ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=29&t=22345 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 9 |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 17 พ.ค. 2009, 09:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
เคยเข้ามาหลายรอบแล้วค่ะ เฝ้าอ่านกระทู้ และการตอบกระทู้ของสมาชิกหลาย ๆ ท่าน ชอบค่ะ มีเนื้อหาสาระดี ๆ มาฝาก มีคำแนะนำดี ๆ และยังได้เห็นถึงมิตรภาพดี ๆ ที่โปรยปรายกันอยู่ในบอร์ด ทุกครั้งที่เฝ้าอ่าน บางทีก็อยากลงมาร่วมวงสนทนาด้วยค่ะ แต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก เพราะบางท่านดูจะมีความรู้มาก แต่เรามีความรู้น้อยค่ะ ก็กระดากที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ยังไงวันนี้ อดใจไม่ได้แล้วค่ะ ก็เลยสมัครเป็นสมาชิกแล้วค่ะ สมาชิกทุกคนเมตตาด้วยนะคะ |
เจ้าของ: | บัวศกล [ 17 พ.ค. 2009, 11:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
แค่ความจริงใจ ความเมตตาเอื้ออาทร ความเป็นมิตรไมตรี และความใสซื่อบริสุทธิ์ ขอมีเพียงสิ่งเหล่านี้ผสมกลมกลืนอยู่ในถ้อยคำทั้งหลาย ทุกถ้อยคำ ล้วนเป็นคำตอบ ที่น่าชื่นชมอนุโมทนา และชวนอบอุ่นชื่นใจ ไม่จำเป็นว่า จะต้องรู้มาก หรือรู้น้อย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 17 พ.ค. 2009, 14:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
อามิตตาพุทธ...ยินดี..ยินดี ![]() มีบุพเพแม้อยู่ไกลนับหมื่นลี้ได้พบพาน ไร้บุพเพ ใกล้แค่ตา ไม่ถามหา. ยินดีต้อนรับ และ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 17 พ.ค. 2009, 15:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | -nana- [ 17 พ.ค. 2009, 15:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
![]() ต้องรบกวนพี่ๆ ในบอร์ดเช่นเดียวกันนะคะ ![]() |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 18 พ.ค. 2009, 07:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
บัวศกล เขียน: แค่ความจริงใจ ความเมตตาเอื้ออาทร ความเป็นมิตรไมตรี และความใสซื่อบริสุทธิ์ ขอมีเพียงสิ่งเหล่านี้ผสมกลมกลืนอยู่ในถ้อยคำทั้งหลาย ทุกถ้อยคำ ล้วนเป็นคำตอบ ที่น่าชื่นชมอนุโมทนา และชวนอบอุ่นชื่นใจ ไม่จำเป็นว่า จะต้องรู้มาก หรือรู้น้อย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ไม่นึกเลยค่ะ จริง ๆ ตอนที่แอบเข้ามาอ่าน ชอบการตอบกระทู้ของคุณค่ะ รวมถึงท่านอื่น ๆ ไม่ว่าจะคุณ คนไร้สาระ, อมิตาพุทธ , คุณ dd อดที่จะอยากคุยด้วยไม่ได้ และก็ยิ่งนึกไม่ถึง...คนที่เราอยากคุยด้วยจะมาต้อนรับเรา เป็นรายแรก... เห็นแล้วแทบไม่อยากจะโผล่เข้ามาอีกเลยค่ะ (ล้อเล่นค่ะ) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | jintana63 [ 18 พ.ค. 2009, 09:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
สวัสดีค่ะ ยินดีรู้จักสมาชิกใหม่ค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | safywan [ 18 พ.ค. 2009, 13:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | ariyachon [ 18 พ.ค. 2009, 22:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
ธรรมะสวัสดีครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สายลม [ 19 พ.ค. 2009, 15:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ธรรมธิดา [ 23 พ.ค. 2009, 06:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกใหม่เหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 04 มิ.ย. 2009, 09:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
ยินดีต้อนรับสู่ลานธรรมจักรนะคะ ธรรมใดๆก็ไร้ค่า...ถ้าไม่ทำ ธรรมะสวัสดีค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 22 ก.พ. 2010, 10:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
ธรรม...ทำ...ในบ้าน.... ในวัดก็ส่วน... ในบ้านก็ส่วน... เมื่อมีบ้านงมงาย... ก็มีบ้านเอกอน... เมื่อเอกอนไปเที่ยวบ้านงมงาย... งมงายก็มาเที่ยวบ้านเอกอน... และที่บ้านเอกอน...เอกอนจะเชิญแขกรับเชิญกิติมศักดิ์... มาสอนการบ้าน...ที่บ้าน...ด้วย ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 22 ก.พ. 2010, 10:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
" " พูดว่า: พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทฺโท) ธรรมะนี้เปรียบเหมือนผลไม้ที่เราไปบ้านญาติบ้านเพื่อน แล้วเขาเอาผลไม้ฝากเรา เราหยิบผลไม้ไว้ในมือของเรา แต่เราก็ไม่รู้เปรี้ยว หวาน ฝาดอะไรต่างๆ คือจับผลไม้แล้วก็ยังไม่รู้รสผลไม้ จะรู้รสก็ต้องเอามาทาน ขบเคี้ยว จึงจะรู้ว่ามันเปรี้ยว มันหวาน มีรสชาติต่างๆ ตามสัญญาของเรา ธรรมะนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น ทุกอย่างท่านให้เอาตนเองเป็นพยาน ไม่ต้องเอาคนอื่น เรื่องของคนอื่นตัดสินยากลำบาก เพราะเป็นเรื่องของคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของเราแล้วมันง่ายที่สุด เพราะความจริงมันอยู่กับเรามีเราเป็นพยาน ธรรมะนี้เมื่อฟังแล้วก็ต้องเอามาภาวนา ให้เป็นปริยัติศาสนา ปฏิบัติศาสนา ปฏิเวธศาสนา ปริยัติคือการเรียนรู้ รู้แล้วเอามาปฏิบัติตาม ก็เกิดความรู้ขึ้นมาตามความเป็นจริง ถ้าฟังเฉยๆ ก็รู้ด้วยสัญญา เอาไปพูดก็ตามสัญญา ไม่ได้พูดความจริงให้ฟัง นี่เราจึงยังเข้าไม่ถึงธรรมะ ไม่สอดส่องธรรมะ ใจยังไม่เป็นธรรม แต่พูดเป็นธรรมได้ ทำเป็นธรรมได้ นี่เรียกว่ายังไม่สมบูรณ์แบบตามทางพุทธศาสนา |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 22 ก.พ. 2010, 10:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอแนะนำตัวด้วยคนค่ะ |
" " พูดว่า: ...อภัยทาน คืออย่างไร ? ...อภัยทาน ก็คือการยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ ...อภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ ...อันใจที่แจ่มใส กับใจที่มืดมัว ไม่อธิบายก็น่าจะทราบกันอยู่ทุกคนว่าใจแบบไหนที่ยังความสุขให้เกิดขึ้นแก่เจ้าของ ใจแบบไหนที่ยังความทุกข์ให้เกิดขึ้น และใจแบบไหนที่เป็นที่ต้องการ ใจแบบไหนที่ไม่เป็นที่ต้องการเลย ...ความจริงนั้น ทุกคนที่สนใจบริหารจิต จะต้องสนใจอบรมจิตให้รู้จักอภัยในความผิดทั้งปวง ไม่ว่าผู้ใดจะทำแก่ตน แม้การให้อภัยจะเป็นการทำได้ไม่ง่ายนัก สำหรับบางคนที่ไม่เคยอบรมมาก่อน แต่ก็สามารถจะทำได้ด้วยการอบรมไปทีละเล็กละน้อย เริ่มแต่ที่ไม่ต้องฝืนใจมากนักไปก่อนในระยะแรก ...ตัวอย่างเช่น เวลาขึ้นรถประจำทางที่มีผู้โดยสารคอยขึ้นรถอยู่เป็นจำนวนมาก หากจะมีผู้เบียดแย่งขึ้นหน้า ทั้งๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ถ้าเกิดโกรธขึ้นมาไม่ว่าน้อยหรือมาก ก็ให้ถือเป็นโอกาสอบรมจิตใจให้รู้จักอภัยให้เขาเสีย เพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรถือโกรธกันหนักหนา เป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกินควรจะอภัยให้กันได้ แต่บางที่ไม่ตั้งใจคิดเอาไว้ก็จะไม่ทันให้อภัยจะเป็นเพียงโกรธแล้วจะหายโกรธไปเอง ...โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น ...ผู้ดูแลเห็นความสำคัญของจิต จึงควรมีสติทำความเพียรอบรมจิตให้คุ้นเคยต่อการให้อภัยไว้เสมอ เมื่อเกิดโทสะขึ้นในผู้ใดเพราะการปฏิบัติล้วงล้ำก้ำเกินเพียงใดก็ตาม พยายามมีสติพิจารณาหาทางให้อภัยทานเกิดขึ้นในใจให้ได้ ก่อนที่ความโกรธจะดับไปเสียเองก่อน ...ทำได้เช่นนี้จะเป็นคุณแก่ตนเองมากมายนัก ไม่เพียงแต่จะทำให้มีโทสะลดน้อยลงเท่านั้น และเมื่อปล่อยให้ความโกรธดับไปเอง ก็มักหาดับไปหมดสิ้นไม่ เถ้าถ่านคือความผูกโกรธมักจะยังเหลืออยู่ และอาจกระพือความโกรธขึ้นอีกในจิตใจได้ในโอกาสต่อไป ...ผู้อบรมจิตให้คุ้นเคยอยู่เสมอกับการให้อภัย แม้จะไม่ได้รับการขอขมา ก็ย่อมอภัยให้ได้ ในทางตรงกันข้าม ผู้ไม่เคยอบรมจิตใจให้คุ้นเคยกับการให้อภัยเลย โกรธแล้วก็ให้หายเอง แม้ได้รับการขอขมาโทษ ก็อาจจะไม่อภัยให้ได้ เป็นเรื่องของการไม่ฝึกใจให้เคยชิน ...อันใจนั้นฝึกได้ ไม่ใช่ฝึกไม่ได้ ฝึกอย่างไดก็จะเป็นอย่างนั้น ฝึกให้ดีก็จะดี ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย... :: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก |
หน้า 1 จากทั้งหมด 9 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |