ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
...อโหสิกรรม... http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=23329 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 27 มิ.ย. 2009, 17:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | ...อโหสิกรรม... |
คำว่า อโหสิกรรม มาจากคำ ๒ คำ คือ อโหสิ เป็นคำภาษาบาลีแปลว่า “ได้มีแล้ว” หมายความว่า ได้ให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว กับคำว่า กรฺม ซึ่งเป็นคำภาษาสันสกฤต แปลว่า การกระทำ หมายถึงการกระทำที่มีเจตนา อโหสิกรรม แปลรวมกันว่า กรรมที่ไม่ส่งผลแก่ผู้กระทำกรรมอีกต่อไป ตามหลักพระพุทธศาสนา บุคคลที่ทำกรรมดีหรือกรรมชั่วโดยมีเจตนาในการทำกรรมนั้น จะต้องได้รับผลกรรมตามสมควรแก่การกระทำของตน คนที่ทำร้ายผู้อื่นคนที่คดโกงหรือฉ้อราษฎร์บังหลวงก็จะได้รับผลกรรมนั้น เช่น ตนเองได้รับโทษถูกจำคุก หรือลูกหลานประสบเคราะห์ร้ายต่างๆ ทำให้ตนต้องเสียใจทุกข์ทรมานเพราะการสูญเสีย หรือแม้ไม่ได้รับกรรมในชาตินี้ กรรมก็จะติดตามไปส่งผลในชาติหน้า แต่กรรมที่ทำไว้นั้นถ้าเป็นกรรมเบาอาจจะไม่ส่งผลก็ได้ หากทำให้กรรมนั้นเป็นอโหสิกรรม วิธีทำกรรมให้เป็นอโหสิกรรมวิธีหนึ่งคือการยกโทษให้ เช่น เมื่อเราประพฤติล่วงเกินผู้อื่นด้วยกาย วาจา หรือใจ แล้วไปขอให้ผู้ที่เราประพฤติล่วงเกินยกโทษให้ เมื่อท่านยกโทษให้แล้วก็ถือว่ากรรมนั้นเป็นอโหสิกรรม ไม่ให้ผลอีกต่อไปทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ในภาษาไทยคำว่า อโหสิกรรม จึงกลายมามีความหมายว่า การเลิกแล้วต่อกัน การไม่เอาโทษกัน การเลิกจองเวรกัน ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เมื่อได้ประพฤติล่วงเกินผู้อื่น ก็ควรขอให้ผู้นั้นยกโทษให้ และในทำนองเดียวกันหากมีผู้มาขออโหสิกรรมจากเรา ก็ควรยกโทษให้ ไม่อาฆาต พยาบาท จองเวรกัน เมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้ก็จะก่อให้เกิดความรักใคร่กัน และอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข การที่เราประพฤติล่วงเกินผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา หรือใจ เราจะต้องรับกรรมนั้น อาจจะในชาตินี้หรือชาติหน้า แต่ถ้าเราทำกรรมนั้นให้เป็นอโหสิกรรม คือขอให้ผู้ถูกล่วงเกินนั้นยกโทษให้ กรรมนั้นก็จะสิ้นผล เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่หมดสิ้นเชื้อชีวิตแล้ว ไม่อาจเพาะขึ้นเป็นต้นไม้ได้อีก มีเรื่องเล่าไว้ในอรรถกถาธรรมบท ว่ามีบุตรชายของเศรษฐีคนหนึ่งอยู่ในเมืองโสเรยฺยนคร ได้เดินทางไปเมืองสาวัตถี และได้พบพระมหากัจจายนเถระ พระอรหันต์ที่สำคัญองค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา พระมหากัจจายนเถระเป็นผู้มีรูปโฉมงดงามมาก บุตรชายของเศรษฐีนั้นเห็นท่านแล้วเกิดอกุศลจิตคิดว่า “ภรรยาของเราควรจะมีผิวพรรณงดงามเช่นพระเถระนี้” การล่วงเกินต่อพระอรหันต์เช่นนี้ ทำให้ได้รับกรรมทันตาเห็น คือกลายร่างเป็นหญิงไปในทันที บุตรชายเศรษฐีรู้สึกละอายมากที่ร่างกายกลายเป็นหญิง จึงไม่ยอมกลับบ้านเมืองและไปอาศัยอยู่ที่เมืองตักกสิลา จนกระทั่งได้แต่งงานกับชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรเศรษฐีในเมืองตักกสิลา และมีบุตรด้วยกัน ต่อมาเขาได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่เดินทางมาจากเมืองสาวัตถี เขาจึงเล่าเรื่องราวให้เพื่อนฟังว่าเหตุใดจึงมีร่างกายเป็นหญิง เพื่อนผู้นั้นแนะนำว่าให้ไปขอขมาต่อพระมหากัจจายนะ เขาจึงได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเพื่อน เมื่อพระมหากัจจายนเถระทรงทราบเช่นนั้นก็ยกโทษให้ กรรมที่เคยล่วงเกินท่านก็เป็นอโหสิกรรม คือสิ้นผล บุตรของเศรษฐีผู้นั้นก็หมดกรรมและกลับมีร่างกายเป็นชายเช่นเดิม คัดลอกจาก: http://dhammathai.org/webboard/view.php?No=2021 ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 28 มิ.ย. 2009, 04:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
