วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 15:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2011, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


แอบมาอ่านด้วยคน เฮ้อ


:b20:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2011, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
ได้วิธีใหม่แล้ว จะรับไปปฏิบัติ จันทร์นี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณกรัชกาย



จขกท. หายไปเลย เป็นไงบ้างครับ ผ่านช่วงนี้ไปได้หรือยัง (มั้ย) :b10: :b14:

อยากรู้ก่อนที่กรัชกายจะถูก ban :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2011, 21:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 08:56
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโทษทีค่ะ ตอบช้าไปหน่อย ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นค่ะ อาจจะเพราะว่าเริ่มชิน ปลง แต่เวลาที่รู้สึกไม่ดี ก็จะหนักเลยค่ะ แต่ก็พยายามนึกถึงที่คุณกรัชกายสอนค่ะ (แต่ว่าทำไมจะถูกแบนละค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2011, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
แต่เวลาที่รู้สึกไม่ดี ก็จะหนักเลยค่ะ แต่ก็พยายามนึกถึงที่คุณกรัชกายสอนค่ะ


พยายามนึกถึงที่คุณกรัชกายสอนค่ะ

วิธีปฏิบัติยังงี้ครับ

ขณะนั้นรู้สึกยังไง คือรู้สึกไม่ดียังไงก็ช่าง ว่าคือท่องในใจตามที่รู้สึกนั่นทันที เดี๋ยวนั้นเลย สมมุติว่า นึกโกรธ (นะครับ) ปุ๊บท่องในใจปั๊บ "โกรธหนอๆๆๆๆ" 4-5 ครั้ง ปล่อย (พอ) แล้วดึงความรู้สึกมาอยู่กับงานที่กำลังทำอยู่ สมมุติ กำลังทำงานคือเขียนหนังสือเป็นต้นอยู่ ก็ใช้งานเขียนนั้นเป็นอารมณ์ระลึกรู้ไป (จิตยึดเกาะงานเฉพาะหน้านั้น)...เมื่อรู้สึกนึกคิดแวบคิดเรื่องนี้เรื่องนั้นเรื่องเดิมๆเป็นต้นอีก ก็กำหนดรู้ทำนองเดียวนั้นอีกครับ :b1:

เพียรพยายามปฏิบัติทำนองนั้นเรื่อยไปคือตามดูรู้ทันกายใจไป โดยไม่ต้องคิดแยกแยะว่า เป็นสมถะไหมเป็นวิปัสสนาหรือไม่ ไม่ต้องครับ ฟุ้งซ่านเปล่าๆ

ศัพท์ว่า สมถะ องค์ธรรมได้แก่ สมาธิ

วิปัสสนา องค์ธรรม ได้แก่ ปัญญา (สิกขา 3 ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ศีล สมถะ วิปัสสนา)

การฝึกอบรมจิต ท่านมิใช่ให้คิดแยกแยะรายละเอียดเป็นนั่นเป็นนี่ แต่ที่ท่านแยกแยะชื่อบัญญัติทางธรรมเพื่อต้องการให้ศึกษาธรรมชาติของมันแต่ละตัวๆ (เหมือนแยกชิ้นส่วนรถอธิบายหน้าที่ของมัน) แต่เวลาทำงานมันทำร่วมกันครับ

แต่ถ้าจะพูดถึงคำว่าสมถะหรือสมาธิตรงๆโดดๆ จะใช้กสิณส่วนมาก (รายละเอียดเรื่องนี้มีอีกครับแต่ไม่ใช่โอกาสที่จะกล่าว)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2011, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


A young girl เขียน:
แต่ว่าทำไมจะถูกแบนละค่ะ


ตัวอย่างการฝึกฝนอบรมจิตที่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=3.0

ตัวอย่างสภาวธรรรม (สิ่ง...เป็นของมันเอง) ที่เขาเหล่านั้นประสบนั่นคือการเริ่มต้นฝึกอบรมตน การฝึกฝนอบรมตนที่ได้ผล จะต้องเริ่มที่ประสบการณ์ที่ในตนเอง จากสภาวะที่เกิดอยู่ตรงหน้าตัวเอง เพราะนั่นคือสิ่งที่เกิดจากจิตใจตนเองโดยตรง ไม่ผ่านจากใครๆ

แก้ปัญหา (อารมณ์) นั่นๆได้ไหมล่ะ แก้ได้ก็พ้นทุกข์ได้ทีล่ะเปลาะๆ ลึก ละเอียด ประณีติขึ้นเรื่อยๆ

ปัญหาชีวิต ท่านว่าต้องแก้ให้ถึงต้นเหตุต้นตอของปัญหาคือที่ทุกขสภาวะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2011, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(เสริม ^ อีกนิดหนึ่งจากพุทธธรรมหน้า 223 พินาดู)

ปัญหาของมนุษย์ มีต่างๆมากมาย เมื่อกล่าวให้สั้น ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับดี-ชั่ว หรือ ดี-ร้าย และสุข-ทุกข์
ถ้าพูดอย่างรวบรัดลงไปอีก ก็รวมลงในดำเดียว คือ ทุกข์

แม้ที่พูดว่า มีชีวิตอยู่เพื่อหาความสุข ก็เป็นการบ่งถึงทุกข์อยู่ในตัว และทุกข์นั้นยังอาจส่งผลเกี่ยวข้องถึงความดีความชั่ว และสุขทุกข์ต่อไปอีกหลายชั้นด้วย

เริ่มแรก การหาความสุข ก็แสดงอยู่ในตัวถึงความขาดแคลนบกพร่อง ความบีบคั้นกระวนกระวาย หรือภาวะไร้ความสุขอยู่ภายใน เรียกสั้นๆว่า ทุกข์

จากนั้นจึงผลักดันให้ต้องออกแสวงหาสิ่งที่จะเอามาเติมให้เต็มหายขาดแคลนบกพร่อง หรือ เอามาระงับดับคลายความบีบคั้นกระวนกระวายนั้น
และในการแสวงหาเช่นนี้ ก็ปรากฏความขัดแย้งเบียดเบียนกันขึ้น เกิดปัญหาเกี่ยวกับความดีความชั่ว และความสุขความทุกข์ในระหว่างมนุษย์พอกพูนขยายวงกว้างขวางออกไป

มองอีกด้านหนึ่ง ปัญหาเกิดจากมนุษย์มีทุกข์อยู่แล้ว แต่แก้ไขทุกข์ไม่ถูกต้อง จึงระบายทุกข์นั้นออกไป ทำให้ทุกข์กระจาย เพิ่มขยายปัญหาทั้งแก่ตนและผู้อื่น

ด้วยความเป็นเช่นนี้ ทุกข์ที่เป็นสภาวะติดเนื่องมากับความเป็นสังขารของชีวิต หรือทุกข์ตามธรรมดาของธรรมชาติแทนที่จะถูกแก้ไข กลับถูกละเลยมองข้ามหรือปิดกลบไว้เสีย แล้วสุขทุกข์และปัญหาต่างๆชนิดที่เกิดจากฝีมือเสกสรรผันพิสดารของมนุษย์ก็เกิดประดังพรั่งพรูวิจิตรนานัปการ จนแทบจะบดบังให้มนุษย์ลืมปัญหาพื้นฐานของชีวิตเสียทีเดียว

บางคราวมนุษย์เองยังคิดหลงไปด้วยซ้ำว่า หากลืมมองปัญหาพื้นฐานของชีวิตนั้นเสียได้ ก็จะสามารถหลุดพ้นไปจากความทุกข์ และชีวิตก็จะมีความสุข

แต่ความจริงยังคงยืนยันอยู่ว่า ตราบใดมนุษย์ยังไม่สามารถยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ไดกับทุกข์ถึงขั้นสภาวะ ตราบนั้นมนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ
ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควาญของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริงซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในในตัว และจบบริบูรณ์ที่ความพึงพอใจ
ซ้ำร้าย ทุกข์พื้นฐานที่หลบเลี่ยงและยังไม่ได้แก้นั้น กลับจะกลายเป็นเงื่อนปมซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง คอยส่งอิทธิพลออกมาบีบคั้นรุนเร้าให้การแสวงหาและเสวยสุขต่างๆ เป็นไปอย่างเร่าร้อนกระวนกระวาย ไม่รู้จักอิ่ม และไม่มีความแน่ใจจริง พร้อมทั้งส่งผลในทางจริยธรรมเกี่ยวกับดี ความชั่วให้รุนแรงยิ่งขึ้นด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2011, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดอีกนัยหนึ่งว่า สร้างความกดดันให้ทุกข์แฝงขยายตัวเพิ่มขีดระดับสูงตามขึ้นไป การดำเนินชีวิตก็คือ ความพยายามที่จะแก้ปัญหาของชีวิต หรือการหาทางปลดเปลื้องไถ่ถอนทุกข์

แต่ถ้าไม่รู้วิธีแก้ไขหรือวิธีปลดเปลื้องไถ่ถอนที่ถูกต้อง การแก้ปัญหา ก็กลายเป็นเพิ่มปัญหา การปลดเปลื้องไถ่ถอนทุกข์ ก็กลายเป็นการสะสมทุกข์ ยิ่งพยายามดำเนินไป ปัญหาหรือทุกข์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น กลายเป็นวงจร และเป็นวงจรที่ยิ่งหนา ยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้น ซับซ้อนขึ้นทุกที เรียกโดยภาพพจน์ว่าเป็นวังวนแห่งปัญหา และการเวียนว่ายอยู่ในทุกข์
สภาพเช่นนี้ คือความเป็นไปแห่งกระบวนธรรมแบบสังสารวัฏฏ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2011, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่มีเพลงประกอบ....สงสัยจะตัวปลอม :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร