ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=40021
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  น้อมเศียรเกล้า [ 04 พ.ย. 2011, 15:44 ]
หัวข้อกระทู้:  แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?

คำถาม

เคยเห็นคู่รักหลายคู่ ส่งสายตาหวานซึ้งต่อกันเป็นประจำ เมื่อยังไม่ได้แต่งงาน
คล้ายๆกับแววตาเต้นได้น่ะค่ะ

แต่ทำไม ไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นอีกเลย ไม่ว่ากับคู่ไหนๆเมื่อแต่งงานแล้ว

นี่เรื่องจริง นะคะ ไม่เคยเห็นเลย..ไม่ว่าคู่ไหนๆ ถึงแม้ว่าเขาดูจะรักกันก็เถอะ
สรุปแววตาเป็นประกายนี่มันคืออะไรกันแน่

(โปรดอย่าถือสา คำถามSilly ของคนที่ยังไม่แต่งงานค่ะ :b12: )

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 04 พ.ย. 2011, 20:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?




แววตาซึ้งๆเป็นกายอาจหลบในชั่วคราวอ่ะครับ :b1: :b20:

เจ้าของ:  Hanako [ 04 พ.ย. 2011, 21:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?

คนที่ไม่เคยแม้แต่จะได้สบตาเป็นประกายนัยย์ตาเต้นระยับเลยไม่รู้จะแสดงความเห็นว่าอะไรเลยค่ะ :b9: :b9:






เจ้าของ:  bbby [ 05 พ.ย. 2011, 12:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?

คุณน้อมเศียรเกล้าเขียน

อ้างคำพูด:
ถาม

เคยเห็นคู่รักหลายคู่ ส่งสายตาหวานซึ้งต่อกันเป็นประจำ เมื่อยังไม่ได้แต่งงาน
คล้ายๆกับแววตาเต้นได้น่ะค่ะ

แต่ทำไม ไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นอีกเลย ไม่ว่ากับคู่ไหนๆเมื่อแต่งงานแล้ว

นี่เรื่องจริง นะคะ ไม่เคยเห็นเลย..ไม่ว่าคู่ไหนๆ ถึงแม้ว่าเขาดูจะรักกันก็เถอะ
สรุปแววตาเป็นประกายนี่มันคืออะไรกันแน่ คำ




ไม่ใช่เป็นแววตาเป็นประกายหรือตาเต้นได้หรอกค่ะ
เป็นเพราะว่าตอนเจอกันใหม่ จะรู้สึกอายจะรู้สึกเขินค่ะ ตาก็เลยเป็นอย่างนั้น
พอหลังจากแต่งงานกันแล้ว ความอายความเขินมันหายไปตาก็เลยปกติ

บางคู่เปลี่ยนจากสายตาี่ที่เขิน-อาย เปลี่ยนเป็นทำหน้ายักษ์ใส่กันก็มีค่ะ
ไม่รู้จะพูดต่อว่ายังไงดี
รออ่านความเห็น ของคุณทักทายคงจะได้ความรู้เรื่องสายตาอีกเยอะค่ะ :b32: :b32: :b41: :b55: :b47:

เจ้าของ:  ทักทาย [ 06 พ.ย. 2011, 19:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?

แปลได้หลายความหมายนะ
สำหรับฝ่ายชายอาจจะหมายถึง รัก ใคร่ มากจนแทบจะกลืนกิน
หรือ ใคร่ มากจนอยากจะกิน จึงส่งสายตาระยับออกมาอย่างไม่สามารถจะปิดได้

ส่วนฝ่ายหญิง ก็อย่างที่คุณเต้บอก คือส่วนมากจะเขินอาย อยากบอกให้เขารู้ว่ารักมาก
ไม่กล้าบอก จึงส่งความหมายออกมาทางสายตา

เป็นความเห็นส่วนตัว ที่นึกได้แค่นี้แหละค่ะ นอกนั้นลืมไปหมดแล้ว :b13:

เจ้าของ:  น้อมเศียรเกล้า [ 07 พ.ย. 2011, 11:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?

ขอบคุณมากค่ะ

น่าจะเป็นจริงอย่างที่ 2 ท่านข้างบนบอก

เคยมีคนมองน้อมด้วยตาเป็นประกายอย่างนั้นด้วยนะคะ
(แค่นั้นแหละค่ะ ไม่ได้สานสัมพันธ์ใดๆต่อ)

มันรู้สึกดีนะที่มีคนมองเราแบบเอื้ออาทรแบบนั้น คือเขาไม่ได้แสดงออกแบบว่าอยากจะกินนะ 555 แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาเอ็นดูมากกว่า..เอ็นดูแบบไหนก็ไม่ทราบ แต่ดวงตาเป็นประกายยิบยับเหมือนดวงดาวเลย แล้วสำหรับน้อมหายากด้วย ที่จะเจอคนตายิบยับเช่นนั้น 555


ปรกติแล้ว น้อมมักจะจำคนที่รัก/ชอบน้อม มากกว่าคนที่น้อมรู้สึกชอบนะค่ะ
เมื่อเด็กๆเราอาจมีคนที่เราปลิ้ม แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เรามักจำคนที่ปลื้มเราได้มากกว่า และเขาอยู่ในความทรงจำนานเรานานกว่าคนที่เราเคยปลื้ม ไม่รู้ทำไม..มันเป็นไปเองนะคะ ไม่ได้คิดวาบหวามอะไรกับเขา แต่เรากลับจำเขาได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจ บางทีก็ทำเชิดบ้างไรบ้าง


ตรงกันข้าม น้อมสงสัยว่า เขาที่เคยชอบเรา อาจจะจำเราไม่ได้หรอก

ท่านอื่นๆล่ะค่ะ จำใครได้แม่นกว่า ?

:b41: มันน่าปลื้มนะว่า อกหัก แต่กลับอยู่ในความทรงจำของคนที่เคยปลิ้ม :b50:

เจ้าของ:  sawan55 [ 07 พ.ย. 2011, 13:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?

ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ อาจเป็นเพราะว่าตอนแรกรักกันทำอะไรก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู
ตอนเจอกันก็ให้ความรู้สึกว่าการรอคอยนั้นมีค่า วันนี้จะไปไหนกันแต่งตัวน่ารักไหม
แววตาก็เลยอาจจะสื่อความหมายออกมาประมาณนั้น แต่พอแต่งงานแล้วจะตื่นเต้น
ไปทำไมละคะ อะไรๆก็เห็นหมดแล้วความรู้สึกผูกพันความรักก็จะสื่อออกมาทางสาย
ตาแทนแววตาเป็นประกาย อะไรทำนองนั้น แต่จะไปเป็นประกายกับคนอื่นหรือเปล่า
ไม่รู้นะ 5555 (ตอนนี้ไม่มีใครมาทำตาเป็นประกายใส่อ่ะค่ะ ถ้ามีแล้วจะมาบอกอีกที)
อิอิอิ Kiss

เจ้าของ:  boonyakan81 [ 26 ธ.ค. 2011, 00:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แววตาเป็นประกาย หายไปไหนเมื่อแต่งงานแล้ว ?

1.เมื่อมีความรัก รักย่อมอยู่ในดวงตา ก่อนแต่งนั่นคือความหวังว่าเราจะเจอสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต ความรักคือเป็นความหวังของเราเอง
2.ต่อมาเมื่อพบกลับสิ่งที่ไม่ใช่ ไม่ตรงกับความหวังในใจ สายตาเริ่มเปลี่ยนความหยาดเยิ้มหายไป เวลาพูดจาไม่กล้ามองตา ใช้เปลือกตาแก้ไขแววตา เกิดการมองลงพื้น เปลือกตาหุบต่ำลง เวลาเจรจา
3.เวลาผ่านไปจิตใจเกิดความชินชากับสิ่งที่ไม่ได้ดังใจหวัง เปลือกตาไม่ยอมหุบต่ำลง ดวงตาเกิดการถลึงตาเวลาคุย
4.เมื่อความชินชาที่ไม่ได้ในสิ่งหวัง เกิดอาการสุดขีด หัวใจไม่ยอมรับก็ทิ้งกันไปแบบเลือดเย็น
5.อาการนี้จะไม่เกิดถ้าคู่รักสองคนนั้นพยายามพูดจา สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ
6.ดวงตามีไว้เป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่ปากเจรจาก็เป็นอวัยวะที่คอยช่วยเหลือดวงตา ทั้งปากเจรจา และดวงตา ต่างต้องใช้จิตใจบังคับให้เป็นไปทั้งสองสิ่ง เรียกว่า "มโนกรรม"
7.นั่นคือคำบอกกล่าวเรื่อง วจีกรรม กายากรรม มโนกรรม

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/