![]() อ่านแล้วได้ความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 28 มิ.ย. 2009, 14:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
สาธุ ครับ ![]() |
เจ้าของ: | tanaphomcinta [ 03 ก.ค. 2009, 20:10 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... | ||
![]() ![]() ![]() สิ่งดีมาบอกเล่าเก้าสิบให้ลานธรรมมีสีสันจริงเนาะ สาธุ สาธุ สาธุ เด้อ ฮิฮิฮิ
|
เจ้าของ: | -dd- [ 03 ก.ค. 2009, 20:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
ตามมาขออโหสิกรรมกับคุณลูกโป่งด้วยครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | amaritaya [ 04 ก.ค. 2009, 13:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับดิฉันเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ดิฉันคบกับแฟนมา 10 กว่าปี จนกระทั่งประมาณปี 2547 เขาได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นหัวหน้างาน เขาไปติดพันกับพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งนั้น ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นเขาก็รู้ว่าแฟนมีดิฉันอยู่แต่พวกเขาก็แอบคบกันและมีความสัมพันธ์กัน จริงๆ แล้วดิฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย จนมาวันหนึ่งผู้หญิงคนนั้นโทรศัพท์มาหาดิฉัน มาแสดงตัวและบอกให้ดิฉันหลีกทางให้ และให้เพื่อนๆ ของเธอโทรมาก่อกวนทั้งที่ทำงานและมือถือ จนดิฉันเกือบจะเป็นบ้า ตอนนั้นทั้งเจ็บปวดทั้งแค้นใจจนแคบขาดใจ ที่คนที่เราไว้ใจมาหักหลัง ถ้าได้ยินจากปากและขอไปดีๆ จะไม่ว่าอะไรสักคำแต่มาทำแบบนั้น ตอนนั้นรับไม่ได้เลย เรื่องราวคาราคาซังมาเกือบ 2 ปี ดิฉันขอเป็นฝ่ายไปเพราะว่ารับไม่ได้ที่ถูกหลอก แต่แฟนไม่ยอมเลิก คงทำให้ผู้หญิงคนนั้นทั้งโกรธและแค้น โทรมาทั้งด่าและอาละวาดทั้งดิฉันและแฟน ดิฉันถามแฟนว่าเห็นธาตุแท้ของเธอคนนั้นแล้วใช่ไหม ที่มองภายนอกดูดี พูดจาอ่อนหวาน แล้วเป็นไง แต่ความเห็นแก่ตัวของผู้ชายก็คงคิดได้แค่นี้ พอเราจับได้ก็สารภาพผิด พูดได้แค่ว่าผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ดิฉันขออยู่คนเดียวสักพัก พอเวลาผ่านไปเกือบปี ดิฉันพยายามจะลืม ไม่คิดถึงมันอีก แต่ทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่พยายามคิดว่า ชาติก่อนเราคงทำเวรทำกรรมกับเขา ชาตินี้เขาจึงมาเอาคืน มันก็เป็นแค่ชั่วขณะจริงๆ ที่ทำใจได้ แต่ลึกๆ เรารู้ดีว่าเราให้อภัยเขาไม่ได้จริงๆ ควรทำอย่างไรดีคะ เวลาผ่านมาแล้วหลายปี มันก็ลืมไม่ได้ เหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | หมูตอน [ 04 ก.ค. 2009, 13:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
อนุโมทนาค่ะ |
เจ้าของ: | -dd- [ 04 ก.ค. 2009, 13:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
อ้างคำพูด: ควรทำอย่างไรดีคะ เวลาผ่านมาแล้วหลายปี มันก็ลืมไม่ได้ เหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ก่อนอื่น ลองอ่านบทธรรมะที่คุณลูกโป่งนำมาลงไว้เป็นธรรมทานอีกครั้งนะครับ เพราะการอ่านจะทำให้เข้าใจและเกิดปัญญาได้ นอกจากนี้ในขณะอ่านด้วยสติ ย่อมเป็นขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นบุญยกิริยาอย่่างหนึ่งที่มีอานิสงค์มาก.. ส่วนปัญหาที่ยังให้อภัยนั้น น่าเห็นใจครับ ..แต่... อย่าปล่อยใจให้ไหลไปกับความแค้นฝังใจอย่างนี้เลย... เสียหายมาก คนเราก็พลั้งพลาดกันได้บ้าง หากไม่ได้เป็นนิสัยที่แก้ไม่ได้ เช่น ให้อภัยกี่ครั้งๆ ก็ไม่แก้ไขยังเกเรไม่เลิก อย่างนี้ การให้อภัย ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย หากพลาดไปแล้วสำนึกได้ อยากแก้ไข ก็สมควรให้อภัยในเมื่อเขาเองก็อยากจะเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน อยู่กันด้วยความเมตตาดีกว่า เพราะชีวิตนั้นมีน้อยนัก ไม่นานก็จะต้องตายจากกันไป.... เหตุใดจึงทำลายวันชื่นคืนสุขที่สมควรจะเกิดด้วยเล่า?...เหตุใดจึงเอาทุกข์ ของวันเก่า มาเป็นทุกข์ของวันใหม่ด้วยหนอ?... ท่านผู้ถามจงเมตตาเขาเถิด ความเมตตาปรารถนาที่จะเห็นเขามีความสุข ย่อมก่อให้เกิดความสุขแก่คนรักและแก่ท่านผู้ถามเองด้วย..อย่าฆ่าคนรักของ ท่าน และตัวท่านผู้ถามเองด้วยความโกรธ และความอาฆาตพยาบาทเลย.. พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า บุคคลฆ่าความโกรธเสียได้ ความเศร้าโศกจะมีมาแต่ไหน?.. ดังนั้น ผู้ที่ทำร้าย ทำลายความสุขของท่านผู้ถามมาจนบัดนี้ ไม่ใช่คนรักของท่านผู้ถาม ไม่ใช่ความเกเรของเขาซึ่งจบไปแล้ว แต่ผู้ที่ยังเฝ้าทำร้ายท่านผู้ถามอยู่จนบัดนี้ ก็ได้แก่ ความโกรธ ของท่านผู้ถามเองนั่นแหละ ดังนั้น หากจะทำลาย ก็จงทำลายจิตโกรธของตนเถิด...ท่านผู้ถามย่อมจะพ้นจากความทุกข์ความโศกนับแต่บัดนี้ทีเดียว ฝึกเจริญการแผ่เมตตาให้ทั้งตนเองและคนที่เกี่ยวข้องบ้างก็ดีครับ สวดมนตร์ไหว้พระ รักษาศีล ฝึกสมาธิวิปัสนาตามควรย่อมได้ที่พึ่งทั้งในปัจจุบันและภพหน้าครับ .. ขอให้มีความสุข หายแค้นไวๆครับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 04 ก.ค. 2009, 15:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุกับคุณลูกโป่งด้วยครับ -dd- เขียน: ขอให้มีความสุข หายแค้นไวๆครับ และเห็นด้วยกับคุณ -dd- ครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | tanaphomcinta [ 04 ก.ค. 2009, 21:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
ดิฉันพยายามจะลืม ไม่คิดถึงมันอีก แต่ทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่พยายามคิดว่า ชาติก่อนเราคงทำเวรทำกรรมกับเขา ชาตินี้เขาจึงมาเอาคืน มันก็เป็นแค่ชั่วขณะจริงๆ ที่ทำใจได้ แต่ลึกๆ เรารู้ดีว่าเราให้อภัยเขาไม่ได้จริงๆ ให้เขาไปเถอะคุณเอ่ย ขอให้คิดเสียว่าเราโตแล้วจึงมาเจอกัน หรือไม่ก็ถือว่าเวรกรรมที่เราเคยทำไว้กะเขาก็แล้วกัน มันเป็นอย่างนี้แหละชีวิต ชีวิตมันไม่สบายมันไม่ง่ายเหมือนมาม่า ชีวิตไม่ซาบซ่าส์เหมือน แป๊บซี่ ยังมีอะไรที่เราจะต้องต่อสู้ไปจนกว่าเราจะจากไป จงทำใจให้ได้ ถ้าเราทำไม่ได้ ก็ไม่มีใครจะมาทำแทนเราได้นอกจากเราเองและเราเองเท่านั้นฯ |
เจ้าของ: | ปิยาภา [ 08 ก.ค. 2009, 00:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | rawisada [ 08 ก.ค. 2009, 00:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ...อโหสิกรรม... |
ขอขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะค่ะ ได้รับประโยชน์มากมาย ![]() ![]() ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |