ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
รู้สึกไม่สบายใจ เพราะงานต้องจับจ้องข้อผิดพลาดผู้อื่น http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=31350 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 04 พ.ค. 2010, 12:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | รู้สึกไม่สบายใจ เพราะงานต้องจับจ้องข้อผิดพลาดผู้อื่น |
![]() ![]() เพราะหน้าที่การงานซึ่งทำอยู่เหมือนต้องคอยจับจ้องข้อผิดพลาดของผู้อื่น จะถือเป็นกรรมว่าด้วยการเพ่งโทษหรือไม่? มีวิบากอย่างไร? ![]() หรือตรวจสอบการกระทำของผู้อื่นนั้น มีหลายแบบครับ ลองดูแล้วกันว่าของคุณเข้าข่ายแบบใด ๑) การตรวจสอบแบบที่มีเจตนาป้องกัน หรือระงับยับยั้งความเสื่อมเสียของตัวเขาเอง หรือลดความเสียหายของส่วนรวม โดยมีสติ มีเหตุผล ปราศอคติชอบชังเป็นส่วนตัว อย่างนี้บางทีเมื่อต้องตักเตือนก็อาจทำให้เกิดเวรต่อผู้เจ็บใจก็จริง เพราะคนเราไม่ชอบถูกใครว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการรายงานหรือบันทึกความประพฤติที่ผิดพลาดเอาไว้ ก็จะเป็นเหมือนการไปสร้างบาดแผลไว้กลางใจคนที่โดน อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้มีหน้าที่ตรวจสอบในแนวทางนี้ตายไป ก็จะไม่ไปอบายเพราะกรรมที่ต้องตรวจสอบผู้อื่นโดยสุจริต และแม้เกิดใหม่ก็จะไม่ไปอยู่ในบ้านหรือที่ทำงานที่ราวีกันอย่างไร้เหตุผล ภัยเวรที่อาจมีบ้างก็จะมาในรูปของการเจรจาแก้ปัญหากันด้วยสันติวิธี มีเหตุผล ถ้าเจอคู่เวรแบบที่ต้องพบกันประจำก็มักเป็นประเภทมีทิฐิมานะน้อย ไม่เอาชนะกันด้วยวิธีสกปรก (ใช่จะไม่มีสิทธิ์เจอคนประเภทพยายามเอาชนะด้วยวิธีสกปรกเสียเลย เพียงแต่จะไม่ใช่คู่กัดถาวร ไม่ต้องทนทู่ซี้อยู่กับเขาเป็นปีๆ) ๒) การตรวจสอบแบบที่มีเจตนาหาจุดอ่อนของคู่แข่ง เพื่อนำมาสร้างอาวุธทำลายล้างกัน กรรมข้อนี้นับเป็นการก่อเวรอย่างชัดเจน เหมือนเกมที่ต้องเอาชนะกัน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์ บุคคลละความชนะและความแพ้เสียแล้ว จึงสงบระงับ นอนเป็นสุข คนที่ต้องทำงานหรือทำกิจกรรมแบบจ้องชิงชัยหักล้างกัน ย่อมทราบผลกรรมอันเป็น ปัจจุบันได้อยู่แล้ว หากการเอาชนะเป็นประเภทคอขาดบาดตาย จัดเป็นกรรมที่ยืนพื้นอยู่บนโทสะ สังเกตง่ายๆว่าถ้าแพ้จะโกรธฉุนเฉียว ถ้าชนะจะสะใจสมน้ำหน้าคู่แข่ง เมื่อละจากโลกนี้อาจได้ไปอบาย เพราะอบายเป็นสถานที่รองรับกรรมซึ่งยืนอยู่บนพื้นกิเลส (คือราคะ โทสะ โมหะ) แต่ถ้ามีกรรมดีอื่นอุ้มไว้ก็อาจไม่ตกต่ำลงถึงอบาย ทว่าถึงคราวกลับมาเป็นมนุษย์อีกก็จะเข้ามาอยู่ในวังวนภัยเวรวงจรเดิมๆ มีแพ้มีชนะ มีการก่อเวร มีการนอนอมทุกข์ และมักเจอะเจอคนใกล้ชิดที่ชวนให้ระหองระแหงง่าย ต่างฝ่ายต่างชอบเอาชนะ แม้จะเป็นพ่อแม่ลูกกันแท้ๆก็ตาม ประเภทขิงก็ราข่าก็แรง เมื่อทำงานก็มักเจอแต่ภาระประเภท ต้องเอาหอกดาบจริงๆไปทิ่มแทง หรือเอาขวานในปากไปจามแก้วหูผู้อื่น ๓) การตรวจสอบแบบที่มีอคติ มีความเกลียดชัง มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกประมาณว่าเพื่อด่าเอามัน พูดง่ายๆว่าแกพูดหรือทำอะไรมาฉันด่าแหลก จับผิดลูกเดียว เที่ยวไปโพนทะนาให้เจ็บใจโดยไม่มีความปรารถนาดีต่อกันอยู่เลย ตายจากชาติปัจจุบันมีสิทธิ์ไปอบายมากกว่าข้ออื่น เพราะกรรมยืนพื้นอยู่บนโทสะและโมหะอย่างแรง คือคนเราต้องมีโทสะมากถึงเกลียดกันได้ขนาดทำอะไรมาด่าหมด และจะต้องมีโมหะ (หลงสำคัญผิด) ห่อหุ้มจิตมืดมิดยิ่ง ถึงไม่เห็นความดีของเขาเลย คล้ายม้าโดนครอบให้เห็นลู่วิ่งทางเดียว พุ่งไปในทางเดียว ไม่มีมุมมองอื่นที่แตกต่างไปจากนั้น หากมีสิทธิ์เกิดเป็นมนุษย์ใหม่ในคราวหน้า ก็อาจระเห็จไปอยู่ในบ้านที่ญาติๆจ้องแต่จะหาแพะรับบาป จะรู้เห็นเรื่องการโยนโทษให้คนอื่นมาตั้งแต่เด็กๆ โยนผิดได้เป็นโยน ไม่เผื่อใจไว้เห็นความผิดตัวเองบ้างเลย พอโตขึ้นก็จะมองโลกในแง่ร้ายเสียมาก ความดีชัดๆของคนอื่นมองไม่ค่อยเห็น เห็นแต่ความเลวแม้เพียงเล็กน้อยของเขา โลกนี้ไม่มีคนปราศจากอคติ แต่ก็มีการฝึกฝนอบรม ขัดเกลานิสัยให้อคติน้อยลงได้ ปัจจุบันชั้นเรียนประถมของบางโรงเรียน ก็สอนให้หาที่ติของเพื่อนๆ รวมทั้งฝึกให้ยอมรับเสียงติติงจากคนอื่น นี่ก็เป็นแนวทางลดความลำเอียงลงได้มาก ในทางพุทธมีข้อธรรมประการหนึ่งคือในพรหมวิหาร ๔ คือพระพุทธเจ้าสอนให้มองผู้อื่นอย่างมีเมตตา เมื่อมีเมตตาก็ยากขึ้นที่เราจะอยากก่อเวรแม้ด้วยความคิดกับเขา แต่เมื่อต้องทำงานร่วมกัน จำเป็นต้องตักเตือน หรือบันทึกความผิดของผู้อื่นตามหน้าที่ ก็จะมีความเป็นกลาง เป็นอุเบกขา คือไม่ได้ตักเตือนหรือบันทึกความผิดของเขาด้วยอคติหรือมีเจตนาประทุษร้าย ทว่าเห็นกรรมหรือข้อบกพร่องของเขาตามจริง และทราบว่าที่ต้องเตือนหรือบันทึกความผิดไว้นั้น จัดเป็นการที่เขาต้องเสวยผลที่เขาทำมาเอง อย่างนี้ได้ชื่อว่าเราสานเวรไว้น้อยที่สุดหรือไม่มีเวรเลย (ถ้าเขาไม่ผูกใจเจ็บ) อยู่ในโลกมนุษย์นั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กระทบกระทั่งกัน แม้แต่ในวินัยของพระ ยังมีบัญญัติว่า ถ้าเห็นพระด้วยกันทำผิดแล้วไม่ตักเตือนจัดเป็นอาบัติเลยทีเดียว สิ่งที่ควรคำนึงก็มีแต่ว่าจะคิดอย่างไร ตั้งจิตไว้อย่างไรจึงตักเตือนหรือบันทึกความผิดผู้อื่น โดยปราศจากการครอบงำของอคติและความชิงชังเท่านั้น คัดลอกบางส่วนจาก...เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๑ ดังตฤณ dungtrin.com ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 06 พ.ค. 2010, 11:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รู้สึกไม่สบายใจ เพราะงานต้องจับจ้องข้อผิดพลาดผู้อื่น |
กรรม ใด ๆ ในโลกนี้ มันเลี่ยงยาก มีศีล ๕ เป็นปกติ เป็นเหตุใหญ่ เป็นปัจจัยเกื้อกูลแก่การ เวียนว่ายในวัฏฏสงสาร อย่างองอาจ แกล้วกล้า ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ.... |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 06 พ.ค. 2010, 13:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รู้สึกไม่สบายใจ เพราะงานต้องจับจ้องข้อผิดพลาดผู้อื่น |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |