วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 14:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 904 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทุกข์ใจ เขียน:
บอกตามตรงเลยเรายังหาทางออกไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยให้เวลามันผ่านไปวันๆ ที่ทำอยู่ก็คือสวดมนต์ ทำบุญ ใส่บาตรวันจันทร์-ศุกร์ พูดไปพูดมามันก็เป็นปัญหาเดิมๆเดี๋ยวเพื่อนๆในลานธรรมจะรำคาญเสียก่อน


หาทางออกไม่ได้ก็ยังไม่ต้องออก หยุดอยู่กับที่ นิ่งๆ เฉยๆก่อน รักษาสภาพจิตใจให้สงบที่สุด
คายของเก่าออกให้หมด อย่ารับเอาของใหม่เข้ามา สักวันมันต้องหมดค่ะ เมื่อถึงเวลานั้น
ทุกอย่างมันก็จะคลี่คลายเอง ทำบุญ ใส่บาตรแล้วอย่าลืมกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย
เอ่ยชื่อได้ยิ่งเร็วดีค่ะ
คุยกันปัญหาเดิมๆนะดีแล้วค่ะ ขออย่าให้มีปัญหาใหม่เข้ามาก็ใช้ได้แล้ว เชื่อว่าเพื่อนๆคงไม่เบื่อที่จะรับรู้
หรอกค่ะคุณทุกข์ใจ เดาได้เลยว่าตอนนี้คุณกำลังเบื่อตัวเองใช่ไหมค่ะ? แล้วเดี๋ยวก็จะเบื่อปัญหา แล้ว
ก็จะถึงเวลาที่คุณจะคิดออกเองแหละค่ะว่าควรทำอย่างไร? จะส่งกำลังใจมาให้เรื่อยๆนะค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b39: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 01:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 04:04
โพสต์: 356

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะคุณทุกข์ใจเพิ่งจะเข้ามาอ่านเรื่องราวของคุณเป็นครั้งแรก ขอเอาใจช่วยให้คุณหายจากทุกข์ใจ
มาเป็นสุขใจเร็ว ๆ นะค่ะ คำแนะนำดิฉันคงยังไม่มีคือยังไม่เข้าถึงสัจธรรมของชีวิตมากเท่าไร ...แต่จาก
ที่อ่าน ๆ มาเกือบทั้งหมดล้วนเป็นคำแนะนำที่ดี ๆทั้งนั้น ....แต่อยากให้คุณทุกข์ใจได้รับรู้ว่าพอดิฉันได้
อ่านเรื่องราวของคุณแล้ว นึกอายตัวเองจังปัญหาของดิฉันมันช่างน้อยนิด ดิฉันยังทุกข์บ้า ๆ บอ ๆ ทำไม
เนียะ ทำให้ดิฉันคิดได้ว่าโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย สิ่งที่คิดว่าเป็นของเรามาตลอด กลับกลายมา
เป็นของคนอื่นได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คงต้อง"ทำใจ"อย่างเดียว ...อ้อ อาจจะขอแนะนำนอกกรอบไปหน่อย
ตอนที่ดิฉันทุกข์ใจดิฉันจะไปเดินห้าง อ่านหนังสือพร้อมจิบกาแฟ เข้าร้านเสริมสวย นวดตัว นวดหน้า
เล็มผม เปลี่ยนสีผม(ให้แม่และน้องเลี้ยงลูกแทน) ซึ่งดิฉันรู้สึกว่ามันผ่อนคลายดีค่ะ และตัวของเราก็ดู
สดใส สวยขึ้นด้วย คือไม่อยากให้ทางโน้นเห็นว่าเราทุกข์ใจเพราะเขาจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่แค่
อยากให้เขาเห็นว่าไม่มีเขาเราอยู่ได้ เรามีคุณค่าและมีชีวิตดีขึ้น สวยขึ้น ไม่ได้โทรมเหมือนคนอมทุกข์
ที่ถูกเขานอกใจเขาจะได้ไม่ลำพองใจจนเกินไป(เขาอาจจะเปรียบเทียบเรากับผู้หญิงคนนั้นก็ได้)
...ดิฉันอาจจะทำตัวแปลกไปหน่อยคือชอบแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้องค่อยเป็นค่อยไปเริ่มเดินจากช่วง
ปลายเหตุนี่ล่ะเดินอย่างช้า ๆ เดี๋ยวมันก็ถึงต้นเหตุเองละค่ะ...ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2009, 12:54
โพสต์: 70

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: เห็นด้วยกับคุณ PENYA นะค่ะ คุณทุกข์ใจค่ะปัญหาเรื่องเดิมนี้แหละค่ะดีค่ะไม่เบื่อที่จะฟังเพราะดิฉันก็เป็นเหมือนคุณมันเกิดขึ้นทุกวันจนเราจะชินแล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะค่อยๆคิดค่อยทำใจค่ะ คิดถึงค่ะ :b48: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2009, 20:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 11:51
โพสต์: 505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดถึง ก็เลยแวะมาให้กำลังใจเหมือนเดิม ว่าง ๆ แวะบ้านมานิตาบ้างนะ แล้วจะรู้ว่าใครทุกข์กว่ากัน

คิดถึงจัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2009, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 04:04
โพสต์: 356

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แวะมาทักทายมาเติมแรงใจและพลังให้ค่ะ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว อย่าคิดมาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2009, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 15:01
โพสต์: 408

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณทุกข์ใจเขียน

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้กัน เราก็ได้เพื่อนๆที่นี่แหละเป็นที่พักใจ ยอมรับเลยว่าเวลาพูดหรือนึกถึงสามีทีไร ใจมันจะหวิวๆ น้ำตามันไหลออกมาเอง เวลานี้เราก็ได้พยายามทำใจให้ว่างมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ บอกตามตรงเลยเรายังหาทางออกไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยให้เวลามันผ่านไปวันๆ ที่ทำอยู่ก็คือสวดมนต์ ทำบุญ ใส่บาตรวันจันทร์-ศุกร์ พูดไปพูดมามันก็เป็นปัญหาเดิมๆเดี๋ยวเพื่อนๆในลานธรรมจะรำคาญเสียก่อน


ไม่เบื่อหรอกค่ะ ยินดีที่จะอ่าน และให้กำลังใจ,แนะนำอะไรได้ก็พยายามบอกค่ะ อย่างน้อยๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นของคุณ หรือของดิฉัน อาจจะเป็นวิทยาทานแก่คนอื่นๆ ที่เค้าก็มีปัญหาคล้ายๆ กับพวกเราค่ะ

เจริญในธรรมนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2009, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 18:57
โพสต์: 41


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: สวัสดีค่ะคุณทุกข์ใจ (และคุณทะเลใจด้วยค่ะ)
คุณบอกว่าแต่งงานมา30ปี แสดงว่าเราก็อยู่ในวัยใกล้ๆกันคือห้าสิบกว่า ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี
เพราะเคยอกหัก เราผ่านชีวิต(สุข-ทุกข์)มาพอสมควร ดิฉันคิดว่าธรรมะเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เราคลาย(พ้น)ทุกข์ได้ แต่ธรรมะเปรียบเหมือนยา ไม่มีใครจะกินแทนเราได้(นั่นคือผู้ปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเองคือจะคลายและพ้นทุกข์ได้ หากปฏิบัติจริง) แน่นอนว่าธรรมะของพระพุทธเจ้า(สติปัฏฐานสี่)คือยาขนานเอกและขนานเดียวที่จะทำให้เราพ้นทุกข์(สบายใจ หายกลุ้มใจ)
ดิฉันแสวงหาครูอาจารย์ทางธรรม ที่จะนำธรรมะมาถ่ายทอด สอนปุถุชน ที่ยังต้องข้องเกี่ยว อยู่ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน อย่างเราๆมานาน จนในที่สุด(จากการอ่านหนังสือธรรมะมามากมาย เริ่มจากท่านพุทธทาส)ดิฉันก็ได้อ่านหนังสือ ชื่อ ใบไม้กำมือเดียวและได้พบอาจารย์ที่สอนธรรมะแบบเกาถูกที่คัน สอนได้ตรงจุด ท่านไม่ใช่พระไม่ใช่ชี ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกหรือภาษาบาลี แต่ท่านเป็นผู้หญิงทำงาน อย่างเราๆ(วัยก็ห้าสิบกว่า) มีลูกและสามี ท่านจึงเข้าใจปัญหาชีวิต และรู้วิธีการ ที่จะสอน ให้คนทั่วไป ที่ไม่ค่อยมีเวลา ไปวัดหรือหาเวลานั่งหลับตา ทำสมาธิ ได้ปฏิบัติธรรม(จนเห็นผล เมื่อมีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ต่อมาปัญญา ก็จะตามมา)
ดิฉันเลย ขอฝาก ยาแก้ทุกข์ใจ ให้คุณลองอ่านดูนะคะ

“ยาแก้ทุกข์ใจ” ของพระพุทธเจ้า
สาเหตุ คุณหมอในโรงพยาบาลทั้งหลายรักษาได้แต่ความเจ็บป่วยของ “ตัวกาย” ของท่านเท่านั้น แต่ความเจ็บป่วยของ “จิตใจ” หรือ “ตัวใจ” นั้น ท่านต้องใช้ “ยาแก้ทุกข์” ของพระพุทธเจ้า จึงจะช่วยได้ เมื่อท่านรับประทานยาแก้ทุกข์ขนานนี้ของพระพุทธเจ้าเพื่อรักษา “โรคใจ” ของท่านแล้ว ท่านอาจจะมีโรคทางกายน้อยลงด้วย ไม่ต้องมาให้คุณหมอฉีดยา ให้น้ำเกลือผ่าตัดให้เจ็บตัวกายเปล่า ๆ ทำให้สิ้นเปลืองเงินทองอีกต่างหาก
อาการของโรคใจ หากท่านมีความรู้สึกกลุ้มใจ เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า เหงาหงอย เบื่อโลก สารพัดกลัว (กลัวแก่ กลัวจน กลัวความมืด กลัวตาย) ขาดความมั่นใจในตัวเอง ฯลฯ นั่นคือ สภาวะที่ตัวใจของท่านกำลัง “หลงทาง” อยู่ใน “ป่าดงดิบ” ของความจำ ความคิด และความรู้สึก ของท่านเอง ทำให้เป็นทุกข์ อาการเหล่านี้ใช้ยาของหมอไม่ได้ผล ต้องใช้ยาแก้ทุกข์ ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ชื่อยา ยารักษาโรคใจขนานนี้ชื่อ สติปัฏฐานสี่ หรือ วิปัสสนา หรือ พาตัวใจกลับบ้าน คือ พาตัวใจ ที่หลงทางในป่าให้กลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย ความทุกข์ใจก็จะหายไป
ตัวยาทำด้วย ลมหายใจ ความรู้สึกของร่างกาย มือของท่าน ลูกประคำ และ ความพยายามของท่าน
เมื่อยาออกฤทธิ์ ท่านจะหายฟุ้งซ่าน หายคิดมาก หายวิตกกังวล หายกลุ้มใจ หายเครียด หายซึมเศร้า หายกลัว ไม่ต้องพึ่งยากล่อมประสาท ไม่ต้องพึ่งบุหรี่และเหล้า ไม่อมทุกข์ ไม่ต้องคิดฆ่าตัวตาย ท่านจะสามารถยิ้มได้เสมอในทุกสถานการณ์ของชีวิต แม้กำลังเจอสภาวะวิกฤตก็ตามแต่ ทำให้เกิดปัญญา สามารถมองปัญหาเล็กน้อยเป็นเรื่องฝุ่นผง มองปัญหาระดับกลางเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย และมองปัญหาใหญ่ระดับคอขาดบาดตายเป็นเรื่องเล็กน้อย สามารถแปรวิกฤตให้เป็นโอกาส ได้อย่างง่ายดาย ยาวิเศษขนานนี้จะทำให้ท่านมีอริยทรัพย์ที่ไม่ได้ขึ้นลงกับเศรษฐกิจของโลก คนปล้นเอาไปไม่ได้ จะทำให้ท่านร่ำรวยยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ท่านสามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่คนใกล้ชิด ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขมากขึ้น
เข้าใจชื่อยา สติ คือ ตัวใจ
ฐาน คือ บ้าน
สติปัฏฐาน 4 คือ การเอาสติมาตรึงไว้ที่ฐานทั้ง 4 หรือ การพาตัวใจกลับบ้าน 4 หลังนั่นเอง
วิ แปลว่า รอบ ปัสสนา ผันมาจาก ทัศนา คือ การเฝ้าดูโดยรอบ
การทำวิปัสสนา คือ การฝึกดูวิว ทิวทัศน์ ในโลกของใจนั่นเอง ซึ่งมีลมหายใจ การเคลื่อนไหวของกาย ความรู้สึกของกาย
ใครคือผู้รับประทานยารักษาโรคใจ
เนื่องจากเป็นยารักษาโรคของใจ (รักษาตัวใจ) ผู้รับประทานยาจึงเป็นตัวใจ ไม่ใช่ตัวกาย
จึงต้องทำความรู้จัก “ตัวใจ” ก่อน ดังนี้
1. นั่งตัวตรง หลังตรง บนเก้าอี้สบายๆ และพักผ่อนกล้ามเนื้อตาของท่านโดยปิด “ตาเนื้อ”
2. เมื่อ “ตาเนื้อ” ปิด ท่านยังมีความรู้สึกว่า “ตัวเรา” มีอยู่
ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม นั่นแหละคือ “ตัวใจ” ของท่าน
ตัวกายมีแค่ไหน ตัวใจก็มีแค่นั้น
3. ตาเนื้ออยู่ตรงไหน “ตาใจ” ของ “ตัวใจ” ก็อยู่ตรงนั้น ฉะนั้น ทำความรู้สึกเหมือนตรงเบ้าตาของท่านมี “ตาใจ” ที่สามารถใช้มองโลกภายในใจของท่าน และเริ่มใช้ ตาใจของตัวใจ ฝึกมองภาพวิว ทิวทัศน์ที่อยู่ภายในใจของท่านได้แล้ว
วิธีรับประทานยาแก้ทุกข์ที่ทำด้วย “ลมหายใจ” ทำดังนี้คือ
1. หลับตาเนื้อ
2. หายใจเข้า-ออกลึกๆ แล้วใช้ “ตาใจ” มองไปที่ลมหายใจ
3. ทำให้ชัดเจนว่า ตาใจ เป็นผู้มอง และ ลมหายใจ เป็นสิ่งที่ถูกมอง ถูกเห็น
4. ตามีไว้ดู ตาพูดไม่ได้ ฉะนั้น ใช้ตาใจมองลมหายใจเฉยๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรในหัว
5. ทำเพียงเท่านี้ ก็เท่ากับท่านกำลังรับประทานยารักษาโรคทุกข์ใจที่ทำด้วยลมหายใจแล้ว หรือท่านได้ “พาตัวใจกลับบ้านที่ ๑” แล้ว บ้านคือ “ลมหายใจ”
6. เมื่อตัวใจของท่านกลับบ้านได้ ตัวใจก็ไม่หลงทาง จึงไม่กลุ้ม ไม่ทุกข์ ไม่กลัว ไม่กังวล
7. ลมหายใจยังเป็นทัศนียภาพในโลกของใจของท่านด้วย เท่ากับท่านได้ทำวิปัสสนา หรือ วิทัศนาแล้ว
วิธีรับประทานยาแก้ทุกข์ที่ทำด้วย “ลูกประคำ”
1. เอาลูกประคำห้อยไว้ที่นิ้วทั้ง 4 แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเคลื่อนลูกประคำทีละเม็ดเข้าหาตัว เริ่มต้นด้วยการทำช้าๆ ก่อน ควรทำอย่างปิดตาเนื้อก่อน เพื่อฝึกใช้ตาใจให้เก่ง ๆ
2. ในขณะที่กำลังเคลื่อนลูกประคำทีละเม็ดนั้น ก็ให้ ตาใจ ดูไปที่การเคลื่อนไหวและความรู้สึกที่บริเวณนิ้วหัวแม่มือ ทำให้ชัดเจนว่า ตาใจเป็น “ประธาน” หรือเป็นผู้ดู การเคลื่อนไหวและความรู้สึกที่นิ้วเป็น “กรรม” หรือ เป็นสิ่งที่ถูกดู ถูกเห็น
3. ดูเฉยๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรในหัวเลย ในหัวเงียบกริบ ไม่มีเสียง
4. ในระหว่างที่เคลื่อนลูกประคำนั้น ก็ขอให้ท่านหายใจลึกๆ เป็นครั้งคราวด้วย ตาใจสามารถเห็นลมหายใจด้วยก็ได้
5. ทำเพียงเท่านี้ ก็เท่ากับท่านกำลังรับประทานยารักษาโรคทุกข์ใจที่ทำด้วย “ลูกประคำ”แล้ว เท่ากับท่านกำลัง “พาตัวใจกลับบ้านที่ ๑-๒” แล้ว
6. บ้าน ๑ คือ การเคลื่อนไหวของนิ้ว บ้าน ๒ คือ ความรู้สึกที่นิ้วมือ
7. ทั้งการเคลื่อนไหวและความรู้สึกที่นิ้วมือ คือ ทัศนียภาพในโลกของใจ เท่ากับท่านได้ทำวิปัสสนาแล้ว ง่ายมาก
วิธีรับประทานยาแก้ทุกข์ที่ทำด้วยมือ
1. ฝึกทำตอนแรกควรหลับตาเนื้อก่อน เพื่อฝึกฝนการใช้ตาใจให้เก่ง ๆ
2. เอามือทั้ง ๒ มาลูบเข้าหากันช้า ๆ จะลูบอย่างไรก็ได้
3. ในขณะที่ลูบมือเข้าหากันนั้น ใช้ตาใจมองไปที่อาการเคลื่อนของมือ (บ้าน ๑ หรือ ภาพวิวในโลกของใจ) และความรู้สึกของมือที่ลูบกัน(บ้าน ๒ หรือ ภาพวิวในโลกของใจ)
4. ตาใจมองเฉย ๆ ไม่ต้องพูดอะไรในหัว เงียบกริบ ไม่มีเสียงในหัว ตาใจดูอย่างเดียว
5. เมื่อเบื่อการลูบมือ จะใช้วิธีการกดเล็บของแต่ละนิ้วก็ได้ เพื่อกระตุ้นให้เลือดเดินดี โดยใช้หลักการเดิม คือ ใช้ตาใจมองไปที่อาการกดเล็บ (บ้าน ๑) และความรู้สึกของเล็บ (บ้าน ๒)
6. หายใจลึก ๆ เป็นครั้งคราวในขณะลูบมือหรือกดเล็บ ทุกครั้งที่หายใจ ตาใจก็เห็น ลมหายใจ (บ้าน ๑) ด้วยก็ได้
7. ทำเพียงเท่านี้ ก็เท่ากับท่านกำลังรับประทานยาแก้ทุกข์ที่ทำด้วยมือแล้ว
8. ตราบใดที่ตัวใจมีบ้านอยู่ ตัวใจของท่านก็จะไม่หลงทางไปกับความคิดฟุ้งซ่านของท่าน ทำให้จิตใจรู้สึกโล่ง โปร่ง เบา สบาย สงบ มากขึ้น
9.ยาขนานนี้ยิ่งกินมากก็ยิ่งดี ยิ่งทำบ่อยๆ ก็เท่ากับท่านกำลังรับประทานยาแก้ทุกข์ ของพระพุทธเจ้าบ่อยๆ จะทำให้ความทุกข์ใจของท่านหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นผลดียิ่งต่อการรักษาอาการป่วยทางกายของท่าน
ต้องเชื่อฟังหมอ
การดูแล “ตัวใจ” ที่เจ็บป่วยก็เหมือนการดูแลรักษา “ตัวกาย” ที่เจ็บไข้ได้ป่วยของท่าน คือ ต้องรับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง ฉะนั้น ขอให้พยายามพาตัวใจกลับบ้าน 1-2 โดยการดูลมหายใจ เคลื่อนลูกประคำ หรือ ลูบมือ กดเล็บ เช่นนี้บ่อย ๆ ทำครั้งละ 10-15 นาที อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง ทำก่อนนอน ได้ด้วยก็ยิ่งดี
คุณสามารถรับประทานยาขนานนี้ในขณะที่กำลังรอ เช่น รอรถเมล์ รอหมอ รอพยาบาล รอรับยา รออาหาร ฯลฯ หรือในขณะคุยกัน หรือแม้ในขณะกำลังดูโทรทัศน์ หากท่านสามารถรับประทานยารักษาโรคใจได้เช่นนี้แล้ว อาการคิดมากจนทำให้กลุ้มใจ วิตกกังวล กลัว สรุปว่าความทุกข์ใจของท่านจะน้อยลง อย่างเห็นได้ชัด ลองรับประทานยาวิเศษขนานนี้ดู เพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงกับตัวท่านเองนะครับ

ด้วยความปรารถนาดี
จาก
คณะแพทย์ กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลราชบุรี 10 กุมภาพันธ์ 2552
(หากท่านรับประทานยารักษาโรคใจของพระพุทธเจ้าขนานนี้ได้ผลดี ความกลุ้มใจน้อยลงไปบ้างแล้ว และอยากให้ความทุกข์ใจหายไปมากกว่านี้อีก ท่านจำเป็นต้องเพิ่มความแรงของตัวยา และรับประทานยาให้บ่อยขึ้น จึงใคร่แนะนำให้ท่านหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อรับยาได้ที่ www.supawangreen.in.th หรือที่ชมรมพาตัวใจกลับบ้าน โทร.0866100001)
:b20: หากอยากเข้าอบรม ต้องรีบตัดสินใจ เพราะท่าน(อยู่ที่อังกฤษ)มาสอนที่เมืองไทยปีละครั้ง ปีนี้ มีภาคภาษาอังกฤษ ที่ช.ม.และสิงคโปร์ด้วยค่ะ (หากมีเพื่อนฝรั่งที่สนใจ)เข้าไปดูในเว็บนะคะ เพราะจะเปลืองเนื้อที่มากไป :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2009, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 18:57
โพสต์: 41


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอต่ออีกนิดนะคะ :b53:
ความทุกข์ใจ เกิดมาจาก ความคิด ความจำและความรู้สึก ค่ะ ดิฉันได้ไปเข้าอบรมกับอาจารย์ศุภวรรณ ซึ่งท่านสอน เรื่องสติปัฎฐานสี่ โดยแปลงคำเป็น พาตัวใจกลับบ้าน นั่นคือที่บ้าน(สี่หลังนั้น)เราจะอยู่ได้อย่างสบายคือไม่มีความคิด ความจำ ความรู้สึกมารบกวน
แต่ความคิด ความจำ ความรู้สึกนี่ คนเราก็ชอบมันอยู่นะ เพราะบางทีมันนำความสุข(จอมปลอมหรือกิเลส)มาให้ ท่านใช้ศัพท์ว่า(หนู)เจอรี่
ส่วนตัวสติ ท่านใช้ศัพท์ว่า แมวทอม
ดังนั้นที่คุณเบญจา บอกว่า ไปนวด เข้าร้านทำผม แต่งตัวหรือชอปปิ้ง นั้นก็คือ เอาหนูขาว มาอยู่บ้านแทนหนูดำ(ความทุกข์ หรือกลุ้ม เจ็บปวดใจ)
มันไม่ใช่การแก้ทุกข์ที่แท้จริงค่ะ
ดิฉัน ยังมีความรู้และประสบการณ์ทางธรรมน้อยมาก จึงอยากให้คุณๆที่อยากมีความสุขใจ(อย่างแท้จริง)ไปเข้าอบรมกับอาจารย์ค่ะ เพียงสองวัน แล้วคุณจะแจ่มแจ้ง ว่าดิฉันพยายามจะ บอกคุณเรื่อง แก้ทุกข์ใจ
อย่างไร :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2009, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 17:12
โพสต์: 246

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณทุกข์ใจคะ ดิฉันเห็นใจคุณจริง ๆ คะ เพราะว่าชะตาชีวิตของเราก็ไม่ต่างกันเลย
คนเราทุกคนย่อมมีกรรมเป็นของตนเองคะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 09:21
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีจ๊ะน้องจ๋า น้องเข้ามาเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆในลานธรรม แต่น้องไม่เล่ารายละเอียดของน้องให้เพื่อนๆได้ส่งกำลังใจให้น้องบ้างเลย เล่าสู่กันฟังบ้างซิจ๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 09:21
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อสักครู่ใหญ่ๆ ปีนขึ้นดาษฟ้าตึกที่ทำงานแถวแจ้งวัฒนะ ไม่ได้จะคิดสั้นหรอก ขึ้นไปดูการซ้อมฝูงบินผาดแผลง F-16 แหมมันน่าดูเลย เสียงเฟี้ยวๆผ่านศีรษะไป รู้สึกฮึกเหิมในใจอย่างบอกไม่ถูก ลืมเรื่องทุกข์เรื่องเศร้าไปเลย อยากจะเป็นคนขึ้นไปนั่งขับเองเลย อยากจะให้เป็นเวลาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ถึงเวลาเราก็ต้องกลับบ้าน กลับไปเผชิญกับความเป็นจริงที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราสงสัยจังว่าทำไมพวกที่นอกใจเมียเขาถึงมองและคิดว่าพวกเราทำผิดไม่ดีตรงนั้นผิดตรงนี้ แต่ความไม่ดี ความบกพร่องของตัวเขา เขาไม่มองเลย ทั้งหูตา ทั้งสมองของพวกเขามืดบอดกันไปหมดแล้วหรือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 11:51
โพสต์: 505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะคุณทุกข์ใจ เราเองก็มีความเห็นตรงกับคุณ สามีเราเองก็ชอบพูดบ่อย ๆ ว่าแต่เราไม่ดี
เขาดีทุกอย่าง พอเราบอกว่าเราไม่ดีตรงไหนพูดมาเลย กลับพูดไม่ออก
เขาทำผิดทุกอย่างแต่กลับคิดว่าตัวเองทำถูก พอเราพูดขึ้นมาก็ทำเป็นโมโหจะออกจากบ้าน
ถามว่าผู้ชายประเภทนี้เรายังจะต้องง้องอนอยู่อีกหรอ นี่ก็พึ่งทะเลาะกันมาก็เลยเข้ามาในลานนี้
เพื่อระงับอารมณ์ ตัวเราเองรู้ว่าเราเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

ที่เล่าให้ฟังนี้ก็เพื่อให้คุณรู้ว่ายังมีคนอื่นที่ทุกข์ทรมานอยู่ไม่ใช่มีคุณคนเดียว
คุณจะได้มีพลังในการต่อสู้ ขอเอาใจช่วยให้เรื่องที่ไม่พึงปรารถนานี้
ผ่านพ้นไปโดยเร็วก็แล้วกัน ขอให้โชคดีนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราคงคิดว่าความรักมันเป็นอมตะตลอดกาล แล้วเราก็วาดฝันไว้สวยงาม จนหลงลืมความจริง ความจริงแท้ที่มันเป็นตามธรรมชาติ คือความเสื่อม เสื่อมในทุกข์ๆเรื่อง ปัญหานี้เป็นปัญหาเส้นผมบังภูเขา ถ้าใครผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจ สุดยอด บนเส้นทางมักจะมีทางแบ่งออกเป็นสองเส้นเสมอ จงใช้ให้เป็นโอกาสในการปฏิบัติธรรมเถอะครับถึงจะคุ้มค่ากับปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าไปใส่ใจยิ่งทุกข์ไม่รู้จบ ถ้าเอามาเป็นห้อข้อในการปฏิบัติธรรมแล้ว สุดยอดเลยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 03:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 04:04
โพสต์: 356

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ คุณทุกข์ใจ ที่สามีมองไม่เห็นความไม่ดีของตัวเอง เพราะเค้าไม่เคยส่องกระจกมองตัวเองไงค่ะแต่อีกไม่นานหรอก ตัวบาป ตัวกรรม มันจะหยิบกระจกยื่นให้เค้าเองค่ะ ไม่นานหรอกเดี๋ยวนี้กรรมมันติดจรวดเห็นกันในชาตินี้ล่ะ...ส่วนนังบ้านเล็ก นั่นก็เหมือนกันให้เค้าเสวยสุขไปก่อนชาติที่แล้วคงทำบุญไว้เยอะพอควร เดี๋ยวหมดบุญมันก็จะรู้ว่านรกมีจริง......อยากเขียนเรื่องให้ คุณทุกข์ใจอ่านเรื่องนึง ญาติทางแม่ของดิฉันก็เป็นเมียน้อย(ญาติ ๆ ไม่มีใครสนับสนุนเลย)เค้าได้ทุกอย่างจากสามี บ้าน รถ มีลูกสาว 1 คน ตอนนี้อายุ 16 ปี ช่วงเมื่อเกือบ 17 ปีก่อนชีวิตของญาติคนนี้เหมือนจะสุขสบาย จะไปไหนก็มีสามีไปรับไปส่ง(ช่วงหลงค่ะ) ไม่ต้องทำงานนอกบ้านหรือในบ้าน(ครบสูตรของเมียน้อย) แต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว สามีของญาติดิฉันปลดเกษียณ(ทำงานรัฐวิสาหกิจ)ได้เงินมาก้อนหนึ่งก็เยอะนะค่ะ ทั้ง 3 คน ก็ใช้เงินตรงนี้อย่างไม่รู้คุณค่าของมันว่ามันจะหมดได้ และสามีก็ไม่เคยนำเงินตรงนี้ไปให้เมียหลวงและลูก ๆ เลย ปล่อยให้เมียหลวงเลี้ยงลูก ๆ ตามลำพัง .....เมื่อบุญเริ่มหมด เงินก็เริ่มหมด หลังจากนั้น 2 ปี( 5 ปี ที่แล้ว)สามีของญาติก็เริ่มป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดัน และไร้สมรรถภาพทาง...ทะเลาะกันบ่อยขึ้นด้วยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เพราะต้องใช้เงินรักษาสามี ก็เที่ยวโทรหาญาติยืมเงินเพราะไม่มีใครทำงาน ลูกก็โต ญาติ ๆ โดนยืมเงินทุกคนไม่เว้นแม้แต่หลาน ๆอย่างดิฉันก็โดนและไม่มีใครได้คืนเลย....กรรมเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ลูกสาวของญาติ(ขอนินทาญาติตัวเองเพื่อให้รู้ว่าการผิดลูกผิดเมียเขามันเป็นอย่างไร)เป็นเด็กใจแตกค่ะ พอจบ ม.3 ไปเรียนต่อที่ไหนก็ถูกไล่ออก เพราะทำผิดระเบียบ ร.ร. สอบก็ติด F ทุกวิชา น้องเค้าเข้าเรียน ร.ร.พาณิชย์มา 3 แห่ง ในช่วง 2 ปี วันๆ ก็แชทกับเพื่อน ไปนอนบ้านเพื่อน ไปซอยผมทรงบ้าอะไรก็ไม่รู้น่าเกลียด แล้วก็ไปต่อผมซ้ำอีก ใส่กางเกงก็สั้นกุด เสื้อตัวเล็ก ๆ เขียนใต้ตาเป็นเส้นดำ ๆ หนา ๆ ดูแล้วน่ากลัวมากกว่าสวย ใส่เหล็กดัดตามแฟชั่นราคาถูก ๆ (ไม่กลัวตาย) ล่าสุดใส่คอนเทคเลนส์สี ที่ไม่มีคุณภาพคู่ละไม่กี่ร้อยเอง ญาติคนนี้โทรมาหาแม่ของดิฉันบ่อยค่ะ ร้องไห้ กลุ้มใจ เรื่องลูก จะดุด่า มันก็เถียง จะตีมันก็สู้ ไม่ให้เงินมัน ๆ ก็จะหนีออกจากบ้าน ทุกข์ที่สุดของคนเป็นแม่แล้ว ส่วนสามีของญาติทุกวันนี้ต้องไปขอเงินกับลูกเมียหลวง ซึ่งก็ให้เงินใช้เดือนละ 3,000 บาท ยังไม่พอค่ารักษาตัวเลยค่ะ....ชีวิตของบ้านนี้ยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ ยังคงต้องรับใช้กรรมต่อไปอีก ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงกว่านี้ หรือจะเบาบางลง.......คุณทุกข์ใจ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างค่ะ เชื่อดิฉันเถอะค่ะอย่าไปสนใจสามีเลย เค้าจะเห็นเราดีหรือไม่ดี ก็ชั่งเค้า ตอนคนกำลังหลง มันไม่มองเห็นคุณค่าเราหรอก เราต้องรอค่ะ รออย่างใจเย็น แล้วทุกอย่างมันจะเดินเข้าสู่เวรกรรมของตนที่ตนเองทำเอง.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 15:01
โพสต์: 408

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนต้นสู้ทนทุกข์ จะได้สุขเมื่อตอนปลาย
ตอนต้นชอบสบาย จะได้ร้านเมื่อปลายมือ


ดิฉันเชื่ออย่างนี้จริงๆ นะค่ะ

เจริญในธรรมค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 904 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร