธรรม ย่อมเป็นผู้ยึดถือชัยชนะไว้ได้ในโลกทั้งสอง
ของผู้มีศรัทธาอยู่ครองเรือน คือ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลใน
ปัจจุบัน และเพื่อความสุขในสัมปรายภพ การบริจาคของ
คฤหัสถ์ดังกล่าวมานั้น ย่อมเจริญบุญ ผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น
มีใจประกอบด้วยหิริ มีโอตตัปปะ มีปัญญา และสำรวมใน
ศีล ในวินัยของพระอริยเจ้า ผู้นั้นแลเราเรียกว่ามีชีวิตเป็น
สุข ในวินัยของพระอริยเจ้า ฉันนั้นเหมือนกัน....

อ่านเต็มได้ที่...
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=8303&Z=8388

ขออนุโมทนาในจิตกตัญญูของเจ้าของกระทู้ครับ..

เจ้าของ:  ผู้ชายสบายๆ [ 21 พ.ค. 2010, 00:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

ระบายเถอะครับ.

ก็ต้องทำกันไป คงไม่สบายใจอยู่แล้วที่คนที่เราผูกพันเป็นอย่างนี้. ทำหน้าที่ของลูกที่ดีรักษาจิตที่ดีไว้ให้ดีที่สุด.เหมือนกับคุณกำลังเผชิญวิบากกรมอยู่นะครับ.ผ่านมันไปให้ได้ สุดท้ายก็จบลงที่การอโหสิเมื่อหมดพันธสัญญากรรมต่อกันไปแล้ว.

รักษาสุขภาพ ตั้งใจในหน้าที่การงาน ทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด.ฝนไม่เคยตกตลอด วันฟ้าใสยังไงก็ต้องมาถึง...^^.

ไฟล์แนป:
DSC07672.jpg
DSC07672.jpg [ 139.81 KiB | เปิดดู 6320 ครั้ง ]

เจ้าของ:  chirabeer [ 22 พ.ค. 2010, 10:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ จะเข้า Web นี้ทุกวันเลยค่ะ

เจ้าของ:  koi [ 06 มิ.ย. 2010, 11:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

ไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นอย่างไร เราเป็นลูก ต้องดูแลพ่อและแม่นะถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ ดิฉันอนุโมทนาด้วยนะค่ะ คุณดูแลคุณพ่อดีมากๆ ถึงแม้ท่านจะไม่ค่อยดีต่อครอบครัวคุณเท่าไหร่นัก แต่นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดสำหรับหน้าที่คนเป็นลูกที่ดีค่ะ สักวันคุณพ่อคุณอาจจะคิดได้ และวันนั้นบุญกุศลต่างๆ ที่คุณทำก็จะส่งผลเองค่ะ ไม่เร็วก็ช้าค่ะ ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ดีค่ะ อนุโมทนาค่ะ

เจ้าของ:  ศรีสมบัติ [ 06 มิ.ย. 2010, 13:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีเรื่องเล่าให้ฟังค่ะ

พ่อ - แม่ คือพระอรหันต์ของลูก
ผู้ให้ชีวิตเรามา..ผู้เลี้ยงดู เพาะบ่ม เรามาตั้งแต่แบเบาะ
เรามีความซื่อสัตย์ กตัญญู ต่อท่านนั้น เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง
เพราะชาตินี้ ยังไงๆ ก็ตอบแทนบุญคุณท่านไม่หมด
แต่การจะช่วยเหลือ ท่าน นั้น ต้องตั้งอยู่ในความถูกต้อง
ความถูกต้องแห่งศีลธรรม....
ต้องใช้สติปัญญา พิจารณาให้แยบคาย แต่ละเรื่องๆ อย่างไม่ประมาท
เราทำหน้าที่ของลูกได้อย่างถูกต้องแล้ว

ขอเจริญในธรรม :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/