วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 23:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 20:12
โพสต์: 791

แนวปฏิบัติ: พุทโธและสัมมาอรหัง
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ใต้ร่มโพธิญาณ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

"อย่าหนีนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย"

เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว

แม่ถามฉันว่า "อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ"

"ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ"

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม' เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่ มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไปหรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 12-13 ขวบ ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ

แม่จึงเดินเข้าไปถาม "พี่หนอม มีไรหรอคะ"

"ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย" พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

"ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ" แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

"เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอน ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ"

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า "อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ กี่บาทกันละ"

ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด

แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่ "ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ"

แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

"ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ"

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

"แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง..."

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า "ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพร เปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิ คนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย" แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม


เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที "ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรือจ้ะ" แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่า

"ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง"

"แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่" ฉันถามต่อ

แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า "แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ กับลูก จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่า กว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน และคนที่มีความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น"

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า "แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า"

"ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร"

"แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรือ บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่"

"ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะมันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก" แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

"จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้"

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า "ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียง แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ บ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ"

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ กันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่า คำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง หลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปี เพื่อส่งฉันเรียน

แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ ไม่กี่วันก็หาย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป

ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย ฉันกังวลใจมาก พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ พราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่ามีเนื้องอกในสมอง ต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที

แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า ดังนั้น หมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง

หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ ทางโรงพยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฏว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ

ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่า หลังจากผ่าตัดเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันที เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา

แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่ โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์
ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้
ค่าผ่าตัด 0 บาท
ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า
นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

.....................................................
ข้าพเจ้าขออาราธนาพระบารมี 30 ทัศ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เสด็จนิพพานไปแล้ว มากยิ่งกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง 4 ด้วยเดชะพระพุทธานุภาพ พระธรรมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ พระบารมีพระโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายและพระบารมีขององค์พระสมณะโคดมบรมครู ขอได้ส่งพลังมายังตัวข้าพเจ้า จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าหายจากโรคภัยไข้เจ็บและสรรพเคราะห์ทั้งหลายในกายของข้าพเจ้า จงหายไปสิ้นทั้งหมดขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ชนะต่ออุปสรรคและมารทั้งหลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
:b50: :b50: :b50: :b50: :b50:
ให้ 5 ดาวสำหรับกระทู้นี้ค่ะ
อนุโมทนาสาธุ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ :b8:

บทความนี้ จำได้ว่าเคยอ่านมานานแล้ว คิดว่าน่าจะบุคคลเดียวกัน

อ่านแล้วนั่งน้ำตาไหลทุกครั้ง เพราะทำเกิดปีติมากมาย

ทำให้ตัวเองนึกถึงเรื่องราวในตอนวัยเด็ก ...

แม่จะชอบนำตัวเองไปทิ้งไว้ที่วัด เพราะแม่ไม่มีเวลาดูแล แม่บอกว่าเรามันเด็กเหลือขอ

ทั้งแก่นทั้งซน เพราะอยู่ในกลุ่มของเด็กเลี้ยงควาย ..

แม่จะนำตัวไปทิ้งไว้ที่วัดฝากไว้กับหลวงตาแก่ๆท่านหนึ่ง ไปทิ้งไว้กับเด็กๆที่พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล

หลวงตาจะใจดีมากๆ มีอาหารการกินให้พร้อม กินกันเสร็จเราจะช่วยกับทำความสะอาดศาลาวัด

แล้วหลวงตาก็จะเล่านิทานให้ฟัง เป็นนิทานที่มีแต่คำสอนของพระพุทธเจ้า

หลวงตาพูดเสมอๆทุกๆครั้งว่า อยากเป็นคนดี ต้องทำให้ได้อย่างพระพุทธเจ้านะลูก

แล้วนิทานของหลวงตาจะมีแต่เรื่องกฏแห่งกรรม เรื่องนี้เลยถูกฝังใจมาตั้งแต่เล็กๆ

ไม่เคยทำร้ายสัตว์ ไม่เคยฆ่าสัตว์ ไม่เคยเล่นอะไรๆกับสัตว์แบบเจ็บๆ ไม่เคยว่าพระ

หลวงตาพูดเรื่องนรกน่ากลัวมากๆ เราไม่อยากตกนรก

แต่คนเดี๋ยวนี้กลับไม่กลัวนรกกัน นำพระเจ้ามาติติงกันว่าเล่น

หลวงตาบอกว่า เราต้องมีเมตตาต่อกันนะลูก มีอะไรต้องแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ

จะทำให้เราไม่อดอยาก เราจะมีกินอยู่ตลอดเวลา พ่อแม่เราก็จะสบาย

เพราะคำสอนที่หลวงตาท่านนั้นมีเมตตาต่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ใครๆเห็นแล้วต้องส่ายหัว

ทำให้เติบโตขึ้นมาได้เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนดีเด่อะไรมากมาย

แต่เด็กหญิงตัวเล็กๆในอดีตก็ยืนหยัดขึ้นมาด้วยตัวเองโดยมีสัมมาอาชีพ

สมกับหลวงตาเฝ้าพร่ำสอนมาตั้งแต่เล็กๆ ...

แต่ไฉนหนอคนในสมัยปัจจุบันนี่ช่างแห้งแล้งน้ำใจกันเสียใจจริงๆ

กับพระก็ไม่เว้นกัน วันๆไม่มีอะไรทำ เอาแต่ตั้งท่าไล่กัดพระ

พระจะดีจะชั่ว ท่านเป็นผู้รับผลการกระทำของท่าน ส่วนดีท่านก็มี ใช่ว่าจะเลวไปเสียหมด

แต่พวกใจบาปหยาบช้า คอยคิดแต่จะเพ่งโทษท่าน โดยลืมตัวไปว่า ...

ตัวเองก็โตมากับพระที่เรียกกันว่า สมมุติสงฆ์ ...

ขอโทษนะคะที่มาบ่นๆแถวนี้ เพราะบทความทำให้คิดถึงหลวงตาค่ะ

นึกถึงคำสอนที่ท่านคอยเฝ้าพร่ำสอนเรามาตลอด

จงทำแต่ความดีนะลูก ดูพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง ท่านมีพระคุณต่อเรามากมาย

ท่านมีพระเมตตามากๆ .. นี่แหละคำสอนของหลวงตาแก่ๆ ที่คนสมัยนี้ชอบจิกเรียกกันว่าสมมุติสงฆ์

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 12 ก.ค. 2009, 17:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 พ.ย. 2008, 17:43
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


ซึ้งมากเลยค่ะ :b8: :b8:

ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ นะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2007, 15:51
โพสต์: 147

ที่อยู่: 13 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชอบมากเลยค่ะ ให้หลายๆ ดาว หน่อยนะค่ะ

.....................................................
สุขํ สุปติ พุทฺโธ จ เยน เมตฺตา สุภาวิตา
ผู้เจริญเมตตาจิตดีแล้ว ย่อมหลับและตื่นเป็นสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 16:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 17:12
โพสต์: 246

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ
อ่านแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ :b26: ทำดีย่อมได้ดีค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 20:00
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง เวรกรรมที่ต้องเลี้ยงดูคนอื่น
แต่เขากลับหนีหายไปและไม่ได้ตอบแทนบุญคุณอะไรเลย
:b7:
ก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตาให้เขา
ขอเวรกรรมอย่าเกิดกับลูกอีกเลย
:b53: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


homealone เขียน:
อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง เวรกรรมที่ต้องเลี้ยงดูคนอื่น
แต่เขากลับหนีหายไปและไม่ได้ตอบแทนบุญคุณอะไรเลย
:b7:
ก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตาให้เขา
ขอเวรกรรมอย่าเกิดกับลูกอีกเลย
:b53: :b53:


tongue
:b8:
อนุโมทนาด้วยค่ะที่คุณคิดดี ทำดีแล้ว

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2009, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2009, 07:54
โพสต์: 17

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกอย่าง
อายุ: 40
ที่อยู่: ปากเกร็ด+(สุโขทัย)

 ข้อมูลส่วนตัว


พออ่านจบน้ำตาก็เอ่อทันทีโมทนาครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 16:00
โพสต์: 19

ชื่อเล่น: แองจี้
อายุ: 25

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจ อยากทำความดีมากๆ เวลาให้มันมีความสุขจริงๆนะคะ
ขอขอบคุณผู้เขียนกระทู้นี้มากๆที่เอาเรื่องดีๆอย่างนี้มาให้อ่านกันนะคะ สุดยอดไปเลย

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนทำดี และรู้จักให้กันและกันนะคะ ใครที่คิดว่าให้แล้วยังไม่ได้อะไรดีๆ อย่าไปท้อนะคะ ซักวันเราก็จะได้รับเองนะคะ

ขอบคุณมากค่าา :b20:


White Tulip


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2009, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับคุณไหว้พระปล่อยปลาด้วยครับ

ได้สาระและแง่คิดดีมากเลยครับ

ขอ :b35: :b35: :b35: :b35: :b35: ให้เลยครับ

รับ :b36: ไปเลยครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2009, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนา สาธุค่ะ tongue

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2009, 15:09
โพสต์: 122

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ขออนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 11:00
โพสต์: 30

ชื่อเล่น: น้ำ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านเจอซักกี่ครั้ง ก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม
อนุโมทนาสาธุครับ :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
อายุสั้นหรือยืนไม่สำคัญ ที่เราเกิดมาเพื่อมีโอกาสสร้างความดี สั่งสมบุญบารมี นำชีวิตให้มีคุณค่า ไม่ใช่อยู่เพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2010, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 141


 ข้อมูลส่วนตัว


เคยอ่านมาแล้วครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้อ่านก็น้ำตาซึมทุกที ขอบคุณนะคะสำหรับบทความดีๆ ขออนุโมทนาค่ะ tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร