วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 01:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ


…อดีตนักธุรกิจผู้คร่ำหวดในวงการอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า

" ในช่วงที่อสังหาริมทรัพย์กำลังเฟื่องฟู
ผมทุ่มเทชีวิตให้กับงานโครงการต่างๆ มูลค่านับพันล้าน
ผมทำงานวันละมากกว่า 14 ชั่วโมง
หลังเลิกงาน ผมใช้เวลาช่วงเย็นกินเลี้ยงสังสรรค์กับลูกค้า
วันหยุดจะใช้เวลาตีกอล์ฟและพูดคุยธุรกิจกับเพื่อนฝูง
ในปีหนึ่งผมกับภรรยารับประทานอาหารร่วมกันไม่ถึง 10 มื้อ
เป็นเช่นนี้เกือบสิบปี กระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
ธุรกิจแทบทั้งหมดของผมพังพินาศ ผมสูญเสียทุกสิ่ง
ยกเว้นสิ่งเดียวที่ได้รับเพิ่มขึ้น
นั่นคือ ผมได้รับประทานอาหารร่วมกับภรรยาและลูกๆ ทุกวัน

ผมพบว่า ผมเพิ่งจะรู้จักภรรยาและลูกๆ ของผมจริงๆ ว่า
พวกเขาเป็นอย่างไร ทั้งที่ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มาสิบกว่าปี "



ครอบครัวจำนวนไม่น้อยอยู่ภายใต้ชายคาบ้านเดียวกันก็จริง
แต่อยู่กันแบบ " ต่างคนต่างอยู่" มากกว่าที่จะเรียกว่า " อยู่ด้วยกัน"
ความแตกต่างระหว่างการ " อยู่" สองลักษณะนี้อยู่ตรงที่
สมาชิกในครอบครัวมีกิจกรรมที่ต้องใช้เวลาและใช้ชีวิตร่วมกันมากน้อยเพียงใด


ต่างคนต่างอยู่ ครอบครัวที่มีลักษณะต่างคนต่างอยู่นั้น
สมาชิกทุกคนในบ้านต่างก็มุ่งภารกิจของตน


สามี…ใช้เวลาทั้งหมดเพื่อสร้างฐานะการเงินของครอบครัวให้มั่นคง
วันๆ จึงเอาแต่ทุ่มเททำงาน โดยแทบจะไม่มีเวลาให้กับครอบครัว
เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า ความห่างเหินระหว่างสมาชิกในครอบครัวก็เริ่มมาเยือน


ภรรยา…เมื่อเห็นว่าสามีไม่ค่อยมีเวลาให้ ก็เริ่มปรับตัว
พยายามหากิจกรรมนอกบ้านทำ ใช้เวลากับเพื่อนใหม่ มีสมาคมของตนเอง
และภายในใจลึกๆ ก็รู้สึกน้อยใจสามีที่ไม่มีเวลาให้


หากมีลูก เมื่อลูกเห็นว่า พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ ก็มุ่งหากิจกรรมต่างๆ ที่ตนเองสนใจ
ไม่มีความสนิทสนมกับพ่อแม่ และอาจเป็นเด็กที่มีปัญหาได้ เมื่อเติบโตขึ้น


ครอบครัวเมื่อต่างคนต่างอยู่นานวันเข้า ความสนิทสนมกันย่อมจืดจางลง
ลูกอาจจะเห็นว่าพ่อ เป็นคนแปลกหน้า ภรรยาอาจเริ่มไม่ไว้วางใจสามี
สามีก็รู้สึกรักภรรยาน้อยลง
ในที่สุดบรรยากาศความรักความอบอุ่นในครอบครัวจืดจางไป


ทุกคนจะกลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่เดินไป เดินมาในบ้านหลังเดียวกัน


อยู่ด้วยกัน ส่วนบ้านทุกคนอยู่ด้วยกันนั้น
สมาชิกทุกคนในบ้านจะมีการใช้เวลาร่วมกัน 3 อย่าง
คือ อย่างสนิทสนม อย่างสม่ำเสมอ และอย่างเสมอต้นเสมอปลาย



:b48: การใช้เวลาร่วมกันอย่าง " สนิทสนม "
ครอบครัวจะมีความสุขก็ต่อเมื่อสมาชิกทุกคนใช้เวลาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
มีกิจกรรมที่ทุกคนจะได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อจะรู้จักกันมากขึ้น
มีการไปเที่ยวหรือเล่นสนุกร่วมกัน
เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนสามารถแสดงออกซึ่งความรักที่มีให้แก่กัน


:b48: การใช้เวลาร่วมกันอย่าง " สม่ำเสมอ "
หมายถึง สามีภรรยาและสมาชิกในครอบครัวมีเวลาให้แก่กันเป็นปกติ
ไม่ใช่นานๆ ครั้ง แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ
โดยสมาชิกในครอบครัวไม่ต้องรอคอยหรือคาดหวัง
โดยแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ให้กับสิ่งต่างๆ ในแต่ละวันอย่างเหมาะสม
และใช้เวลาให้เป็นไปตามนั้น


:b48: การใช้เวลาร่วมกันอย่าง " เสมอต้นเสมอปลาย "
หมายถึง เมื่อแต่งงานอยู่ร่วมกัน
แรกๆ อาจจะมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมาย แต่พออยู่ไปนานวันเข้า
เรื่องที่จะพูดคุยกันหรือกิจกรรมที่ทำร่วมกันก็อาจลดน้อยลง
ต่างคนต่างก็ทำกิจวัตรของตนไป
การอยู่ร่วมกันไปนานวันเข้าก็อาจกลายเป็นความเบื่อหน่ายได้
หากทั้งสองไม่ได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน ได้หัวเราะ
ได้พูดคุย สนุกสนาน มีเรื่องให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการใช้เวลาร่วมกันอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดชีวิตสมรส


ครอบครัวที่ใช้เวลาร่วมกัน สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะมีความสุข
เพราะได้รับการเติมเต็มความรัก ความสนุกสนาน ความสนิทสนม ความผูกพัน
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมากกว่าชีวิตครอบครัวที่ต่างคนต่างอยู่
ต่างคนต่างแสวงหา ความสุขในส่วนของตน
แต่กลับปล่อยให้ความเหงาและบาดเจ็บเกิดขึ้นแก่คนในครอบครัว


สมาชิกในครอบครัวควรอยู่บ้านเดียวกันและบ้านเดียวกัน
ควรมี " กิจกรรม" เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้อยู่ด้วยกัน


สร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณค่า


การมีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวนั้น
เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง
ในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน
เพราะมิเช่นนั้นแล้วทั้งสามี ภรรยา และสมาชิกในครอบครัว
จะมุ่งให้เวลากับสิ่งที่ตนเองสนใจโดยไม่สนใจสมาชิกคนอื่น


ครอบครัวจำนวนมาก ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศ
ที่ได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันมานานแล้ว
บางทีอาจจะเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วที่ไม่ได้รับประทานอาหารด้วยกัน
ไม่มีโอกาสได้พบปะสังสรรค์กันอย่างแท้จริง
ทุกคนมีสภาพต่างคนต่างอยู่ ไม่มีความใกล้ชิดกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือปัญหาในครอบครัวระหว่างสามีภรรยาเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ
เพราะมีช่องว่างในความเข้าใจกัน ไม่มีช่วงเวลาในการแบ่งปันความรู้สึกนึกคิดกัน


ดังนั้น หากต้องการให้ครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
จวบจนวันสุดท้ายของชีวิต เราจำเป็นต้องเห็นคุณค่าสมาชิกในครอบครัว
ต้องมีความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ชิด อยากใช้เวลาร่วมกัน
อยากช่วยเหลือสนับสนุนให้คำปรึกษา ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกัน


สิ่งที่จะช่วยได้คือ การจัดกิจกรรมที่สมาชิกในครอบครัว
ใช้เวลาร่วมกันอย่างสนิทสนม อย่างสม่ำเสมอ และอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
สิ่งที่ควรทำและสามารถทำได้หากต้องการอยู่ด้วยกันในครอบครัวอย่างมีความสุข อาทิ


เห็นคุณค่าการใช้เวลาร่วมกัน ครอบครัวหลาย ครอบครัวมักจะอ้างว่า

"ผมไม่มีเวลา"

"เวลาของเราไม่ตรงกัน"

" กลับถึงบ้านก็เหนื่อยแล้ว ไม่ค่อยอยากคุยกับใคร"

"ผมบอกไม่ได้ว่าจะว่างเมื่อไร"

ข้ออ้างเหล่านี้คงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เราต้องก้าวข้าม
หากเราเห็นคุณค่าความสำคัญของครอบครัวที่เรารัก
เราคงปรารถนาให้คนที่เรารักมีความสุข อยากใช้เวลาอยู่ใกล้ชิด
โดยอาจต้องแลกกับความสุขส่วนตัว
ต้องเห็นความสำคัญและให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ


:b39: การวางแผนใช้เวลาร่วมกัน
โดยนำตารางเวลาของแต่ละคนมาพิจารณา
เพื่อจัดสรรเวลาที่จะใช้ร่วมกัน สามีภรรยาควรเปิดเผย
และสื่อสารแผนการทำงาน และสภาพการทำงานทั้งในสภาพปัจจุบัน
และอนาคตที่พอจะคาดการณ์ได้
เพื่อให้สามารถวางแผนจัดสรรเวลาในการใช้ร่วมกันได้


เช่น จัดสรรวันพักร้อนให้ตรงกัน
รู้ว่าวันไหนจะรับประทานอาหารเย็นร่วมกันได้
วันไหนจะไปเยี่ยมญาติ ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน เป็นต้น
การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้เกิดความมั่นใจว่ามีเวลาที่จะใช้ร่วมกันเสมอ


:b39: ใช้เวลาเล็กน้อย ที่อยู่ร่วมกันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
การทำกิจกรรมร่วมกันอาจไม่ต้อง ใช้เวลามาก
แต่เป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากกว่ากิจกรรมที่เราทำได้
โดยไม่เบียดบังภารกิจที่ทำอยู่


เช่น การรับประทานอาหาร ควรให้การรับประทานอาหารร่วมกันทุกครั้ง
มีความหมายในหลายครอบครัว
มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเวลาช่วงนี้มากนัก
ทั้งๆ ที่อาจจะเป็นเพียงเวลาเดียว ที่ได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา
ในบางครอบครัวจะตั้งอาหารไว้ ใครจะรับประทานเมื่อใดก็ได้
หรือไม่ก็ต่างคนต่างรับประทานกันก่อนกลับบ้าน
ไม่มีการนัดหมายกันทั้งที่ยังพอมีเวลาสามารถรับประทานร่วมกันได้
ทำให้หลายครอบครัวทิ้งเวลาช่วงนี้สูญไปอย่างเปล่าประโยชน์


ในความเป็นจริง เวลารับประทานอาหาร
ควรเป็นเวลาที่เราฉวยโอกาสใช้เวลาช่วงสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
พูดคุยเอาใจใส่ห่วงใยกัน เป็นช่วงเวลาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ประจำวัน
หรือช่วยกันแก้ไขอุปสรรค ปัญหาที่ต้องจัดการให้เสร็จในวันต่อไป
ดังนั้น จึงควรตั้งเวลาในการรับประทานอาหาร
ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า มื้อเย็น หรือหากมีอุปสรรคจริงๆ
ก็อาจนัดหมายกันในวันสุดสัปดาห์ ซึ่งหากทุกคนเห็นคุณค่าของเวลานี้
และใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราจะพบว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวเลยทีเดียว


:b39: การออกกำลังกายยามเช้า
สามีภรรยาและลูกๆ อาจจะนัดกันตื่นเช้าขึ้นอีกสักนิด
เพื่อไปวิ่งออกกำลังกายด้วยกัน สัก 15-20 นาที
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตน
หากไม่สะดวกที่จะออกไปนอกบ้าน
ก็อาจจัดให้มีเครื่องออกกำลังกายภายในบ้าน
และใช้บริเวณนั้นให้เป็นประโยชน์ทุกๆ เช้า
สมาชิกในบ้านก็จะมีโอกาสมาใช้เวลาร่วมกัน

:b39: การพูดคุยก่อนเข้านอน
ช่วงเวลาก่อนเข้านอนควรเป็นเวลา
ที่ทุกคนได้ผ่อนคลายจากปัญหาและความตึงเครียด
ที่ประสพมาตลอดทั้งวัน
สามีภรรยาควรฉวยโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่น อ่อนโยน
พูดคุยภาระปัญหา ให้กำลังใจกันในการเผชิญวันใหม่
ควรหลีกเลี่ยงการสร้างแรงกดดันให้แก่กัน การต่อว่าต่อขาน
ความไม่พอใจที่เก็บกดมาตลอดวัน
หากเป็นเช่นนี้ยิ่งเพิ่มความเครียด ความวิตกกังวล
ความไม่สบายใจ ทำให้ความสัมพันธ์แตกแยกได้ง่ายขึ้น


:b39: การจัดกิจกรรมวันหยุด
จัดวันหยุดบางวันเป็นวันพิเศษ เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวมีโอกาสรวมตัวกัน
โดยมีเป้าหมายร่วมกันทำบางสิ่งบางอย่างเช่น
ช่วยกันทำอาหารในงานวันเกิดของสมาชิกในครอบครัว
ช่วยกันทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เป็นต้น
จุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกคนได้ทำงานร่วมกัน
ทำให้ความสนิทสนม ผูกพันและเกิดความสนุกสนานในครอบครัว


การมีกิจกรรมในครอบครัวนั้น เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น
และสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน
ครอบครัวที่ใช้เวลาร่วมกันอย่างสนิทสนม
สม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลาย
จะทำให้สมาชิกในครอบครัวมีความผูกพันรักใคร่
และมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน


ทุกครอบครัว ควรให้ความสำคัญในการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ไม่ควรเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
หรือเปรียบไม่ได้กับเวลาที่จะนำไปใช้ในการทำธุรกิจหรือกิจกรรมนอกบ้านต่างๆ
เพราะหากเรารู้สึกว่าชีวิตนอกบ้านมีความสุข สนุกกว่าอยู่ในบ้าน
นั่นย่อมหมายความว่า สัญญาณอันตรายของชีวิตคู่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว


ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก ปีที่ 24 ฉบับที่ 346 ธันวาคม 2543
ห้องสมุด E-LIB


:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


รูปภาพ

:b8: อนุโมทนาจร้า..น้องลูกโป่ง :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร