อย่าให้ความลับและคำโกหกทำพิษ
คุณเคยมีความลับหรือโกหกคนที่คุณรักไหมคะ?
ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอย่างไร
หากตอบด้วยคำพูดได้ไม่เต็มปากนัก...จะเลี่ยงไปตอบในใจก็ไม่ว่ากันค่ะ
ส่วนดิฉันแม้จะเป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยมีเรื่องโลดโผนในชีวิตให้ต้องโกหก
หรือปกปิด แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่า...เคยค่ะ
ครั้งหนึ่งดิฉันเคยโกหกเพื่อนสนิทว่าจะกลับบ้านทั้งๆ ที่มีนัดกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง
เรียกง่ายๆ ว่าหนีเที่ยวนั่นแหละ ที่โกหกและตั้งใจจะปิด
เพียงเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กัน
ความลับไม่มีในโลกกลมๆ ใบนี้
คืนนั้นเราเจอกันโดยไม่คาดคิด
เครดิตในคำพูดของดิฉันจึงลดลงอย่างฮวบฮาบยิ่งกว่าหุ้นติดลบ
แม้ครั้งนั้นไม่ได้เป็นเรื่องราวใหญ่โต
แต่ก็ถือว่าเป็นอีกบทเรียนที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะเรื่องเล็กๆ นี่แหละ ทำให้บานปลายมานักต่อนัก
โดยเฉพาะกับคนในครอบครัวค่ะ
ยิ่งได้ฟังเรื่องราวจากรุ่นพี่คนหนึ่งที่เล่าให้ฟังว่า
เพื่อนของเธอแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่น
สามีดูแลเอาใจใส่เธอและลูกเป็นอย่างดี
กระทั่งวันหนึ่งสามีของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
ภาพในงานศพจู่ๆ ก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งเข้ามารดน้ำศพโดยไม่มีใครรู้จัก
หลังจากภรรยาได้ไปสอบถามจึงทราบว่า
เป็นภรรยาและลูกอีกคนหนึ่งของสามีค่ะ...อึ้งกิมกี่กันไปทั้งงาน
เขาเอาเวลาที่ไหนไปอยู่กับภรรยาอีกคนจนมีลูกด้วยกัน
ที่ผ่านมาสิ่งที่สามีพูดเรื่องไหนจริงเรื่องไหนโกหก
เขาปิดบังอะไรไว้อีก ฯลฯ คำถามมากมายตามมาอย่างยากที่จะหาคำตอบ
เพราะต้นเหตุของเรื่องไม่สามารถฟื้นขึ้นมาให้ความกระจ่างได้
ทิ้งไว้แค่เพียงความปวดร้าวของคนที่ยังอยู่ และความลับที่ถูกเปิดเผย
ความลับระหว่างเรา
ดิฉันเคยถามกลับหลายๆ คนว่า ระหว่างมีภรรยามีความลับต่อกันได้ไหม
ฝั่งที่ตอบว่าไม่ได้ ให้เหตุผลว่า
สามีภรรยาเปรียบเหมือนคนคนเดียวกัน
ไม่ควรที่จะมีความลับต่อกัน
หากบริสุทธิ์ใจก็ควรเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ ให้อีกฝ่ายได้รู้ด้วย
แม้เรื่องนั้นอาจเป็นความผิดหรือเป็นเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ
ก็สามารถให้อภัยได้ ดีกว่ารู้จากปากคนอื่น
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งตอบว่า แม้ไม่ควรมีความลับต่อกัน
แต่ในความเป็นจริงเชื่อว่าน่าจะมีได้บ้าง แต่ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรง
เช่น เรื่องในอดีต เรื่องส่วนตัวที่ต้องการเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ
ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ เพราะอาจกระทบกับความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง
โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันเองก็เห็นว่าสามีภรรยาไม่น่ามีความลับต่อกันค่ะ
แต่เราทุกคนล้วนต้องการพื้นที่ส่วนตัว
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจมีเรื่องปกปิดต่อกันบ้าง
และดิฉันก็ไม่คิดจะถือสาหรือไปขุดคุ้ย
หากเรื่องนั้นอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของคนที่ดิฉันรักอย่างสามีและลูก
แต่มีข้อแม้ที่ตกลงกันไว้แล้วว่า
ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือเกิดผลเสียต่อทุกๆ ด้าน
และพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละฝ่ายก็ต้องไม่ทำให้เกิดความห่างเหินกันด้วยค่ะ
ทำไมต้องปดหรือปิด
คงไม่มีใครอยากเหนื่อยสร้างเรื่องโกหก
หรือต้องทนอึดอัดใจเก็บงำความลับเอาไว้
แต่สุดท้ายก็ไม่วายเกิดเรื่องขึ้นมาจนได้ จากประสบการณ์บวกกับพูดคุย
เรื่องที่สามีภรรยามักโกหกหรือปิดบังกันมีอยู่ไม่กี่เรื่องค่ะ
เช่น มือที่สาม เงินทอง ความผิดพลาดในอดีตและเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ที่อาจทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ โดยให้เหตุผลในการโกหกและปิดบังว่า
กลัวสารพัดจะกลัว กลัวอีกฝ่ายไม่สบายใจ เสียใจ คิดมาก
กลัวนั่นกลัวนี่กลัวไปหมด บางครั้งรู้ทั้งรู้ว่าผิดแต่ก็ทำและไม่กล้ารับ
แต่หากเราคิดสักนิดก่อนที่จะทำในสิ่งที่คู่ของเราไม่สบายใจ
ก็คงไม่ต้องมานั่งกลัวกันอยู่อย่างนี้หรอกค่ะ
ต่างคนต่างใจ ข้อนี้เป็นคำตอบจากคุณผู้ชายค่ะ
เขาว่าบางครั้งไม่มีอะไร แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็อาจคิดได้สองอย่าง
เช่น สามีไปงานเลี้ยงของบริษัท
ภรรยาอาจคิดว่าดีจังสามีไปเข้าสังคม
หรืออาจคิดว่างานนี้มีสาวหรือเปล่านะ ต้องหาความจริงให้ได้
อืม...เป็นธรรมดาค่ะที่คนเราจะคิดได้หลายอย่าง
แต่หากคุณไม่มีพฤติกรรมที่ส่อให้คิดไปในทางที่ไม่ดี
เราก็คงไม่คิดจะจับผิดกันหรอก จริงไหมคะ
อยู่อย่างอยาก อยากได้โน่นได้นี่
สำหรับฝ่ายภรรยาอย่างเราก็เบสิกค่ะ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
อุปกรณ์ทำสวยทั้งหลาย บางครั้งก็แอบพ่วงของลูกเข้าไปอีก
ฝ่ายสามีคงหนีไม่พ้นอุปกรณ์แต่งรถ หรือของไฮเทคต่างๆ
เมื่อหมดเงินไปกับข้าวของส่วนตัวมากเกินจำเป็น ก็ต้องปิดบังกัน
แต่ถ้ารู้จักความพอเพียงคุณก็จะหมดเรื่องต้องโกหกไปอีกหนึ่งเรื่องค่ะ
ผลลัพธ์ที่ไม่น่ารับ
แม้จะมีเหตุผลอีกมากมาย แต่สรุปแล้วความปรารถนาดีต่ออีกฝ่าย
ก็มักจะเป็นเหตุผลที่ดูดีเพื่อการโกหกหรือปิดบังกัน
แต่คุณเคยจินตนาการต่อมั้ยล่ะว่า
ถ้าความลับแตกดังโพละขึ้นมา
ผลลัพธ์อันร้ายกาจของการโกหกและปิดบังกันก็จะปรากฏโฉมทันที
สำหรับชีวิตคู่แล้วอย่างแรกเลยคือ ความเสียใจ เสียความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน
ตามมาด้วยความระแวงแคลงใจ ไม่เชื่อใจ
ยิ่งหากเรื่องที่โกหกหรือปิดบังไว้นั้นเป็นเรื่องใหญ่
บวกกับอารมณ์เข้าไปด้วยแล้ว ชีวิตคู่อาจมีรอยร้าวถึงขั้นพังยับเยินได้ง่ายๆ ค่ะ
สำหรับเจ้าตัวเล็ก หากพ่อแม่ไม่หยุดโกหกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
คงเห็นการโกหกเป็นเรื่องปกติ
จนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะอย่างนิทานที่เราสอนเขาเข้าสักวัน
ตอนนี้คุณโกหกหรือปกปิดความลับอะไรอยู่หรือเปล่า
ดิฉันคงไม่อาจตัดสินได้ว่า สิ่งที่คุณคิดหรือทำอยู่นั้น ถูกหรือผิด ควรหรือไม่
แต่คุณแน่ใจไหมคะว่า เรื่องนั้นจะตายไปพร้อมกับคุณจริงๆ
เรื่องจะไม่แดงและไม่ตามมาทิ่มแทงทำร้ายชีวิตคุณและครอบครัว
รวมทั้งผู้บริสุทธิ์อย่างลูก จะไม่ซึมซับพฤติกรรมเหล่านี้ไปจากคุณ
จริงหรือเท็จ ปิดหรือเปิด คุณคือคนเลือกคำตอบค่ะ
ที่มา.. นิตยสารรักลูก ปีที่ 26 ฉบับที่ 306 กรกฎาคม 2551
http://www.elib-online.com/doctors52/fa ... lk001.html
ภาพประกอบจาก... http://www.lowclass.net/home/attachment ... 53I4hh.jpg
