ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
“ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39272 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 7 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๑ พระนางสิริมหามายาทรงบริจาคมหาทาน ในภาพ...แนวพระอัจฉริยธรรมที่พระนางสิริมหามายา ทรงปฏิบัติในวันอุโบสถศีล คือ ทรงรักษาศีล บริจาคมหาทาน แก่มหาชนเทวทหะนคร อันมีไพร่ฟ้าข้าราษฏร สมณชีพราหมณ์ โดยบุญญาธิการในทรัพย์นั้นมีอภินิหารและปาฏิหาริย์ เป็นบุญกิริยาที่ทรงประพฤติปฏิบัติอยู่เป็นเสมอ ************************************************** ![]() ![]() ![]() • รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ “วันโกน-วันพระ” • http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45496 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๒ พระนางสิริมหามายารับสร้อยพระศอ ของหมั้นจากพระสุทโธทนะ ในภาพ...พระนางสิริมหามายาทรงเจริญวัย ๑๖ พรรษา เสด็จประพาสอยู่ในสวนหลวง หมู่พราหมณ์ได้ค้นพบว่าทรงเป็นรัตนกัลยา จึงได้หมั้นหมายให้เป็นคู่อภิเษกสมรสกับพระสุทโธทนะ ด้วยสร้อยประดับพระศอ พระนางสิริมหามายาจึงทรงรับของหมั้น จากพราหมณ์ทิชาจารย์ ************************************************** |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๓ พระราชพิธีอภิเษกสมรส เจ้าชายสุทโธทนะกับเจ้าหญิงสิริมหามายา ในภาพ...แสดงพระราชพิธีอภิเษกสมรส เจ้าชายสุทธโทนะกับเจ้าหญิงสิริมหามายา ในมหามณฑป ท่่ามกลางหมู่พระประยูรญาติทั้ง ๒ ผ่าย มีท้าวมหาพรหมชั้นสุทธาวาส เป็นประธานในพระราชพิธีอภิเษกสมรส และพระอินทร์ พร้อมหมู่บริวาร เข้าร่วมพิธี โดยแสดงไว้ที่ฉากระยะหลังของภาพ ************************************************** |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๔ ปวงเทพยดาอัญเชิญพระโพธิสัตว์ จุติเพื่อโปรดสัตว์โลก ในภาพ...พระโพธิสัตว์สันตดุสิตประทับ ณ ทิพยอาสน์ ในอากัปกิริยาตรวจดูมหาวิโลกนะ ๕ ประการ เพื่อตรวจดูความเหมาะสม ตามคำทูลเชิญปวงเทพยดาที่เสด็จมาชุมนุม ณ ที่นั้น ************************************************** ![]() ![]() ![]() ปัญจมหาวิโลกนะ การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ ๕ ประการ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=38099 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๕ พระนางสิริมหามายาราชเทวี ทรงพระสุบินนิมิตเห็นพระยาช้างเผือก ในภาพ...แสดงพระสุบินนิมิตแห่งความฝัน ของพระนางสิริมหามายาราชเทวี ผู้ที่่พระโพธิสัตว์ทรงเลือกให้เป็นพระพุทธมารดา พระโพธิสัตว์ทรงแสดงให้่พระราชมารดา นิมิตเห็นพระยาช้างเผือกชูงวงจับดวกบัวขาว กระทำทักษิณาวัตร ๓ รอบ ก่อนเสด็จเข้าพระครรภ์ทางด้านขวา ************************************************** ![]() ![]() ![]() ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา (พระมหาสมศักดิ์ ญาณโพโธ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=31637 ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า (ภัทรวรรณ วันทนชัยสุข) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=31169 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๖ พระโพธิสัตว์ประทับอยู่ในพระครรภ์ ครบบริบูรณ์ ๑๐ เดือน ในภาพ...แสดงถึงพระบุญญาธิการพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา ระหว่างทรงครรภ์ทรงมองเห็นพระราชโอรส พระราชโอรสนั้นประทับอยู่ในพระครรภ์ดุจห้องพระเจดีย์ และมีเหล่าท้าวจตุมหาราชาทั้ง ๔ ถวายการอารักขาความปลอดภัยแก่พระโพธิสัตว์ และพระราชมารดาตลอดเวลา ทั้งกลางวันกลางคืน ระหว่างที่ทรงบริหารพระครรภ์อยู่ครบบริบูรณ์ ๑๐ เดือน ************************************************** |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๗ เจ้าชายสิทธัตถะ พระราชกุมารโพธิสัตว์ประสูติ แล้วเสด็จพระราชดำเนิน ๗ ก้าว มีดอกบัวทิพย์รองรับพระบาท ในภาพ...“พระนางสิริมหามายา” ยื่นพระหัตถ์โน้มกิ่งต้นสาละใหญ่ ประสูติพระโพธิสัตว์ ซึ่งเสด็จออกมาทางด้านขวาแห่งพระราชชนนี พระราชกุมารนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปได้ ๗ ก้าว ก็มีดอกบัวทิพย์รองรับพระบาท ทรงเปล่ง “อาสภิวาจา” พระวาจาอันองอาจเป็นเบื้องต้นว่า “เราเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา การเกิดในภพใหม่จักไม่มีอีก” ************************************************** ![]() ![]() ![]() โพธิญาณพฤกษา : ต้นสาละใหญ่ (ต้นมหาสาละ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=17&t=19537 พุทธสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล : สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๘ สหชาติทั้ง ๗ ที่บังเกิดขึ้นพร้อมกับ การประสูติของพระโพธิสัตว์ ในภาพ...แสดงถึงบุคคลที่เป็นบริวารแวดล้อมอยู่ในฐานะต่างๆ มีอุปการคุณต่อพระโพธิสัตว์ รวมถึง ม้ามงคล ไม้มหาโพธิ์ และพระราชทรัพย์ ที่เกิดขึ้นพร้อมพระโพธิสัตว์ ผู้ซึ่งจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย สัตตสหชาติของพระโพธิสัตว์ มีดังนี้ (๑) พระนางพิมพา หรือ พระนางยโสธรา เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งกรุงเทวทหะ เป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อมีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา และเป็นพระราชมารดาของพระราหุล สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา ภายหลังพระนางพิมพาออกบวช มีพระนามว่า พระภัททกัจจานา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=43649 http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6958 (๒) พระอานนท์ เป็นเจ้าชายในศากยวงศ์ พระราชโอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านออกบวชในพระพุทธศาสนา และได้รับเลือกเป็นพระอุปัฏฐากประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในหลายด้าน ท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ๓ เดือน เป็นกำลังสำคัญในคราวทำปฐมสังคายนา ท่านดำรงชีวิตสืบมาจนถึงอายุได้ ๑๒๐ ปี จึงนิพพานในอากาศเหนือแม่น้ำโรหิณี ซึ่งเป็นเส้นกั้นแดนระหว่างแคว้นของพระญาติสองฝ่าย คือ ศากยะ และโกลิยะ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6748 http://www.dhammajak.net/book/anon/index.php (๓) นายฉันนะ เป็นอำมาตย์คนสนิท และเป็นสารถีของเจ้าชายสิทธัตถะในวัง ครั้งเสด็จออกผนวชเมื่อมีพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา นายฉันนะตามเสด็จไปด้วยและนำเครื่องอาภรณ์ พร้อมทั้งคำกราบทูลของเจ้าชายสิทธัตถะกลับไปยังเมืองกบิลพัสดุ์ ภายหลังบวชเป็นภิกษุถือตัวว่าเป็นคนใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามาแต่เก่าก่อน ใครว่าไม่ฟัง กระทั่งเกิดความบ่อยๆ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ถูกสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ (ลงโทษห้ามใครยุ่งเกี่ยวห้ามพูดห้ามคุยด้วย) จนหายพยศ และได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=21738 http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=36235 (๔) อำมาตย์กาฬุทายี เป็นพระสหายสนิทของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พระเจ้าสุทโธนะส่งไปทูลเชิญพระศาสดาเพื่อเสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์ อำมาตย์กาฬุทายีไปเฝ้าพระศาสดาที่กรุงราชคฤห์ ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาบรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงได้อุปสมบทเป็นภิกษุ แล้วทูลเชิญพระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ ท่านได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในบรรดาผู้ทำตระกูลให้เลื่อมใส http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7592 (๕) ม้ากัณฐกะ เป็นม้าพระที่นั่งของเจ้าชายสิทธัตถะ ตัวม้ายาวจากคอถึงหาง ๑๘ ศอก ส่วนสูงก็เหมาะสมกับส่วนยาว มีสีขาวผ่องเหมือนเปลือกหอยสังข์ที่ขาวสะอาด สวยงาม ในราตรีที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จหนีออกจากพระราชวัง เพื่อเสด็จออกบรรพชานั้นก็ทรงม้านี้ การเดินทางครั้งนี้มีนายฉันนะเกาะหางม้ากัณฐกะไปด้วย ม้ากัณฐกะเดินทางถึงแม่น้ำอโนมาใช้เวลาเที่ยงคืนถึงเช้า ระยะทาง ๓๐ โยชน์ (๔๘๐ กิโลเมตร) ได้กระโดดครั้งเดียวก็ข้ามแม่น้ำอโนมาได้ เมื่อข้ามฝั่งแม่น้ำแล้วเจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงรับสั่งว่า “กัณฐกะ เจ้าจงกลับไปยังเมืองกบิลพัสดุ์เถิด” ม้ากัณฐกะไม่อยากกลับจึงได้แต่เหลียวมอง ครั้นพอเจ้าชายสิทธัตถะลับสายตาไป ม้ากัณฐกะก็ถึงแก่ความตายเนื่องจากเสียใจอย่างมาก แต่ด้วยความภักดีนี้ทำให้ไปเกิดอยู่ในดาวดึงส์เทวโลก มีชื่อว่า “กัณฐกเทวบุตร” (๖) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เจ้าชายสิทธัตถะขณะที่มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา ทรงบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญเดือน ๖ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายในป่าสาละใหญ่ ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ (ปัจจุบันคือ ตำบลพุทธคยา จังหวัดคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๑ ที่บังเกิดขึ้นพร้อมกับเจ้าชายสิทธัตถะ มีอายุราว ๓๕๒ ปี, ต้นที่ ๒ มีอายุราว ๘๗๑-๘๙๑ ปี, ต้นที่ ๓ มีอายุราว ๑,๒๕๘-๑,๒๗๘ ปี และต้นพระศรีมหาโพธิ์ปัจจุบันเป็นต้นที่ ๔ ปลูกราวปี พ.ศ. ๒๔๒๓ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39333 (๗) ขุมทรัพย์ทั้งสี่ ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ หรือ นิธิกุมภี คือขุมทอง ๔ ขุม ได้แก่ ขุมทองสังขนิธิ ขุมทองเอลนิธิ ขุมทองอุบลนิธิ และขุมทองปุณฑริกนิธิ ได้บังเกิดขึ้นที่มุมกำแพงพระนครทั้ง ๔ ด้านในวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ โดยลึกไปจดที่สุดของแผ่นดิน เกิดขึ้นเพื่อให้เจ้าชายสิทธัตถะเลือก ถ้าอยากเป็นกษัตริย์ครองเมืองก็จะได้ใช้ขุมทรัพย์นี้มาบริหาร แต่เมื่อเลือกผนวชขุมทรัพย์พวกนี้ก็หายไปเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ นั้นเป็นขุมทรัพย์ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับผู้มีบารมี เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีบุญญาธิการ สหชาติทั้ง ๗ มิใช่เกิดขึ้นโดยบังเกิด แต่เกิดมาเพื่อมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกโดยแท้ ************************************************** |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๙ อสิตดาบสทำนายพระลักษณะมหาบุรุษ พระโพธิสัตว์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ ปรากฏเหนือมวยผมของพระดาบส ในภาพ...พระโพธิสัตว์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ ให้อสิตดาบสทราบว่า พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์ โดยเสด็จไปประทับอยู่ยอดมวยผมของอสิตดาบส พระดาบสตกใจ พนมมือยอมรับฐานะ ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ได้ไหว้พระราชโอรสเป็นครั้งที่ ๑ ขณะนั้นพระราชมารดา พระนางสิริมหามายา ประทับอยู่ด้านซ้ายของพระราชา และพระน้านาง พระนางมหาปชาบดีโคตมี ประท้บอยู่ด้านขวาของพระราชา ************************************************** ![]() ![]() ![]() ประวัติ “พระเจ้าสุทโธทนะ” http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7009 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๑๐ พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายพระลักษณะว่า ถ้าทรงครองราชย์จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าทรงผนวชจะเป็นพระพุทธเจ้ามหาศาสดาของโลก ในภาพ...พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายมหาปุริสลักษณะ พราหมณ์คนที่อยู่ใกล้พระราชกุมารที่สุด ชื่อ โกณฑัญญะพราหมณ์ เป็นผู้ทำนายว่าจะทรงเสด็จออกผนวช และจะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่ ระหว่างนี้พระราชมารดา พระนางสิริมหามายา ยังดำรงพระชนม์อยู่ ************************************************** ![]() ![]() ![]() ประวัติ “พระอัญญาโกณฑัญญเถระ” http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6771 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๑๑ พระราชกุมารสิทธัตถะทรงเจริญฌาน ได้บรรลุถึงขั้นปฐมฌาน เมื่อพระชนมายุ ๗ พรรษา ในภาพ...พระราชกุมารสิทธัตถะขณะมีพระชนมายุ ๗ พรรษา ได้เสด็จฯ ไปพร้อมกับพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทรงประทับนั่งอยู่ใต้ร่มไม้หว้า ซึ่งบรรดาพี่เลี้ยงและบริวารได้จัดถวาย และเมื่อเห็นว่าภายใต้ร่มไม้หว้านี้ร่มรื่น ปลอดภัย บรรดาพี่เลี้ยงและบริวารก็เลี่ยงไปดูงานพระราชพิธีฯ ขณะที่พระราชกุมารประทับนั่งขัดสมาธิเจริญฌานอยู่เพียงลำพัง ทรงเกิดความวิเวกขึ้น ทรงกำหนดลมหายใจเข้า-ออกเป็นอารมณ์ ได้บรรลุถึงขั้นปฐมฌาน อันมีวิตก วิจาร ปีติ และสุขอันเกิดจากวิเวกนั้น เกิดฤทธิ์ทางใจอันเกิดจากการหลุดพ้นแห่งจิตที่เป็นฌาน ทรงแผ่กสิณไปกำหนดให้เกิดเงาของร่มหว้าดุจเงาตอนเที่ยงวัน แม้เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว แต่เงาไม้มิได้เคลื่อนตามกาล พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ทรงเห็นเป็นมหัศจรรย์ ถึงกับเกิดความเลื่อมใส จึงได้ไหว้พระราชโอรสเป็นครั้งที่ ๒ เพื่อบูชาคุณธรรมทางบุญฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ************************************************** ![]() ![]() ![]() หว้า ต้นไม้แห่งปฐมฌานของเจ้าชายสิทธัตถะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=17&t=19580 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๑๒ น้ำพระทัยเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อวัย ๑๒ พรรษา ทรงช่วยชีวิตพญาหงส์ ที่บาดเจ็บจากศรของเจ้าชายเทวทัต ในภาพ...แสดงถึงการวินิจฉัยข้อพิพาทเรื่องพญาหงส์ ระหว่าง “เจ้าชายสิทธัตถะ” ที่ประทับอยู่บนพระราชอาสน์ ทรงสวมภูษิตอาภรณ์สีน้ำเงินในพระอาการที่สงบสำรวม มีพญาหงส์ซึ่งได้รับบาดเจ็บวางตรงเฉพาะพระพักตร์ และ “เจ้าชายเทวทัต” ที่ทรงถือศรเป็นอาวุธประหารสัตว์นั้น ส่วนพราหมณ์ปุโรหิตนั่งอาสนะพิพากษาตัดสินว่า พญาหงส์เป็นสิทธิของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ให้ชีวิตรอด เรื่องการแย่งพญาหงส์ ระหว่างเจ้าชายสิทธัตถะกับเจ้าชายเทวทัต มีเรื่องราวดังต่อไปนี้ วันหนึ่งในฤดูร้อน พญาหงส์สีขาวสะอาดตัวหนึ่ง บินนำฝูงผ่านพระอุทยานของพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์ บ่ายหน้าไปทางทิศเหนือสู่ถิ่นพำนัก ณ ยอดเขาหิมาลัยโพ้น ความขาวของฝูงหงส์ ซึ่งทาบอยู่บนท้องฟ้าสีครามดูประหนึ่งทางช้างเผือก ยังความนิยมยินดีให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก แต่สำหรับพระเทวทัตกุมาร มิได้เป็นเช่นนั้น น้ำพระทัยของเจ้าชายองค์น้อยนี้ เป็นพาลเหี้ยมโหดมุ่งแต่จะทำลายเป็นที่ตั้ง พอทอดพระเนตรเห็นฝูงหงส์ เธอก็ทรงยกลูกศรขึ้นพาดสาย น้าวคันธนูจนเต็มแรงยิงออกไปทันที ลูกศรนั้นวิ่งขึ้นไปถูกพญาหงส์สีขาว ซึ่งกำลังบินร่อนร่าเริงใจอยู่บนอากาศ ถลาตกลงสู่เบื้องล่างทันที ขณะนั้น พระสิทธัตถกุมาร พระโอรสแห่งพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์ กำลังทรงสำราญอยู่ในพระอุทยานนั้นด้วย ทรงทอดพระเนตรเห็นพญาหงส์ร่วงตกลงมาในเขตพระอุทยาน พระองค์จึงละเสียจากการเล่นโดยสิ้นเชิง แล้วรีบเสด็จออกไปค้นหา ในที่สุดก็พบนกที่น่าสงสารนั้นกำลังดิ้นรนกระเสือกกระสน ด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น โดยที่ปีกข้างหนึ่งของมันมีลูกศรเสียบทะลุคาอยู่ เจ้าชายองค์น้อยบังเกิดความเวทนายิ่งนัก ทรงอุ้มหงส์นั้นขึ้นจากพื้น ประคองกอดแต่เบาๆ มิให้วิหคเคราะห์ร้ายตื่นตกใจ ทรงชักลูกศรที่เสียบอยู่บนปีกนั้นออกเสีย แล้วทรงนำใบไม้ที่มีรสเย็นมาปิดบาดแผลเพื่อให้โลหิตหยุดไหล เจ้าชายน้อยทรงรำพึงถึงความทุกข์ของพญาหงส์ อันมีกายปรากฏเป็นบาดแผลใหญ่แล้ว ก็ทรงทอดถอนพระหฤทัย พระกุมารนั้นแม้จะมีพระชนมายุเพียง ๑๒ พระชันษา ยังทรงพระเยาว์นัก ชอบที่จะแสวงสุขอย่างเด็กอื่นๆ แต่พระองค์กลับคิดใคร่ครวญถึงความเจ็บปวดของพญาหงส์ อันความทุกข์สำแดงอยู่ในเวลานั้น จึงทรงปลอบนกด้วยพระวาจาอ่อนหวาน และอุ้มกอดมันไว้กับทรวงอกให้อบอุ่น ทั้งลูบขนปลอบโยนให้คลายความหวาดกลัว เมื่อพระเทวทัตกุมาร ผู้เป็นพระญาติเรียงพี่เรียงน้องของพระสิทธัตถกุมาร เสด็จมาพบเข้าก็ทวงคืน ทรงพยายามจะแย่งนกนั้นไปเสียให้ได้ โดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของนกตัวนั้นเพราะเป็นผู้ยิงมันตกลงมาได้ พระสิทธัตถกุมารทรงปฏิเสธที่จะมอบนกให้โดยตรัสว่า “ถ้านกตายมันจึงจะเป็นของผู้ยิง แต่เมื่อมันยังมีชีวิตอยู่ ควรจะเป็นของผู้ที่ให้ความช่วยเหลือมัน เรามิเคยมีใจที่จะมอบนกตัวนี้ให้กับใครทั้งสิ้น ตราบใดที่มันยังคงบาดเจ็บอยู่” ต่างฝ่ายก็ไม่ยินยอมต่อกัน ในที่สุดเจ้าชายสิทธัตถะจึงเสนอขึ้นว่า “ข้อพิพาทนี้ควรจักต้องนำไปให้บรรดานักปราชญ์ของแผ่นดิน พิพากษาตัดสินชี้ขาดในที่ประชุม” เจ้าชายเทวทัตก็เห็นด้วย ณ ที่ประชุมนักปราชญ์แห่งนครกบิลพัสดุ์ ในวันนั้นได้ยกกรณีพิพาทเรื่องหงส์ตัวนี้ขึ้นมาพิจารณา มีการถกเถียงกันเป็นอย่างมาก ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า...เจ้าชายเทวทัตควรเป็นเจ้าของนก เพราะเป็นผู้ยิงมันตกลงมาได้ อีกฝ่ายหนึ่ง มีความเห็นว่า...นกควรเป็นของเจ้าชายสิทธัตถะ เพราะเป็นผู้พบมันก่อนและได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้ เมื่อมีผู้แสดงความคิดเห็นแตกแยกขัดแย้งกันดังนี้ การประชุมก็ไม่เป็นที่ยุติลงได้ จนในที่สุดมีพราหมณ์ปุโรหิตนักปราชญ์ท่านหนึ่ง ซึ่งไม่เคยมีใครรู้จักพบเห็นมาก่อน ได้ก้าวออกมาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังท่ามกลางที่ประชุมนั้นว่า “ในโลกนี้ชีวิตเป็นของล้ำค่ายิ่ง ไม่ว่าใครก็ต่างรักและหวงแหนชีวิตตน ผู้ที่ช่วยเหลือสัตว์ได้ชื่อว่า เป็นผู้ให้ชีวิต แต่ผู้ที่ทำลายชีวิตสัตว์ให้ดับล่วงไปได้ชื่อว่า เป็นผู้เข่นฆ่า ผู้ใดกรุณาต่อสัตว์ เป็นผู้ช่วยเหลือสัตว์ บุคคลนั้นจึงสมควรเป็นเจ้าของ ดังนั้น ขอให้นกตัวนี้จงเป็นของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ที่ช่วยชีวิตมันไว้เถิด” ทุกคนในที่ประชุมต่างเห็นด้วยกับ ถ้อยคำอันมีเหตุผลเที่ยงธรรมของพราหมณ์ปุโรหิตนักปราชญ์ผู้นั้น จึงตัดสินให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นผู้รับเอาหงส์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงพยายามช่วยชีวิตนั้นไป หลังจากนั้นพระกุมารน้อยทรงเอาพระทัยใส่ดูแลนกนั้นอย่างเอื้ออารีที่สุด จนกระทั่งบาดแผลของมันหายสนิท มีกำลังวังชาฟื้นคืนดีแล้ว พระองค์ก็ทรงปล่อยมันให้บินกลับไปอยู่รวมฝูงกับพวกพ้องของมัน ในสระกลางป่าลึกด้วยความผาสุกสืบไป พระสิทธัตถกุมารองค์น้อยนี้แหละ ในกาลต่อมาคือ พระบรมศาสดา ผู้ประกาศพุทธศาสนาด้วยหลักธรรมแห่งเมตตา ให้บรรดาเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ทั้งมนุษย์ เทพยดา และยักษ์มารอสูร ได้ประจักษ์แจ้งในสัทธรรมอันสูงสุด พระปรีชาญาณและดวงหทัยอันเปี่ยมไปด้วยพระมหาเมตตาคุณ ได้ฉายแสงปรากฏให้ชนทั้งหลายได้ชื่นชมตั้งแต่ครั้งกระนั้นเป็นต้นมา ************************************************** ![]() ![]() ![]() เจ้าชายสิทธัตถะ-เจ้าชายเทวทัต และพญาหงส์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=39873 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๑๓ เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสวยสุขในปราสาท ๓ ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว ปราสาทเหล่านั้นมีชื่อว่า รมยปราสาท สุรมยปราสาท และสุภปราสาท ตามลำดับ ในภาพ...แสดงถึงเจ้าชายสิทธัตถะพระโพธิสัตว์ เสวยสุขสมบัติในปราสาทหนึ่งในฤดูร้อน ทรงได้รับการบำเรอด้วยหมู่สตรีงามที่ทำหน้าที่ต่างๆ กัน เช่น ฟ้อนรำ ขับกล่อมด้วยการขับร้องและเล่นดุริยดนตรีอันประณีต พระโพธิสัตว์ประทับเอนพระวรกายอยู่บนพระแท่น ขณะเสวยกามสุขทางรูป รส กลิ่น เสียง และผัสสะ ที่พระราชบิดาประสงค์จักให้เป็นเจ้าชายทรงยึดติดอยู่ แต่ในสิ่งที่งดงาม ยินดี และน่าลุ่มหลง อันเป็นเหตุที่จะให้ครองฆราวาสเป็นพระบรมมหาจักรพรรดิราช ************************************************** |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๑๔ เจ้าชายสิทธัตถะทรงประลองการยิงธนูที่มีน้ำหนักมาก ชื่อว่า สหัสสถามธนู ซึ่งต้องใช้คน ๑,๐๐๐ คนจึงยกขึ้นได้ ในภาพ...พระโพธิสัตว์ทรงประลองศิลปศาสตร์การยิงธนู ทรงยืนแสดงการยิงธนูพุ่งจากแหล่งไปยังขนหางจามรีในเวลาพลบค่ำ เป็นอัจฉริยภาพความสามารถพิเศษที่มิได้มีในบุคคลทั้วไป ในการสำแดงศิลปศาสตร์การยิงธนูอย่างพิเศษประเสริฐยิ่งนี้ กระทำในท่ามกลางหมู่พราหมณ์คหบดี ทำให้เกิดความปลาบปลื้มยินดีว่า พระองค์ทรงเป็นมหาบุรุษผู้จะทรงเป็นพระมหาจักรพรรดิราชได้ ************************************************** |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 20 ส.ค. 2011, 12:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำบรรยายโดยสังเขป ๘๑ ภาพ |
![]() ************************************************** ภาพที่ ๑๕ เจ้าชายสิทธัตถะทรงเลือกพระนางพิมพาเป็นพระชายา ด้วยการพระราชทานสร้อยพระศอ ในภาพ...พระโพธิสัตว์ทรงเลือกคู่ ทรงเสด็จประทับบนบัลลังก์ มีหมู่สตรีที่่เดินผ่านพระพักตร์ และพระนางพิมพาที่ได้รับซองพระราชทานรางวัล เป็นสร้อยพระศอเป็นคนสุดท้าย ซึ่งต่อมาได้รับการอภิเษกเป็นพระอัครมเหสี ************************************************** ![]() ![]() ![]() ประวัติ “พระนางพิมพา (พระภัททากัจจานาเถรี)” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=43649 http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6958 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 7 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |