ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
รักแฟนคนอื่น http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=35925 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | annystella [ 21 ธ.ค. 2010, 01:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | รักแฟนคนอื่น |
ดิฉันได้รู้จักเพื่อนผู้ชายคนนึงในช่วงเรียนคอร์สพิเศษ เค้าอยู่กลุ่มเดียวกันกับดิฉัน เค้ามีแฟนที่คบกันมา 8 ปีแล้ว เค้าเป็นคนเจ้าชู้ซึ่งเพื่อนๆ รอบตัวดิฉันก็กล่าวถึงเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนี้ ตอนแรกดิฉันก็ไม่ใส่ใจ เพราะถึงดิฉันจะโสด แต่ก็ตั้งปฏิญาณว่าจะไม่ยุ่งกับแฟนคนอื่น ด้วยที่ต้องทำงานกลุ่มเดียวกัน เรียนด้วยกัน ความที่ต้องมีเรื่องที่ต้องคอยยุ่งเกี่ยว มีเหตุให้เจอกัน อยู่ด้วยกันมากขึ้น และท่าทางของเค้า การแสดงออกและคำพูดทุกอย่างบอกว่าเค้าชอบดิฉัน ซึ่งดิฉันก็ปฏิเสธ และว่ากล่าวอย่างรุนแรง เค้าก็จะหายไปซักพักและกลับมาใหม่ ซึ่งก็เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่แปลกตรงที่ไม่ว่าเวลาดิฉันมีปัญหา เค้ามักจะโผล่มา ณ ช่วงเวลานั้น และช่วยดิฉันแก้สถานการณ์ทุกครั้ง จนดิฉันยอมรับว่าใจอ่อนเหมือนกัน และไม่รู้ว่าเกิดอะไรที่ใจก็เปิดให้เค้าเข้ามาในใจ ซึ่งทั้งทั้งที่รู้ว่าเค้าก็ยังไม่เลิกกับแฟน จนหลังๆ เค้าก็ยอมรับกับดิฉันว่าเค้ารักดิฉัน ก็รู้ว่าผิด ซึ่งฉันก็ยอมรับว่าว่าดิฉันก็รักเค้าไปแล้วไม่รู้ตัว ซึ่งเค้าเองก็บอกว่าเค้าก็ไม่รู้จะจัดการปัญหาเรื่องแฟนเค้ายังไง ซึ่งดิฉันก็ไม่อยากให้เค้าเลิกกับแฟนเค้า แต่พอเห็นเค้ามาด้วยกันที่ไร ดิฉันก็เสียใจทุกครั้ง และทำให้ดิฉันเลิกยุ่งกับเค้าไป ก็อย่างที่บอกว่าเค้ามักโผล่มาในช่วงเวลาที่ดิฉันมีปัญหาทุกครั้ง ทำให้ดิฉันกับเค้ากลับไปในรูปแบบเดิมอีก ซึ่งเป็นแบบนี้มาเกือบปีแล้วค่ะ ดิฉันรู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี ทุกอย่างเลยค่ะ รู้ด้วยว่าอย่างไรเค้าก็ไม่เลิกกับแฟนเค้า แต่ยอมรับว่ารักไปแล้ว ก็พยายามหักใจอยู่หลายครั้งก็ทำไม่ได้ จนล่าสุด ช่วงที่ดิฉันไม่สบาย แต่เค้ากลับไม่สนใจอะไรดิฉันเลย ซึ่งดิฉันยอมรับเรื่องการไม่เอาใจใส่แบบนี้ไม่ได้ และช่วงป่วย ดิฉันฝันเห็นเค้ากับแฟนเค้าตลอด 3 คืน ดิฉันยอมรับว่าเป็นฝันร้าย เพราะฉันเสียใจทุกครั้งที่เห็นเค้าอยู่ด้วยกัน ดิฉันตื่นมาไม่มีความสุขเลย เสียใจทุกวัน ดิฉันเลยหยุดการติดต่อจากเค้า โดยให้เหตุผลว่าดิฉันต้องการเวลาคิดบางอย่าง ซึ่งเค้าก็เงียบไป แต่ไม่กี่วันก็กลับมาถามไถ่ พยายามพูดคุยกับดิฉันด้วยการส่งข้อความ แต่ว่าดิฉันก็เงียบไม่ตอบอะไร เพราะดิฉันไม่ไหวแล้วค่ะ ดิฉันกลัว ไม่อยากฝันร้ายแบบนั้นอีกแล้ว ฟังดูก้เหมือนดิฉันคิดได้นะคะ แต่ว่าทุกวันนี้ ดิฉันเสียใจทุกวันเลยค่ะ ยอมรับว่าดิฉันก็คิดถึง ทำไมดิฉันต้องไปรักคนที่มีเจ้าของแล้วด้วย แล้วก็เป็นดิฉันเองที่ต้องเสียใจ เพราะร้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่ได้ถูกเลือก เป็นเพราะกรรมอะไรคะ ทำอย่างไรให้พ้นจากความทุกข์ที่ดิฉันเสียใจทุกวันอยู่ ณ ขณะนี้คะ อยากทราบว่ามีการแก้กรรม หรือวิธีอะไรที่จะผ่านจุดตรงนี้ไปได้บ้างคะ ทำไมผู้ชายคนนั้นที่เค้าเจ้าชู้กลับไม่ได้รับผลกรรมอะไรเลย หรือว่าเค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของดิฉันคะ สวดมนต์แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เค้าจะได้มั๊ย จะช่วยได้บ้างหรือไม่คะ ที่ผ่านมาดิฉันคงทำผิดศีลข้อ 3 ที่ชอบแฟนของคนอื่น พอจะมีวิธีการให้ผลกรรมบรรเทาลงได้มั๊ยคะ |
เจ้าของ: | ดั่งกัน [ 21 ธ.ค. 2010, 10:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
พยายามตัดใจนะค่ะ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ คุณเองที่จะอยู่กับความทุกข์ ให้จิตใจอยู่กับธรรมะ นะค่ะ คุณคิดถูกแล้วค่ะที่เข้ามาที่ลานฯ แห่งนี้ เพราะจะได้รับรู้ถึงประสบการณ์ของแต่ละคน ซึ่งหลายๆคน สาหัสกว่าเราหลายเท่านักค่ะ กว่าที่จะผ่านไปได้ทุกคนเจ็บปวดทั้งนั้นค่ะ และได้รับคำแนะนำดีๆ จากพี่ๆ ในลานแห่งนี้ เพื่อนำไปปรับใช้กับชีวิตเราค่ะ ขอให้คุณมีความสุขและพบแสงแสว่างแห่งชีวิตในเร็ววันค่ะ บุญรักษาค่ะ |
เจ้าของ: | นายฏีกาน้อย [ 21 ธ.ค. 2010, 10:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
บุญนะ บุญที่เคยสร้าง เคยช่วยเหลือซึ่งกันและกันมา เคยหยิบยื่นความสุขก็จะได้รับความสุข บาปนะ บาปที่เคยสร้าง เคยเบียดเบียนซึ่งกันและกันมา เคยหยิบยื่นความทุกข์ก็จะได้รับความทุกข์ ผสมคลุกเคล้ากันไป พระท่านว่าคุณของกาม กามคุณมีคุณน้อยคือ สัมผัสอบอุ่นลึกซึ้งตรึงใจ มันให้ความสุข ได้สั้น ๆ ชั่วครั้งชั่วคราว แต่โทษของกามคุณมันมากมันหนาวเหน็บยาวนาน เช่นไม่ยินดีเห็นใครมีความสุขกับเขา อิจฉาริษยาก่อตัว ขึ้นในจิตใจ เป็นอกุศลโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กิเลสมันก็หลอกให้งอแง ให้อ่อนแอทำตัวน่ารำคาญ (เกินพอดี) สาเหตุเพราะไม่รู้ไม่เท่าทันใจตัวเอง กว่าจะรู้ตัวก็รักไปแล้ว กว่าจะรู้ตัวว่าได้สูญเสียความสงบและความสุขไป ก็สายไปเสียแล้ว แต่อย่ากังวลมันเป็นเรื่องของเหตุและปัจจัยนะโยม แต่จำเอาไว้ว่าเขา มีเจ้าของและเขาไม่ใช่ ของ ๆ เรา จะเอาอะไรกับมนุษย์ที่รักสุขเกลียดทุกข์เหมือน ๆ กันกับเรา จะเอาอะไรกับธุลีดินที่ยัง สดใสสะอาด ไม่เน่าเหม็น แต่ไม่ช้าไม่นานเลย พรุ่งนี้ความแก่ ความเจ็บ ความตายก็จะมาถึง หรืออาจเร็วกว่าพรุ่งนี้ เขาจะตามแก้ปัญหานี้ให้เราได้ไหม ลำพังตัวเขาเองก็แบกทุกข์อยู่แล้ว เขารับผิดชอบใครเขาก็แบ่งรับทั้งสุขทั้งทุกข์ นั้น ๆ ไว้ในชีวิต เขาก็แก้ปัญหาที่ยากยิ่ง คือความพ้นทุกข์นี้ไปไม่ได้ แล้วความเหงา เอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นแล้วทุกข์ ที่ทุกข์อย่างนี้ใครละเป็นคนก่อ ใครละเป็นคนสร้างถ้าไม่ใช่เราเอง ชีวิตนี้จะรอให้คนที่มีความปรารถนาหวังความสุขแต่กับพบเจอทุกข์เหมือน ๆ กันกับเราอย่างนี้หรือ มาช่วยบรรเทา ความปรารถนาต่าง ๆ ความต้องการต่าง ๆ ของเรา ไม่ผิดที่มนุษย์ต้องรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกันนะโยม ก็เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา รักกันฉันมิตรก็ไม่เปลืองตัวเปลืองใจ รักกันฉันพี่ฉันน้องก็ปลอดภัย รักกันฉันต้องเป็นของเธอ และเธอต้องเป็นของ ๆ ฉัน มีแต่ทุกข์ลูกเดียวจริง ๆ แหม...ไม่อยากซ้ำเติมมาถามเรื่องของกรรม พระท่านว่ากรรมคือเจตนา เอางี้ มาดูสาเหตุที่เป็นปัจจัยภายในคือเจตนาคือกรรมของเรา กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ประกอบเหตุชนิดไหน ถ้าประกอบสุจริตเหตุ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรมก็ให้ผลเป็น กุศลวิบาก ได้รับความสุขระยะยาวกว่า ถาวรกว่า (เพราะเข้าใจผิดอย่างโลก ๆ ว่าสัมผัสคำพูดการกระทำของคนอื่นที่ปรุงแต่งให้ตามความต้องการความปรารถนาของเราคือความสุข นี้เบียดเบียนตัวเองและคนอื่นเอง ไม่ฉลาดเอง) ถ้าประกอบทุจริตเหตุ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรมก็ให้ผลเป็น อกุศลวิบาก ได้รับความทุกข์ระยะยาวมาก ถึงมากที่สุด และถาวรด้วย(เพราะเข้าใจผิดอีกว่า การได้ตามความปรารถนาตามความพอใจใน กามคุณ คือได้เห็นได้ยินได้รู้สึกนึกคิดตามปรารถนาตามความพอใจของตนที่ มีบุคคลอื่นสิ่งอื่นมอบให้คือความสุขก็ กำหนัด ยินดี เพลิดเพลิน หลงใหล ติดใจ ไม่รู้จักอิ่มจักพอ มีความปรารถนาต้องการยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก) เมื่อแยกดู เหตุหรือเจตนาที่ประกอบขึ้นในจิตใจเราเอง มโนกรรมเราไปในทางสุจริตหรือทุจริต เขามีเจ้าของเป็นของคนอื่น เรามีมโนกรรมชนิดใดเหตุใด เมื่อคุณโยมประกอบเองแล้ว สุขและทุกข์ก็เป็นอันหวังได้ พระท่านจึงว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมคือเจตนานั่นเองเมื่อมโนกรรมมีสุจริต คำพูดที่แสดงออกไป การกระทำที่ทำลงไปก็จะเป็นไปตามมโนกรรมของบุคคลนั้น เช่นเดียวกันทุจริตก็ให้ผล แสดงออกทางคำพูดและการกระทำออกไปอย่างนั้น ใจคิดอย่างไร ก็พูดและทำไปอย่างนั้น ก็ต้องได้รับผลของเหตุนั้น ๆ อย่างนั้น จะระงับดับเหตุเรามีแต่ ต้องหันมาสนใจใส่ใจตัวเอง สุขก็อยู่ที่ใจทุกข์ก็อยู่ที่ใจ คือพยายามประกอบ สุจริต ๓ ด้วยกาย วาจา ใจ มีศีล ๕ ฉลาดก็ระงับดับที่เหตุ คือเจตนา คือกรรมหรือการกระทำของเรา เราควบคุมได้ทำได้ อาศัยความอดทน พยายาม ไม่เพิ่มทุกข์ ไม่เบียดเบียนตนเองอีกต่อไป ไม่ช้านานก็พ้นทุกข์ได้ ดังพระท่านว่าคนล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียรคือ มีความพยายามไม่ให้อกุศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้นคือ ไม่ทำความสัมพันธ์ฉันมิตรให้เสียหายกลายเป็นอื่น จนทุจริตไปกว่านี้ ๑ ความพยายามละอกุลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป คือที่ผ่านมาแล้วก็ช่างมัน ฟั่นเฟือนและเสียสติไปแค่ไหนก็แค่นั้นไม่ต้องไปคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วผ่านไปแล้ว อยู่กับปัจจุบันเริ่มต้นใหม่ นี้คือละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ๑ ความพยายามที่จะสร้างกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น คือให้อภัยตัวเอง ไม่โทษตัวเอง(แต่ก็ไม่ใช่โทษคนอื่น) คนเราไม่รู้ตัวมากกว่ารู้สึกตัว คนเราไม่มีสติมากกว่ามีสติ รู้จักยอมรับและให้อภัย ไม่ทำพูดคิดผิดทางอีก ๑ สุดท้ายความพยายามในการรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้หายสูญไป เช่น ทำทาน รักษาศีล ภาวนา อบรมจิตใจ ให้รู้ตัวมีสติสัมปชัญญะประกอบสุจริตกาย สุจริตวาจา สุจริตใจเนื่อง ๆ ๑ นี้คือแก้ที่ใจเราเอง ส่วนเขาจะมีเจตนาจะมีกรรมอย่างไร ก็เป็นไปตามสุจริตทุจริตเหมือนกัน เราจะยัดเยียดหาซื้อสุจริตทุจริตมาให้เขามาป้อนให้เราไม่ได้ นั่นแปลว่า กรรมเขาเราไม่ควรคิด ให้รู้จักตัวเราเองใจเราเอง อย่าไปเสียเวลาไร้สาระกับเรื่องพวกเจ้ากรรมนายเวรโดยชื่อของมัน ว่าต้องแก้กรรมวัดนี้วัดโน้นวัดนั้น ต้องไปดูดวง สแกนกรรม ต้องไปทำอะไรกับชื่อของกรรม ๆ ๆ ๆ แต่ก็ขว้างงูไม่พ้นคอกันซักที เพราะไม่เข้าใจเรื่องของกรรมตามความเป็นจริง คุณของทาน ศีล ภาวนา เป็นที่พึ่งให้ประโยชน์ในปัจจุบันและอนาคตจริง ถ้ามีกับเนื้อกับตัวจริง สร้างกุศลและรักษากุศลขึ้นมาจริง ๆ เช่น ทานการให้ การให้อภัยคือ อภัยทาน ทานการให้ การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง แม้การรักษาศีล ๕ ก็ยังจัดเป็น มหาทาน เช่น ให้ความสุขกับคู่ครองคนรักของคนอื่น ไม่ไปยุ่งไปเกี่ยว ฯลฯ สีเลน สุคติง ยันติ ...... ได้แก่ เราจะไปเกิดในสุคติภูมิได้ก็เพราะ ศีล สีเลน โภคะสัมปทา.... ได้แก่ เราจะได้โภคะสมบัติทั้งหลาย ก็เพราะ ศีล สีเลน นิพพุติงยันติ..... ได้แก่ เราจะถึงพระนิพพาน ก็เพราะ ศีล ตัสมา สีลัง วิโสธะเย ....ได้แก่ ขอท่านทั้งหลายจงยังศีลให้ถึงพร้อม ภาวนา สมถภาวนา อุบายทำจิตให้สงบ เจริญสมาธิ วิปัสสนาภาวนา การรู้แจ้งเห็นจริงในไตรลักษณ์ หรืออุบายเจริญปัญญา ขอให้ก่อนจะพ้นทุกข์ จงรู้จักกำหนดทุกข์ คือความยึดมั่นถือมั่นว่าเราของเรา ว่าของเขาของเรา ว่ากายใจนี้มันปรุงแต่งทุกข์ ให้รู้จักให้เท่าทัน เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และอนัตตาไม่ใช่ตัวตนเป็นไปโดยลำดับจนเข้าใจความจริงว่ามีแต่ทุกข์แต่ปราศจากผู้ทุกข์ พบกรรมหรือการกระทำตามเหตุปัจจัยที่มีอยู่ แต่ผู้เสวยกรรมไม่มี หนทางบริสุทธิ์หลุดพ้นมีอยู่ แต่ผู้เดินทางไม่มีเจริญพร ![]() Credit image by : http://addboon.tarad.com/product.detail ... th_2879661 |
เจ้าของ: | retsuya [ 21 ธ.ค. 2010, 11:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
เป็นกำลังใจให้ท่านเจ้าของกระทู้ให้สามารถตัดใจได้ครับ เป็นแค่เพื่อนสบายใจที่สุดครับ แล้วขออนุโมทนากับพระคุณเจ้าพุทธฎีกาและคุณดั่งกันครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | หุบเขาไร้รัก [ 21 ธ.ค. 2010, 18:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
![]() ![]() ![]() คิดถึงก็คิดถึงไป ไม่เห็นเป็นไร คิดถึงแล้วมีความสุข คิดถึงแล้วมีพลังทำให้ก้าวเดินต่อไป แต่การกระทำเราต้องรู้ว่าสิ่งไหนควร ไม่ควร เรารู้อยู่แล้ว เราห้ามได้ ก็ไม่ผิดอะไรนี่คะ |
เจ้าของ: | annystella [ 21 ธ.ค. 2010, 23:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
ขอบคุณทุกคนค่ะ แล้วดิฉันยังสามารถคุยกับเค้าได้อยู่รึเปล่าคะ หรือว่าไม่ควร |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 22 ธ.ค. 2010, 00:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
อ้างคำพูด: ที่ผ่านมาดิฉันคงทำผิดศีลข้อ 3 ที่ชอบแฟนของคนอื่น พอจะมีวิธีการให้ผลกรรมบรรเทาลงได้มั๊ยคะ ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้ นอกจากตัวเอง รักษาศิลห้าให้เคร่งครัด จะช่วยปกป้องจากกรรมชั่วต่างๆได้ annystella เขียน: ขอบคุณทุกคนค่ะ แล้วดิฉันยังสามารถคุยกับเค้าได้อยู่รึเปล่าคะ หรือว่าไม่ควร ถ้ารักษาศิลห้าได้อย่างครบถ้วน เชื่อว่าจะคุยหรือไม่คุย เจอหรือไม่เจอกับเขา...ก็คงไม่ทุกข์ร้อนอีกแล้ว.... เอาใจช่วย..ขอให้โชคดีค่ะ |
เจ้าของ: | ดั่งกัน [ 22 ธ.ค. 2010, 22:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
![]() ขอให้คุณผ่านพ้นไปได้เร็ววันนะค่ะ บุญรักษาค่ะ |
เจ้าของ: | saisawan [ 10 ม.ค. 2011, 11:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รักแฟนคนอื่น |
อย่าไปแย่งของของคนอื่น เพราะเมื่อไหร่ที่เราเป็นฝ่ายถูกแย่งจะเจ็บปวดไม่แต่งตางจากผู้หญิงคนนั้นในวันนี้ แต่ทุกอย่างก็อยุ่ที่ใจคุณ ขอเป้นกำลังใจให้ค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |