แรกๆเรื่องการเข้าทรงนั้นกระผมเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างแต่ก็ไม่ลบหลู่ครับ จึงตัดสินใจไปพิสูจน์ที่ล่ำลือว่าเป็นของจริง วันนั้นกระผมใช้เวลาประมาณครึ่งวัน มีวิญญาณที่มาเข้าที่ร่างทรงจริงๆ วิญญาณนี้ชอบสูบบุหรีและดื่มเหล้าที่ญาติๆนำมาให้ วิญญาณที่อยู่ในร่างทรงสูบบุหรี่จัดมาก และดื่มเหล้าเก่งดื่มมากด้วยและมีอาการเมาให้เห็นด้วย พอวิญญาณแรกออกจากร่างไปแล้ว สักระยะคือระยะเวลาไม่ห่างกันไม่เกิน 30 นาทีก็มีคนมาให้ร่างทรงเชิญวิญญาณมาลงอีก คราวนี้ก็เป็นวิญญาณขี้เมาเขาดื่มแต่เบียร์ที่ญาติซื้อมาให้เขาดื่มไปหลายขวดดื่มเอาๆ หลังจากวิญญาณออกจากร่างไปแล้วจึงได้ไปถามร่างทรงว่าเมาไหม เขาบอกว่าไม่เมา และก็เห็นปกติดีไม่มีทีท่าเมาเหมือนตอนที่วิญญาณมาเข้าสิง ผู้คนแถวนั้นเขาก็รู้ดีว่าคนที่เป็นร่างทรงคนนี้ปกติไม่สูบบุหรี่และไม่ดืมเหล้าเบียร์เลย จากนั้นกระผมเองจึงเชื่อว่าการเข้าทรงเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องมงายเลย แต่ที่สงสัยและอยากถามท่านผู้รู้เรื่องนี้ก็คือ ทั้งๆที่ตอนวิญญาณลงมาเข้าสิงร่าง ร่างทรงคนนี้ดื่มทั้งเหล้าและเบียร์ พอวิญญาณออกจากร่างไปแล้วทำไมเมาเป็นปกติดี

คำถามนี้ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาและทางศาสนาท่านไม่ได้สอนก็ด้วย ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าการเข้าทรงเป็นเรื่องจริง (ยกเว้นพวกหลอกลวง)ใครจะว่าผมงมงายก็ตาม เพราะที่พึ่งที่แท้จริงก็คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่เป็นที่พึ่งของมวลมนุษย์ได้จริง แต่ความเชื่อของกระผมเรื่องการเข้าทรงนี้ไม่เกี่ยวกับทางศาสนา เพียงอยากรู้ว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่างไปแล้วจากที่เล่ามานั้นทำไมร่างทรงไม่เมาเหล้าเป็นปกติดี ท่านผู้รู้ด้านนี้ช่วยให้ความรู้ด้วย

หาอ่านว่าน "รางจืด" อยู่ค่ะ น่าสนใจมาก

ทางธรรม ไม่มีวิญญานเข้าทรงเด็ดขาดค่ะ เข้าทรงแล้วทำท่านู่นนี่ยิ่งไม่มี จะมีก็แต่คนที่ได้รับสื่อจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ คำพูดที่ได้มามันไหลจากหัวเองเลยค่ะ ไม่ต้องผ่านการคิดค่ะ

เคยมีประสบการณ์ตรงค่ะ ชาวบ้านจะเรียกกันว่าแม่เทพ เวลาเราไปหาจะต้องเก็บดอกไม้ที่ปลูกในบ้านของเราไปด้วย ท่านจะสื่อจากดอกไม้บ้านเราเพื่อคุยกับเจ้าที่เจ้าทางในบ้านเราค่ะ ครั้งแรกที่ไปก็ไม่ได้เชื่ออะไรมากค่ะ ไปส่งญาติเฉยๆ แต่ทุกคำพูดที่ท่านพูดท่านบอกเรามา มันตรงกับความเป็นจริงทุกอย่างเลยไม่รู้จะคิดสงสัยอะไรอีก ของบางอย่างเราไม่เห็นด้วยตา แต่ก็ไม่มีคำอธิบายนะคะ

คุณ google ค่ะ

ขอบคุณท่านแมวขาวฯที่ทำให้ผมได้ความรู้เพิ่มครับ (ไม่เคยรู้มาก่อนเลย)