ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=23983
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ไหว้พระปล่อยปลา [ 17 ก.ค. 2009, 17:09 ]
หัวข้อกระทู้:  "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้

วิบากกรรมของพระพุทธเจ้า...

แม้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้พระอนุตรสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
กรรมในปุเรนชาติก็ยังติดตามให้ผลจนถึงวาระสุดท้ายก่อนดับขันธปรินิพพาน
ดังที่ตรัสเล่าไว้ใน พุทธปาทาน ว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้แล้ว"

เราเห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่ง จึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า
ในกาลนั้นเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก
ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จแม้ในความเป็นพระพุทธเจ้า
เราเคยเป็นนักเลงสุราชื่อ ปุนาลิ ในชาติก่อน ๆ
ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภี ผู้มิได้ทุษร้าย
ผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน
เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมาก
ด้วยกรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุนางสุนทริกา
ในกาลก่อนเราได้เคยฆ่าน้องชายต่างมารดา
ด้วยเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขาเอาหินทุ่ม
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เทวทัตจึงเอาหินทุ่มเราสะเก็ดหินมาถูกหัวแม่เท้าเรา
เราเคยเป็นเด็กในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลา ก็มีความชื่นชอบ
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเกิดการเจ็บที่ศรีษะ
เราเป็นผู้มีชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า
การตรัสรู้เป็นได้โดยยาก ท่านจะได้จากต้นไม้ที่ไหนกัน
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี
ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยตรง
ได้แสวงหาไปในทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา
เราสิ้นบุญสิ้นบาปแล้ว เว้นแล้วแต่จากความเดือดร้อนทั้งปวง
ไม่มีความโศก ไม่มีความคับแค้น ปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน

เราจะเห็นได้ว่าแม้องค์สมเด็จ สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบรมศาสดาของเรา
ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงผลของกรรมที่ตนได้กระทำไว้
แม้ยินดีในการฆ่าปลาของเขา ยังต้องรับผลมโนกรรมนั้นด้วยการปวดศรีษะ
แม้ได้กล่าวร้ายต่อผู้อื่นไว้ก็จะต้องถูกใส่ร้ายในชาตินี้
กรรมสนองกรรมจึงเป็นกลไกที่สลับซับซ้อนเกินกว่าจะคิดถึง
อิทธิฤทธิ์ก็ยังแพ้กรรม แม้จะมีฤทธิ์อำนาจขนาดไหน
ก็ไม่มีใครหนีกฏแห่งกรรมพ้นได้
เช่น พระโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย
อรหันต์ผู้เรืองฤทธิ์ ขนาดม้วนแผ่นดิน ยกภูเขาทั้งลูกได้
สามารถเหาะไปเที่ยวสวรรค์หรือนรกได้ ประสานกระดูกที่แตกหักให้ติดกันได้
ก็ยังถูกวิบากกรรมติดตามทวงเอาในปั้นปลายชีวิต
สมัยที่ท่านมีชาติกำเนิดเป็นชาวบ้าน พ่อแม่ตาบอดทั้งสองข้าง
แต่ท่านยังตาบอดยิ่งกว่าทั้งที่ตาดี เพราะหลงเมียจนลืมพระคุณพ่อแม่
ด้วยเหตุที่เมียรังเกียจพ่อแม่ที่ตาบอด จึงแสร้งหาเหตุใส่ร้ายป้ายสีต่าง ๆ นา ๆ
แล้วตีอกชกตัวเองร่ำไห้ฟ้องสามี และแนะนำให้พาพ่อแม่ที่ตาบอดไปฆ่าทิ้งในป่า
ทิ้งร้างให้สัตว์ร้ายกิน เหมือนหนึ่งว่าสัตว์ทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ฝ่ายสามีก็หลงเชื่อ นำพ่อแม่ขึ้นเกวียนทำทีไปทำกิจที่อื่น
พอถึงกลางป่าก็ทำเป็นเสียงโจรเข้าปล้น
แล้วลงมือทุบตีพ่อแม่หมายให้ตายอแทนที่พ่อแม่จะร้องให้ลูกช่วย
กลับบอกให้ลูกไปเสียไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตนเองก็ตาบอด
ส่วนลูกยังมีภาระครอบครัวที่จะต้องรับผิดชอบอยู่
จงหนีไปเสีย ทำให้ท่านฆ่าไม่ลง
ทำทีเป็นขับไล่โจรให้หนีไป กลับนำพ่อแม่มาเลี้ยงดูตามเดิม
ผลจากกรรมนั้นทำให้ท่านถูกทุบตีตายมาถึงห้าร้อยชาติ
ดีแต่ว่ายังไม่พลั้งมือทำร้ายพ่อแม่ถึงตาย ถือเป็นอนันตริยกรรม
คือ ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน เพราะยั้งมือไว้ทันไม่ได้ถึงขั้นฆ่า
นำกลับมาเลี้ยงดูตามเดิม จึงทำให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในชาติสุดท้าย
เข้าสู่พระนิพพานได้ แต่ก็ถูกโจรป่ารุมทำร้ายกระดูกแหลกละเอียด
และเข้าใจว่าท่านตายก็เลยทิ้งไว้ในป่า
ท่านก็อาศัยอิทธิฤทธิ์ประสานกระดูกร่างกายขึ้นมาใหม่
ไป ๆ มา ๆ ก็พบโจรเหล่านี้อีก มันก็ทำร้ายท่านอีกเหมือนเดิม
จนเกิดขึ้นในครั้งที่ 3 ท่านจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่า
บุพกรรมใดหนอท่านจึงต้องถูกโจรเหล่านี้ทุบตีทำร้ายท่าน
จนได้รู้ความจริงในอดีต จึงประสานกายขึ้นมามาใหม่
แล้วเหาะไปทูลลาพระพุทธเจ้าเข้าสู่พระนิพพาน

ดังนั้นเมื่อกรรมจะเริ่มให้ผลก็จะมีการเตือนกันล่วงหน้า
โดยแสดงอาการผิดปกติทางจิตใจหรือทางกายให้เริ่มปรากฏ
และเมื่อมันปรากฏแล้วก็ต้องรีบศึกษาทำความเข้าใจ วิเคราะห์ให้ชัดเจน
เพื่อที่จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม
จนถูกรุมเร้าดิ้นไม่ออก ส่วนวิธีการนั้นจะได้แนะนำกันในโอกาสต่อไป

ไฟล์แนป:
lungporprecha.jpg
lungporprecha.jpg [ 42.37 KiB | เปิดดู 3415 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ตักบาตรถามพระ [ 20 ก.ค. 2009, 01:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้

อ้างคำพูด:
เราเคยเป็นนักเลงสุราชื่อ ปุนาลิ ในชาติก่อน ๆ
ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภี ผู้มิได้ทุษร้าย
ผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน
เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมาก
ด้วยกรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุนางสุนทริกา
ในกาลก่อนเราได้เคยฆ่าน้องชายต่างมารดา
ด้วยเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขาเอาหินทุ่ม
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เทวทัตจึงเอาหินทุ่มเราสะเก็ดหินมาถูกหัวแม่เท้าเรา



ผลกรรม มีอยู่ จริง

โมทนาบุญ ครับ สุดยอด เลย

ช่วยตอก ย้ำ ตถาคตโพธิสัทธา ของผม

สาธุ สาธุ :b8: :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  อมิตาพุทธ [ 20 ก.ค. 2009, 14:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้

อนุโมทนา ครับ :b8:

เจ้าของ:  แมวขาวมณี [ 20 ก.ค. 2009, 18:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้

ไหว้พระปล่อยปลา เขียน:
........
เราเคยเป็นเด็กในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลา ก็มีความชื่นชอบ
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเกิดการเจ็บที่ศรีษะ

เราเป็นผู้มีชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าว กับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า
การตรัสรู้เป็นได้โดยยาก ท่านจะได้จากต้นไม้ที่ไหนกัน

ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี
ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยตรง
...................................................................
................................................


กรรมแค่เพียงชื่นชอบ...ของเด็กธรรมดา ๆ
กรรมแค่เพียง .... กล่าววาจา...ถากถาง...ของนายโชติปาละ ผู้ปุถุชน ในชาตินั้น...

ล้วนตามส่งผล.... แม้ในปัจจุบันที่ทรงตรัสรู้แล้ว บริบูรณ์ดีด้วย บารมี ๓๐ แล้ว
กรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็ปรากฏผล.... ให้ทรงนำมาแสดงแก่สาวก...

เราท่านทั้งหลายอย่าได้หลงทำกรรมชั่วใด ๆ เลย
จงหมั่นทำแต่กรรมดี.... แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามส่งผลให้อิ่มเอม บริบูรณ์เกื้อกูลเรา
ไม่ต่างจากกรรมชั่วที่ตามสนองนั่้นแล....

อนุโมทนาสาธุค่ะ

เจ้าของ:  คนข้างวัด [ 08 ส.ค. 2009, 18:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้

โมทนาสาธุครับ :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/