วันเวลาปัจจุบัน 17 พ.ค. 2025, 11:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำนำ

เมื่อมนุษย์เกิดอุบัติมาในโลกนี้ ย่อมมีกฎแห่งกรรมเป็นผู้ลิขิตชีวิตท่าน แม้ท่านตายหรือแม้แต่สิ้นจิต (รูปกายแตกสลายดำรงอยู่พร้อมด้วยกายวิญญาณ) ในภพชาตินี้ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ต่อไป แต่ท่านไม่รู้ไปว่าท่านนั้นจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่กี่ชาติ แม้สิ้นชาติจากนี้ไป ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคตกรรม ขอท่านจงสำนึกเถิดว่า กรรมนั้นมีจริง

สุดท้าย บทนี้ ผมขอฝากถึงมนุษย์ทั้งหลาย ที่ว่า ตัวตนนั้นไม่กลัวกรรม กลัวบาปที่ก่อ ไม่มีกรรมใดที่ทำแล้วสนองจริง มนุษย์ทั้งหลายมักพูดว่า “กรรมทั้งหลายไม่มีจริง ใครเป็นผู้ก่อ ใครทำบาปแล้วได้ดีมีมากไป “แต่ท่านรู้ไหมว่า พวกเขาเหล่านั้นจะต้องรับเสวยบุญกรรมก่อนที่เขาจะรับกรรม ในผลกรรมที่เขาได้ทำ แต่ถ้าหากผลบุญกรรมนั้นสิ้นลง ท่านจักจงดูเถิดว่า ชีวิตเขานั้นเป็นเช่นไรในอนาคต

จงหยุดเถิด …. เวรกรรมทั้งหลายนั้น จักสิ้นด้วยภพชาติแห่งการปฏิบัติเริ่มภพชาติปฏิบัติในตอนนี้ และปฏิบัติเพียรต่อไปอย่างไม่ท้อ เวลานั้น ท่านจักแจ้งในธรรม และรู้ในผลแห่งกรรมที่มนุษย์ปฏิบัติ เวรกรรมทั้งหลายนั้นสิ้นชาติด้วยกรรมที่ได้ก่อ จงเพียรสิ้นกรรมด้วยการปฏิบัติ

ขอจงสำนึกเถิด …
อนันตนโมพุทธมณีสร จงฟังธรรม กรรมนี้มีจริง “ใครเป็นผู้รับกรรมนั้นจักมีอยู่ เห็นจริง ในภพชาติที่กระทำ” จงฟังเถิด อนันตมมุณีเทพเวลาศรประทาน
“ปิยราช ไกรนรภพ”

บุญนิสงส์

บุคคลใดที่ได้สร้างหนังสือเล่มนี้ สามารถอธิฐานขอบุญนี้แก้กรรมเก่าในอดีตชาติของตนกับพญายมได้ทุกอย่าง
ใครก็ตามที่ได้สร้างหนังสือเล่มนี้ จำไว้ หรือแม้เขียนเพื่อระลึกถึง ก็สามารถตัดกรรมตัดเวรได้ ๕ ส่วน
ข้อที่สาม ท้ายสุดนี้ เราขอให้พรแก่ผู้ทำหนังสือเล่มนี้ ให้มีความเจริญสุขด้วยบุญลาภ ผลฤทธิ์สิทธิ์อันเจริญด้วยบุญนี้ จงประสิทธิ์



องค์อัมรินทร์ทราธิราช


คำแจ้งแก่มวลชน
อุปัตติทานปุญญผลัง ในผลบุญร่วมที่ได้สร้างร่วมกันในนี้ จงตอบสนองท่านด้วยสิ่งสมหวังในความหวังสิ่งประสงค์ในที่หวัง ขอจงประสิทธิ์ในภพชาติภูมินี้ ขอท่าน จงได้ในสิ่งเหล่านั้นเถิด
อนุโมทนาบุญร่วมในทานปุญญผลังหนนี้

“ปิยราช ไกรนรภพ”



“วิญญาณนั้น เป็นอยู่อย่างไรในภพภูมิเทวดา มนุษย์นั้นควรสังวรอยู่ว่า ตนเป็นมนุษย์ สิ่งใดที่ล้วนจากไปแล้วย่อมหวนไปกลับระหว่างโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์ ความเปลี่ยนแปรแตกต่างย่อมมี คำพูดในหนังสือเล่มนี้ มีคำกล่าวที่เป็นคำเบื้องสูงระหว่างคนกับยมทูต คำนี้มีเรื่องมาเป็นอยู่อย่างไร ขอให้ผู้มีวิจารณญาณ จงหวนคิดตามคำกล่าวข้างต้น ย่อมแจ้งในเหตุผลดังนั้น
ผลขอกล่าวไว้ด้วยความนัย”

“ปิยราช ไกรนรภพ”



ข้อความในหนังสือเล่มนี้ เขียนขึ้นจากการปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสมณโคดม ผู้ได้ตรัสสอนคำสอนแก่เวไนยสัตว์ให้รู้แจ้งเห็นจริง ซึ่งพระธรรมอันบริสุทธิ์ เพื่อความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในภพชาติด้วยการปฏิบัติตามคำสอนจนรู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างชัดแจ้ง ดั่งมีหลักฐานยืนยันปรากฏชัดในพระอภิธรรมปิฏก
อนึ่ง การปฏิบัติกรรมฐานที่ยึดถือนำมาปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้งนี้ ก็ได้นำมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องการปฏิบัติกรรมฐาน วิธีแห่งกรรมฐานนี้มีมากมายหลายวิธี ซึ่งสุดแล้วแต่จริตของแต่ละบุคคล ย่อมยึดถือเป็นแนวปฏิบัติได้โดยเลือกเอาแต่โดยชอบใจ สิ่งที่ผมได้ยึดถือนำมาเป็นวิธีปฏิบัติกรรมฐานนั้น ได้ใช้หลักของการเพ่งกสิณเป็นอารมณ์ ซึ่งกสิณนี้พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่ามี ๑๐ อย่าง อันได้แก่ ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ นีลกสิณ ปีตกสิณ โลหิตกสิณ โอทาตกสิณ อากาศกสิณ อาโลกกสิณ ดังนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะแก่บุคคลทุกจริต ด้วยอำนาจฌาณที่เกิดขึ้นจากการเพ่งกสิณ ๑๐ นี้ ยังผลให้ได้ฤทธิ์ ๕ อย่าง ฤทธิ์อภิญญาที่เกิดขึ้นนี้ จัดอยู่ในขั้นโลกีย อภิญญา ซึ่งถือว่าเป็นธรรมะขั้นกลางไม่สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ หากบุคคลผู้ใดต้องการหลุดพ้นเพื่อพระนิพพาน ความดับ จะต้องกระทำตนให้รู้แจ้งเห็นจริงในรูปฌาณ อรูปฌาณ และภาวะแห่งจิตที่เกิดขึ้น ในระดับนี้จะเรียกว่า “กระทำวิปัสสนากรรมฐาน” เพื่อให้หลุดพ้นโดยแท้จริง
จากแนวกรรมฐานปฏิบัติด้วยการเพ่งกสิณเป็นอารมณ์กรรมฐานนี้ (จัดเป็นสมถะกรรมฐาน ซึ่งมีกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในหนังสือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย ชื่อ สมถกรรมฐานทีปนี ในปริเฉจที่ ๙ หลักสูตรมัชฌิมอาภิธัมมิกะโท) ผลของการปฏิบัติ ทำให้ผมได้รู้ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ทราบว่าบุคคลนั้นกระทำกรรมเช่นไร จะต้องรับผลกรรมเช่นไรในสภาพใด และได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงตรัสสอนไว้ในบาลีต่างๆ ที่ปรากฏ
สิ่งที่ผมได้รู้ได้เห็นนั้น มีมากมาย จากที่ผมไม่เคยรู้ว่าวิญญาณต่างๆ มีสภาพเช่นไร กรรมต่างๆ นั้นจักต้องเสวยกรรมเช่นไร ความสว่างที่ผมได้รับจากการปฏิบัติกรรมฐาน ผมสามารถนำไปเป็นความรู้ เพื่อการสอนแนะนำให้แก่ผู้ที่ยังไม่รู้ได้ว่า ผมศึกษาตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าและได้รับผลธรรมแห่งการปฏิบัติที่สามารถบรรลุถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า และได้รับผลธรรมแห่งการปฏิบัติที่สามารถบรรลุถึงคำสอนของพระพุทธองค์ในเรื่องการใช้กรรมของสัตว์มนุษย์ที่ต้องรับผลแห่งกรรมจากการกระทำของตนเอง ซึ่งเป็นการพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่าที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า

“กรรมใดนั้นมี สัตว์ใดได้กระทำบาปกรรมอย่างไร ตัวเขานั้น ย่อมได้รับผลแห่งบาปกรรมนั้นในนรกภูมิ บุคคลใดได้กระทำให้รู้ในอริยสัจมรรคผลที่ตถาคตได้กล่าว กรรมทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้นแก่เขาผู้นั้น กรรมทั้งหลายจะไม่หวนกลับสู่เขาผู้นั้น ขอเจริญธรรม”

วิญญาณต่างๆ ที่ต้องทุกข์ทรมานในอบายภูมิเพราะว่ากิเลสตัณหานำพาให้กระทำ คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม ได้ประกาศพระศาสนาแห่งพระองค์ไว้เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน เพื่อมุ่งหวังให้สัตว์ทั้งหลายได้กระทำตนให้รู้แจ้ง ในหนทางที่พระองค์ทรงค้นพบและชี้แนวได้ ผู้ใดได้ยึดถือปฏิบัติตามคำสอนนั้น ก็จะได้ในผลแห่งธรรมนั้นโดยชัดแจ้งด้วยตน

*หมายเหตุ (สำหรับผู้ที่สนใจคำสอนในเรื่องการปฏิบัติกรรมฐาน อีกทั้งศึกษาภพภูมิต่างๆ ในนรก สวรรค์ สามารถหาซื้อหนังสืออ่าน เพื่อปฏิบัติด้วยตนเองได้ที่อภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี หรือที่อภิธรรมมหาธาตุ วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ )
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อบอกกล่าวมนุษย์ชนทั้งหลาย ให้รู้ว่าบาปบุญคุณโทษนั้นมีจริง ผลแห่งการกระทำไว้มิรู้สูญหาย

บุคคลใดกระทำบาปกรรมเช่นไร เขาผู้นั้นจัดต้องรับผลแห่งกรรมนั้นด้วยผลกรรมอย่างไร นรกภูมินั้นมี สวรรค์ภูมินั้นมี จงแจ้งเถิดคำสอนขององค์พระสมณโคดมได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งแล้ว จงยึดถือนำมาปฏิบัติเป็นอาจิณด้วยวิริยะความเพียร ประดามี
ความรู้ต่างๆ ที่ได้เขียนขึ้นมานี้ ผมได้เขียนจากประสบการณ์ชีวิตจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผม โดยไม่มีการเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาแต่อย่างใด ขอท่านผู้อ่านจงมีวิจารณญาณในการอ่าน ขอให้มีสติสัมปชัญญะในการพิจารณาว่า บุคคลนี้ได้ปฏิบัติตามแนวคำสอนของพระสมณโคดมพุทธเจ้า ผลแห่งการปฏิบัติจักให้ผลตอบสนองอย่างไรขึ้นอยู่กับบุญบารมีแต่ละบุคคล

สิ่งใดที่ได้กล่าวอ้างไว้โดยละเอียดในภพภูมิแห่งการเกิดของวิญญาณ ได้มีการกล่าวอ้างคำบางคำที่ไม่แก่มนุษย์ปุถุชน แต่ผมมี ขอจงคิดไว้เถิดว่า บุคคลใดได้กระทำกรรมใด เขาผู้นั้นย่อมรับผลแห่งกรรมนั้นตามบุญบารมีแห่งการปฏิบัติ
สรรพสิ่งใดที่ได้กล่าว ขอกล่าวอ้างคุณครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนศิษย์ ให้รู้ว่ากรรมฐานนั้นมีอยู่ เป็นแนวทางที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ ขอผู้ที่ต้องการกระทำตนให้รู้แจ้งว่า ตัวตนนั้นมีสภาพเช่นไร เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิใด กระทำกรรมเช่นใด สรรพสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมอยู่ในความเปลี่ยนแปรของกรรมภาวะ จงตั้งสติคิดดำริกระทำตนให้รู้แต่บัดนี้ เพื่อยังผลให้เกิดความรู้แจ้งในการปฏิบัติ ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดโดยชัดแจ้ง ในผลนี้ผมขอกล่าวคุณครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนผมมาให้มีความรู้ทางธรรมะที่ผมระลึกอยู่มิรู้ลืมนั่นคือ อุบาสิกาพิมพา อุ้มปรีชา ผมขอทราบระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ ณ ตรงนี้ ขอความระลึกถึง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2010, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อหนังสืออะไรครับ? มีแค่นี้หรือครับ ลิงค์มีไหมครับ อยากอ่านแบบเต็มๆ :b8:
smiley


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร