ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
"คนบ้านเดียวกัน" อยู่อย่างไร ให้เหนียวแน่นหนึบ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=30672 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 06 เม.ย. 2010, 13:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | "คนบ้านเดียวกัน" อยู่อย่างไร ให้เหนียวแน่นหนึบ |
![]() เดือนเมษายนของทุกปี ถือได้ว่าเป็นเดือนแห่งความสุขของคนไทย เพราะมีเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของคนไทย เป็นเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน และความอบอุ่น เพราะสมาชิกในครอบครัวได้กลับมาพบกันพร้อมหน้า อยู่ใกล้ชิดกัน รวมทั้งเพื่อนสนิทมิตรสหาย นอกจากนี้ทางการยังได้กำหนด ให้เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันครอบครัว ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกบ้านระลึกถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว "นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย" จิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ มีเคล็ดยืดอายุรัก (คนในบ้าน) ให้เหนียวแน่นหนึบมาฝากกัน กับสภาพสังคม ณ ปัจจุบันนี้ "นพ.ไกร สิทธิ์" สะท้อน และเล่าว่า สถาบันครอบครัวไทยอ่อนแอลงมาก สมาชิกในครอบครัวมีความสุขน้อยลง ผู้สูงอายุเปลี่ยวเหงา ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เด็กและเยาวชนซึ่งจะต้องเป็นอนาคตของสังคม ก็ขาดความอบอุ่น ถูกชักจูงไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นสมาชิกของสังคมที่ขาดคุณภาพ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการเอาใจใส่แก้ไขแล้ว อนาคตของชาติก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะฉะนั้น สังคมจะดีได้ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนในสังคมนั้น ๆ คุณภาพของคนจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพครอบครัวซึ่งเป็นฐาน มีครอบครัวจำนวนมากที่มีทรัพย์สินเงินทอง มีฐานะ สุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่บรรยากาศครอบครัวไม่ดี สมาชิกในครอบครัวไม่สนใจกัน ไม่มีเวลาให้กัน ไม่เข้าใจกัน ใช้อารมณ์ ใช้ความรุนแรงต่อกัน ก็ไม่สามารถที่จะเป็นครอบครัวที่มีความสุขได้ ขณะที่ครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย มีโรคมีความเจ็บป่วยอยู่บ้าง แต่คนในครอบครัวเข้าใจกัน เอาใจใส่กัน มีเวลาให้กัน สนใจความรู้สึกของกันและกัน ย่อมเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากกว่า คนเราทุกคนเป็นสภาพแวดล้อมของกันและกัน ถ้าเราปรารถนาจะมีความสุข ก็เป็นหน้าที่ของคนทุกคนในครอบครัว แต่ภาระหน้าที่หลัก มักจะอยู่กับผู้นำครอบครัว นั่นก็คือคุณพ่อหรือคุณแม่ ซึ่งจะเป็นตัวหลักในการจัดการกับบรรยากาศของบ้านของครอบครัว และสุขภาวะของเด็กหรือผู้สูงอายุ ตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า ปัจจัยที่เป็นตัวตัดสินว่า คนในครอบครัวจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก ความอบอุ่นใจ เป็นเรื่องของสุขภาพจิตมากกว่าสุขภาพกาย หรือเรื่องของวัตถุ ดังนั้น ถ้าเราต้องการที่จะมีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนในครอบครัวต้องร่วมกันสร้าง และกระทำไปในทิศทางเดียวกัน ตั้งแต่การมีเป้าหมายร่วมกัน การมีเวลาให้กัน มีกิจกรรมร่วมกันและมีการสื่อสารที่มีคุณภาพระหว่างกัน ![]() สำหรับในเรื่องการมีเป้าหมายของครอบครัว คุณหมอแนะว่า น่าจะเป็นไปในทิศทางที่มุ่งสู่ความสุขทางใจของสมาชิกทุกคน มากกว่าความสุขที่ ได้จากวัตถุ เพราะความต้องการทางวัตถุ เพื่อตอบสนองความสุขทางกาย เป็นความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้การดิ้นรนไขว่คว้าหาวัตถุ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้แต่ละคนในครอบครัวไม่มีเวลาให้กัน ดังนั้นการลดความต้องการทางวัตถุ การใช้ชีวิตเรียบง่ายขึ้นก็จะเป็นหนทางหนึ่ง ที่ทำให้คนในครอบครัวมีเวลาให้กันมากขึ้น นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย นอกจากความปรารถนา ความสุขทางใจแก่กัน และการมีเวลาให้กันแล้ว สมาชิกในครอบครัวยังต้องรู้วิธีที่จะปฏิบัติต่อกันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม จึงจะเกิดผลตามที่ตั้งใจไว้ เพราะถ้าหากไม่รู้วิธีก็อาจจะกลายเป็นการสร้างปัญหา ทำให้สถานการณ์แย่ลง ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ทุกคนย่อมรักและปรารถนาดีกับลูก แต่บางคนใช้วิธีเลี้ยงที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตามใจมากเกินไป หรือเข้มงวดกดดันมากเกินไป ก็สามารถทำให้ครอบครัวไม่มีความสุขได้ ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่มีความตั้งใจดี และให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่แล้ว ดังนั้น การจะสร้างให้คนในครอบครัวมีสุขภาพจิตดีได้ ทุกคนจำเป็นต้องมีเวลาให้กันเพื่อที่จะมีกิจกรรมร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน เพื่อจะได้มีการสื่อสารให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันและกัน ถ้ามีครอบครัวแล้วไม่มีเวลาให้กัน ให้มีกิจกรรมร่วมกัน คงจะหวังความสัมพันธ์ที่ดี ที่แข็งแรงได้ยาก ![]() อย่างไรก็ดี "การสื่อสาร" เป็นเรื่องสำคัญที่เรามักจะละเลย ลืมไปที่จะให้ความสำคัญ มีครอบครัวจำนวนมาก ที่แคร์ความรู้สึกคนนอกบ้านมากกว่าความรู้สึกคนในบ้าน ซึ่งอาจจะเกิดจากความรู้สึกว่าคนในครอบครัวเป็นคนกันเองมาก ใกล้ชิดกันมาก จนไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของกันและกัน ลืมที่จะชื่นชมเมื่อใครคนหนึ่งทำอะไรสำเร็จ ลืมขอบคุณ เมื่อคนในบ้านทำอะไรให้ ลืมขอโทษเมื่อตนเองทำอะไรผิดพลาดไม่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าหากเกิดขึ้นสะสมเป็นระยะเวลายาวนานเป็นปี ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดความเย็นชา เกิดช่องว่างระหว่างกัน ความรู้สึกดี ๆ ต่อกันในครอบครัวก็จืดจางไปได้ นอกจากนี้ยังมีพ่อแม่จำนวนมากที่รักลูก ปรารถนาดีต่อลูก แต่ใช้วิธีสื่อสารเชิงลบ เด็กจะรู้สึกไม่อยากเข้าหา เพราะเข้าหาก็จะรู้สึกว่าวันนี้ฉันจะถูกตำหนิเรื่องอะไรอีก เข้าใกล้แล้วรู้สึกว่าเจ็บ เสียความรู้สึกทุกที ตัวฉันไม่มีอะไรน่าภูมิใจเลย บ้านไม่น่าอยู่ ออกไปแล้วหา ความภูมิใจจากนอกบ้านดีกว่า ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่พ่อแม่ว่ากล่าวตักเตือนเป็นความหวังดี เจตนาดีแท้ ๆ ดังนั้นวิธีสื่อสารที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญ เพราะฉะนั้น การทำให้ครอบครัวอบอุ่น บรรยากาศบ้านน่าอยู่ สิ่งที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นในจิตใจของสมาชิกแต่ละคนก็คือ ให้รู้สึกว่ามีฉันอยู่ในบ้านนี้ ฉันมีค่า ในบ้านนี้มีคนสนใจความรู้สึกของฉัน เป็นห่วงเป็นใยฉัน เข้าใจฉัน พูดกันรู้เรื่อง รู้สึกปลอดภัย ถ้าหากมีปัญหามีคนสนใจที่จะรับฟังปัญหาของฉัน สามารถจะขอความช่วยเหลือ พึ่งพิง ขอคำปรึกษาได้ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ขึ้น อยู่กับวิธีการที่คนในครอบครัวพูดจาสื่อสาร และปฏิบัติต่อกัน ให้เกียรติกัน เป็นการสื่อสารทางอ้อม ไม่ใช่เป็นการเอาแต่พูด แต่ไม่ได้ปฏิบัติ เพราะคนเราพิจารณาความจริงใจผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด ปัจจุบันนี้ สังคมไทยต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจสังคม ยาเสพติด การใช้ความรุนแรงต่อกัน การที่จะฝ่าฟันเอาชนะปัญหาทั้งหลายทั้งปวงได้ ต้องอาศัยชุมชน และสังคมที่เข้มแข็ง ต้องอาศัยสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง ครอบครัวดีไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ หรือตามยถากรรม แต่เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่แน่วแน่ เกิดจากความรู้ ความเข้าใจ การเอาใจใส่กัน ความอดทนและการเสียสละของสมาชิกทุกคน สำหรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ จึงอยากเชิญชวนคนไทยทุกครอบครัว นอกจากใช้เวลาสนุกสนานรื่นเริงแล้ว อยากให้ใช้เวลาทบทวนตนเอง และช่วยกันทำให้บรรยากาศในครอบครัวอบอุ่นน่าอยู่ โดยปรับปรุงวิธีสื่อสาร ระหว่างคนในครอบครัวให้มีคุณภาพ สร้างสรรค์และเกิดความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกันตลอดไป และทุกๆ ปี ที่มา... http://www.manager.co.th/Family/ViewNew ... 0000046392 ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Bwitch [ 06 เม.ย. 2010, 13:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "คนบ้านเดียวกัน" อยู่อย่างไร ให้เหนียวแน่นหนึบ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |