วันเวลาปัจจุบัน 20 พ.ค. 2025, 22:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 10:27
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อนางสาวตฤณ นามสกุล นาคทุ่งเตา
อายุ 37 ปี
การศึกษา ปริญญาตรี คหกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาออกแบบผ้าและเครื่องแต่งกาย
สถาบัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
ที่อยู่ 79/130 หมู่บ้านศุภาลัยวิลล์ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
ความสามารถพิเศษ สร้างแบบตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี สามารถช่วยงานก่อสร้างได้ทุกชนิด
รู้จักบ้านสวนพีระมิดได้อย่างไร อ่านเจอเว็บบ้านสวนพีระมิดจากเว็บพลังจิตเขาเขียนไว้ประมาณว่าบ้านสวนพีระมิดรักษาโรคได้ทุกโรคตอนนั้นก็ยังเฉยๆ จนได้ไปอ่านเจอในเว็บกลุ่มเตือนภัยเขากะลาอีกครั้งหนึ่งจึงลองมาเปิดดูในเว็บบ้านสวนพีระมิดเห็นมีการสร้างบุญสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมโดยใช้แรงกายจึงสนใจและศรัทธา
ชีวิตก่อนมาบ้านสวน
ดิฉัน ตฤณ นาคทุ่งเตา ได้ไปเข้าค่ายบ้านสวนพีระมิดรุ่นที่ 7(ค่ายถวายพระพร 3-5 ธ.ค . 53)
ดิฉัน ได้เจอเว็บบ้านสวนพีระมิด ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2553 ก็ได้เข้ามาไปดูรายการคุยไปแจกไป แต่ดูไม่เคยครบสักตอน ก็มีศรัทธาอยากไปทำงานช่วยสร้างสถานปฏิบัติธรรมมากตอนนั้นยังไม่ได้คิด เรื่องบำบัด ยังไม่ทราบว่าตัวเองเป็นสารพัดโรค แต่ตอนนั้นทุกข์และมีปํญหาในชีวิตทุกด้าน ร้องไห้เกือบทุกวัน คิดมากเครียดมากพยายามหาทางออกให้ตัวเองก็ยังหาไม่เจอ ได้แต่พยายามไปวัดทำบุญเพื่อที่จะสบายใจแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น อ่านศึกษาธรรมะมากขึ้น จึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมาผิดเกือบทั้งหมด บางสิ่งก็รู้ว่าบาปก็ยัง แต่บางอย่างเราก็ไม่รู้จริง แต่มันถอยกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เริ่มจะชีวิตตอนวัยเด็กที่บ้านพ่อแม่จะทำอาชีพเกษตร การฆ่าสัตว์เป็นอาหารสำหรับคนในครอบครัวและเครือญาติที่ใกล้ชิดพวกเขาจะคิด ว่าเป็นเรื่องปกติ ตอนเด็กๆจะฆ่าสัตว์เยอะมาก และเป็นคนที่นิสัยอะไรที่เขาว่าไม่ดีเลวอยู่ในตัว ตฤณ หมด คือ เป็นคนโมโหร้าย ฆ่าคนได้โดยที่ไม่คิดว่าบาป อาฆาตแค้นพยาบาท จองเวร เจ้าคิดเจ้าแค้น อิจฉาริษยา ขี้โกรธ ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจตัวเอง ใจร้อน ไม่ยอมรับฟังความคิดเห้นคนอื่นเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ มองคนอื่นในแง่ร้าย มักนินทาว่าร้าย ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ขี้ขโมย ตอนเด็กๆจะขโมยเงินพ่อแม่บ่อย คิดและพูดจาดูถูกผู้อื่นทั้งๆที่ตัวเองไม่มีอะไรดีเลย หยิ่ง จองหอง เป็นคนเห็นแก่ตัวมาก ด่าเก่งมาก เป็นคนเจ้าชู้มักมากในกาม ผิดลูกผิดผัวเขา แย่งสามีคนอื่น
ตอนมีแฟนคนแรกก็แอบลักลอบมีอะไรกันทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบจนพลาดท้องแฟนบอก ให้เอาออกตัวเองก็ไปเอาออกตอนนั้นด้วยความที่เป็นคนบาปหนาไม่คิดด้วยซ้ำว่า บาปคิดว่าแค่ก้อนเลือดก้อนหนึ่ง เริ่มมาสำนึกว่าบาปก็ตอนที่ตัวเองลำบาก เริ่มตั้งแต่เรียนจบหางานทำยากมา และงานที่ทำก็เป็นงานที่
ลำบากมาก แต่ก็ทนทำเรื่อยมาก ตอนที่ทำงานบริษัทต่างๆก็จะขโมยเงินบ้าง สิ่งของของลูกค้าบ้าง โกงเงินบริษัทบ้าง โกงเวลาบริษัทไม่เคยซื่อตรงในการทำงานเลยสักที่เดียว
และเรื่องที่ตัวเองคิดว่าทำบาปไว้มากๆ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ หลังจะแฟนคนแรกทิ้งไป ดิฉันเองก็มีใหม่ ซึ่งผู้ชายคนนั้นมีเมียอยู่แล้วแต่ด้วยที่เป็นคนบาปก็อยากได้ของเขา ก็พยายามทุกวิธีที่จะเอาเขามาครอบครอง ชีวิตตอนนี้ทุกข์มากๆ แต่ก็ยังไม่สำนึกที่จะหยุด ทำทุกอย่างจนเขาเลิกกัน แต่ผลสุดท้ายผู้ชายคนนี้ก็ไปมีผู้หญิงคนใหม่ ดิฉันซึ่งเป็นคนมาก่อนสำหรับคนมาใหม่ แต่ได้รับฐานะและการแสดงออกว่าเป็นเมียน้อยเขาตลอด พยายามตัดใจจะผู้ชายคนนี้ยังไงก็ทำไม่ได้ คิดมากเครียด เริ่มเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบรุนแรงขนาดที่ว่าฉี่เป็นเลือด แต่ไม่ได้ไปรักษาเพราะไม่มีเงิน ช่วงนั้นจะตกงานบ่อยมา หรืองานที่ทำก็จะได้เงินเดือนน้อยมาก แทบจะไม่พอกิน ผู้ชายคนที่เรารักเขามากคนนี้อยู่ด้วยกันก็ทะเลาะกันบ่อย โดนเขาตีบ่อยมาก จนเริ่มทนไม่ไหว เริ่มคิดจะหาคนใหม่ คุยจีบกับผู้ชายมากมาย โดยไม่ได้เลิกกับคนนี้ให้เด็ดขาด และผู้ชายคนแรกก็กลับมาก็ยังโทรคุยกัน 7 ปีที่อยู่กับผู้ชายคนที่สอง จนไม่ไหวเพราะตอนนั้นไปเปิดร้านขายของ แล้วต้องทำเองทุกอย่างร่างกายตัวเองก็ไม่ไหว เริ่มสำนึกอยากกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดแต่ด้วยความที่เป็นคนบาปหนาเลว มากๆ คิดว่าคนไม่มีใครเลวบาปได้เท่าผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อ ตฤณ ได้อีกแล้ว ก็ไม่สามารถกลับไปได้เพราะกลัวพ่อแม่ท่านจะรับดิฉันไม่ได้ เพราะแค่ท่านทั้งสองรู้เรื่องแค่บางส่วนของดิฉันท่านก็ร้องไห้ ทุกข์เสียใจ จนเข้าโรงพยาบาล จึงได้ฝืนทนอยู่กรุงเทพต่อไป
ต้นปี 52 ที่ผ่านมาก็ได้รู้จักผู้ชายคนใหม่ เพียงไม่กี่วันก็มีอะไรกับเขา และได้แต่งงานกับเขา โดยที่ไม่ได้รักเขา แค่รู้สึกดี คิดว่าผู้ชายคนนี้ดี คงเลี้ยงตัวดิฉันได้ จึงได้เซ้งร้านเพราะตอนนั้นขายไม่ค่อยได้และสามีคนที่สองก็มาก่อกวนไม่ยอมเลิกแต่ไม่ได้คิดจริงจังกับเรา จึงตัดปัญหาย้ายหนี ขนของมาอยู่บ้านแฟนคนปัจจุบัน แต่ก็โดนแม่สามีไล่ ท่านไม่ชอบเรา แต่ยังไม่ได้ย้ายออกมาเพราะ ดิฉันยังไม่มีงานทำ ก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปรับออกแบบเสื้อมาทำหรือไม่ก็เย็บผ้าโหลที่บ้าน แต่ตอนนั้นแม่สามีท่านบอกว่าดิฉันจะอยู่ในบ้านได้เฉพาะตอนที่แฟนอยู่ด้วยถ้า สามีไม่อยู่ห้ามอยู่ ตอนนั้นก็ต้องออกนอกบ้านทุกวันพร้อมสามีและคอยสามีกลับจึงจะเข้าบ้านพร้อมกัน ชีวิตตอนนั้นลำบากมาก เดินตากแดดไปหาทำเลร้าน เกือบทุกทีที่คิดว่าดีที่ว่างให้เช่า แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่ได้ จนอยู่บ้านแม่แฟนไม่ได้ ต้องย้ายออกมา ช่วงที่ย้ายออกมาอยู่ด้วยกันเองก็สบายที่ไม่ต้องทำงาน แต่เครียดมากๆ เพราะแฟนเป็นคนขี้หึงมาก ใจร้อนมาก ทะเลาะกันเกือบทุกวัน แต่ก็พยายามใจเย็นเพราะพิจารณาแล้วมันเป็นนิสัยที่เราเองเคยเป็นมาแล้วทั้ง นั้น ได้แต่คิดว่ามันคงเป็นเวรกรรมของเราเอง บ่อยครั้งคิดจะเลิกก็เลิกไม่ได้เพราะพ่อแม่ฝ่ายดิฉันรับรู้แล้วและได้แต่ง งานกันแล้ว ตอนแต่งงานก็โกหกพ่อแม่อีกโดยให้แม่เพื่อนสนิทไปแสดงตัวแทนแม่ผู้ชาย เงินที่จัดงานก็เงินตัวดิฉันที่ได้มาจากเซ้งร้าน ชีวิตตัวเองทำบาปซ้ำแล้ว ซ้ำอีก รู้ว่าบาปรู้ว่าผิดก็ยังทำ ชีวิตจึงได้ทุกข์ จนไม่มีทางออก ลำบากสุดๆ เครียดเรื่องหนี้สินตอนที่กู้มาเปิดร้าน ต้องจ่ายหนี้ทุกเดือนแต่ไม่มีรายได้ ต้องเอาเก็บที่ได้จากไปเก็บผลไม้ที่สวนพ่อแม่ที่บ้านนอกมาใช้หนี้เอาเงินแสนใช้หนี้เงินหลักหมื่นก็ไม่สามารถใช้ได้หมดสักทีแถมยังมีหนี้สินเพิ่ม ต้องเอาสร้อยไปจำนำอีก
จนวันหนึ่งได้มีโอกาสได้ไปหา อ.สุวิ ที่ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพราะร่างกายตอนนั้นเจ็บปวด จนบางวันลุกแทบไม่ได้ ซึ่ง อ.สุวิท่านจะรักษาโรคโดยสมุนไพร และอภิญญา ตอนแรกไม่คิดจะตรวจ จะให้เพื่อนที่ไปตรวจ กลัวเพื่อนรุ้ว่าเราเคยทำแท้ง สองจิตสองใจลังเลอยู่แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตรวจ อาการที่อ.สุวิท่านบอกมาอาการที่ดิฉันเป็นได้ถูกหมด อ.สุวิท่านบอกว่า ดิฉันเป็น ซีสต์มดลูก ซีสต์รังไข่ กรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ ตับอักเสบ ไตอักเสบ และอ.สุวิท่านบอกว่ารู้ใช้มั้ยว่า ตัวเองทำอะไรมา ตอนนี้เขาไม่ยอมนะ ให้ไปกินยาพวกนี้ก่อนนะ ตอนที่กินอาการจะเปลี่ยนไปเรื่อยนะ จะเจ็บมากนะ ทนไหวมั้ย ดิฉันก็บอกว่าไหวค่ะ อ.สุวิท่านก็เลยบอกว่าแล้วค่อยกลับมาเจรจากับเขาอีกครั้งนึงตอนนี้ให้ตั้ง กองบุญให้เขาก่อน หลังจะกลับจะบ้านอาจารย์สุวิ ก็บอกแฟน บอกแม่ก็ไม่มีใครเชื่อ พวกเขาคิดว่าดิฉันงมงาย เห็นดิฉันสบายดีแต่ ตัวดิฉันเจ็บอยู่ทุกวัน แฟนบอกให้ไปตรวจโรงพยาบาลอีกครั้งดิฉันก็ไม่ไปเหตุุผลเพราะไม่มีเงินและเคยไป เช็คเมื่อไม่นานมานี่ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าปกติ ตรวจไม่เจอ จึงตัดสินใจกินยาอาจารย์สุวิแต่เจ็บทนไม่ไหว ปวดทั้งตัว นั่งก็ปวด นอนก็ปวด เริ่มมาดูรายการคุยไปแจกไปอย่างจริงจัง เริ่มมีความหวัง ตอนนั้นอยากมาสารภาพบาปมากเพราะคิดว่ามันทุุกข์จนทนไม่ไหวแล้วถ้าไม่ได้มา สารภาพสิ่งที่ดิฉันทำไว้ก็จะอยู่กับ ดิฉันจนวันตาย เพราะคิดว่าโรคที่รักษาอาจจะไม่หายก็ได้เพราะตัวเองทำไว้เยอะมากการที่เจ้ากรรมนายเวรจะให้อภัย คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฆ่าเขาทำร้ายเขาแล้วจะแค่ยกมือไหว้ขอโทษเขามันคงไม่ได้รับการให้อภัยแน่ๆ พอดีเห็นเขาประกาศรับสมัครเข้าค่ายถวายพระพรและได้สมัครมาเข้าค่าย เพราะคิดว่าชีวิตเรายังไม่เคยทำอะไรให้ในหลวงท่าน ไหนก็จะตายแล้วขอไปแล้วกัน จึงขออนุญาตแฟนๆก็ห้ามแต่ไม่สนใจ สมัครจนได้ พอใกล้วันที่จะมาเริ่มลังเล ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวอ.อุบลมากและยังดูรายการไม่ครบทั้ง 3ตอนสักครั้งก็พยายามดู แต่ก็มีอุปสรรคตลอด เน็ตหลุดบ้าง แฟนขัดบ้าง แต่ผลสุดท้ายก็ดูจนครบตอนสุดท้ายวันที่จะมาพอดี ก่อนวันมาสองสามวันเริ่มเก็บของ เตรียมเสื้อกันหนาวมาหลายตัวมาเพราะเป็นคนขี้หนาวมากๆ พอแฟนเห็นเก็บกระเป๋าก็บอกไม่ให้มา ทะเลาะกันแรงมาก และได้บอกแฟนประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาเงียบ ดิฉันบอกเขาไปว่า" ตัวดิฉันเจ็บไม่ได้ไม่มีใครเจ็บกับดิฉัน นอนร้องไห้บอกว่าเจ็บก็เฉยไม่ค่อยสนใจ มันทำให้ดิฉันคิดได้ว่าถ้าดิฉันตายไปก็ไม่มีอะไรช่วยดิฉันได้นอกจากบุญเท่า นั้น ดิฉันอยากไปสารภาพบาปเพราะทำไว้เยอะมาก " วันที่มาให้แฟนมาส่งเขาก็ไม่มาจึง ตัดสินมาเอง กลัวอาจารย์อุบลก็กลัว แต่คิดว่าถ้ากลัวก็ไม่ได้มา ไม่ได้สารภาพบาป ไม่ได้ทำบุญ ระหว่างทางที่มาก็เจอแต่คนใจดี จนมาถึงบ้านสวนพีระมิดจนได้ วันที่3 ธ.ค. ไปถึงบ้านสวนพีระมิด ประมาณ 17.00 น.
(เพราะพยายามดูรายการดูรายการให้ครบ 3 ตอนตามกติกาของบ้านสวนพีระมิดมีอุปสรรคมากมายที่ทำให้ไม่สามารถดูรายการได้อย่างสะดวก)
มาคืนแรกก็เกิดเหตุการณ์ปฏิหาริย์กับตัวเอง ก็คือ ตอนที่อ.อุบลท่าน นำจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ได้ยินเสียงคนเดินรอบตัว เต็มไปหมด เสียงนั้นดังมาก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ตอน นั้นรู้สึกมึนหัว ตามองไม่เห็นแน่นหน้าอก คิดว่าตัวเองจะเป็นลม ตอนนั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยรู้สึกเหมือน จะล้มก็ไม่ล้ม เซไปเซมา
และได้ยินเสียงคนบอกว่า ไม่ยอมนั่งเงอะ ตอนนั้นก็อยากนั่งนะ แต่ไม่เข้าใจตัวเอง จนรู้สึกว่ามีมือมากดที่บ่าให้นั่งจึงนั่งลง
มึนหัว มองอะไรไม่ค่อยเห็นเลย แน่นหน้าอก เหงื่อออก เต็มแผ่นหลังจนรู้สึกร้อน
อ.อุบล : หนูเคยปรามาสลบลู่พระเจ้าอยู่หัวรึป่าว
ตฤณ : ค่ะ เมื่อก่อนมักมีคนมาพูดเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้หนูฟัง หนูก็ฟังและคิดตาม
ตอนนั้นคิดแค่นั้น มึนหัว ตายังมองไม่ค่อยเห็น อ.อุบล ท่านนำถวายพระพรและขอขมา ขออโหสิกรรมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็รู้สึกดีขึ้น แต่ยังไม่หายมึน อ.อุบลท่านบอกให้ลองลุกขึ้นยืนดู ก็ปรากฏว่าสามารถลุกขึ้นยืนได้ แตยังมึนหัวอยู่ จึงได้ยกมือไหว้ ขอขมาในใจอีกครั้งโดยบอกว่าหนูจะพูดออ
กทีวีให้คนอื่นได้รับรู้ หัวโล่งหายมึน อ.อุบล ท่านให้ออกไปยืนข้างหน้า แนะนำชื่อ แก่ทุกคน
ชื่อตฤณ นาคทุ่งเตา มาจากจังหวัดนนทบุรี เหตุการณ์ ที่ไปได้ลบลู่พระองค์ท่านก็เพราะ เมื่อก่อนจะมีคน มาพูด มาเล่าเรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงค์ ให้ฟัง ต่างๆ นาๆ หนูก็คิดตาม นึกว่าจริง เพราคนที่พูดบางคนบอกว่าทำงานในวัง ติดตาม เสด็จก็มี สามีทำงานติดตามเสด็จก็มี บางคนไปดูในเน็ตก็มาเล่าให้ฟัง ซึ่งตัวเองไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จ ก็นำไปเล่าต่อ พูดต่อ ใส่สีตีไข่ พึ่งมาทราบตอนอ่านหนังสือแม่ชีทศพร ท่านเมื่อไม่นานนี้เองว่าสิ่งที่เราทำมามันผิด แต่ไม่เคยคิดขอขมา และไม่เคยขอขมา คิดว่าเราหลุดพูดก็จบ
ตอน นั้นรู้สึกว่าทำไมเราเลวจัง คนอื่นเขา ที่ยกมือว่าเคยปรามาส เช่นกัน ก็หลายคน แต่มีเราคนเดียวที่ โดนลงโทษ คงเป็นเพราะเรา ทำมากกว่าเพื่อนแน่นอน วันนั้นจึงทำให้ทราบว่ากรรมที่ทำให้ดิฉันไม่ประสบควาสำเร็จทุกด้านทั้งการงานคือตกงาน มีหนี้สิน ปัญหาครอบครัว ไม่มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอนต้องย้ายที่อยู่บ่อยมาก มีปัญหาสุขภาพเป็นสารพัดโรค เพราะกรรมที่ปรามาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์
ประสบการณ์เกี่ยวกับบ้านสวนหรือปฏิหาริย์อาจารย์อุบลช่วยด้วย เป็นคนที่มักจะขี้ลืมหาอะไรไม่ค่อยเจอก็จะนึกในใจว่าอาจารย์อุบลช่วยด้วยก็จะทำให้หาของเจอทุกครั้ง ,เหตุการณ์ฝนตกที่บ้านแรงมากดิฉันก็กลัวน้ำท่วมจึงนอนภาวนาอาจารย์อุบลช่วยด้วยเจ้าค่ะอย่าให้ฝนตกเลยเจ้าค่ะหรือตกเบาหน่อยก็ได้ เพียงไม่กี่นาทีฝนก็หยุดตก
ลูกตฤณ นาคทุ่งเตาขอกราบขอบพระคุณพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เสด็จท่านท้าวเวสสุวรรณ อ.อุบล และครอบครัวที่เมตตาลูกช่วยลูกให้หายทุกโรคและสามารถใช้หนี้สินได้หมดและให้โอกาสลูกได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เดินทางที่ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง


แก้ไขล่าสุดโดย voravee เมื่อ 10 ต.ค. 2011, 17:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 17:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 10:27
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทางเดียวที่จะยุติ
ปัญหาน้ำท่วมเดี๋ยวนี้ทันที

คือ คนที่เคยปรามาสพระเจ้าอยู่หัว
ต้องสำนึก กลับใจ ขอขมา
มิฉะนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไร
ก็ไม่มีทางรอดค่ะ
เพราะนี่คือการสั่งสอน จากพระแม่คงคาค่ะ
อ.อุบลได้รับการสื่อมาเช่นนี้ เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้
แต่ถ้าเชื่อ แล้วทำตาม น้ำจะลดลงทันที ทันตา
พระแม่คงคาจึงจะอภัย แต่ถ้ามีคนไม่เชื่อ มีคนปรามาส
ชาติไทยต้องยอมรับชะตากรรม แต่คนที่มีศีลธรรมจะรอด จะปลอดภัย ให้เห็น
เป็นอัศจรรย์ จงคอยดู
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) วันที่ตอบ 2011-09-30 00:56:09


โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 10:27
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์เบื้องบนทุกพระองค์
เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ
ต้องการเร่งเร้าให้เผยแพร่
รหัส
อ.อุบล ช่วยด้วย
ให้เร็วที่สุดโดยทุกคนต้องบอกต่ออย่างน้อยวันละ 9คน มิฉะนั้นไม่ทันกาลใกล้ถึงกาลอวสานแล้ว เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.54 ทรงเมตตาให้เห็นตัวอย่างจากผู้ใช้รหัสอ.อุบล ช่วยด้วย ที่เดินทางมาบ้านสวนพีระมิด ทั้งที่เป็นชาวพุทธ และ อิสลาม ให้เห็นเปรียบเทียบกันว่าอิสลามใช้ได้ผลอย่างอัศจรรย์แต่ชาวพุทธ
ที่เคยใช้ได้ผลต่อมาวันหนึ่งไม่ได้ผลเพราะสาเหตุอันใด โอ้ อนิจจา พระพุทธองค์เจ้าขาลูกกราบพระบาทในพระมหากรุณาธิคุณที่เมตตาลูกหลานบ้านสวนพีระมิด ต้องฝึกดวงจิตให้บริสุทธิ์ มีความแน่วแน่ มั่นคง ไม่หลงทางจึงจะใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย ได้ผลอย่างฉับพลันทันที เป็นที่อัศจรรย์ และใช้ได้ในทุกสถานการณ์ทุกสถานที่ ที่คับขันเดือดร้อน แต่ห้ามใช้ในทางผิดศีลธรรม หลายคนคงใช้กันมาแล้ว

เมื่อคืนอ.อุบลถามว่าใครเคยใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย กันมาแล้วบ้าง ยกมือทุกคน ได้ผลไหมได้ผล แน่นอนมีใครเคยใช้ไม่ได้ผลไหม มีค่ะ ใคร(เชิญออกมา)ก่อนจะเชิญคนที่ใช้ไม่ได้ผลอออกมา

ขอเชิญน้องนักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตออกมาก่อน น้องเบสเป็นนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ปี 2 (เอกภาษาอังกฤษ)เป็นอิสลามเล่าว่า วันหนึ่งนอนอยู่ โดนผีอำจนตื่นขึ้นมากลางดึก แต่ขยับตัวไม่ได้พูดไม่มีเสียง รู้สึกได้ว่าผีนอนไกล้ หายใจรด(ต้น)คอและ ดึงมือน้องเบสไปจับไว้ผีตัวดำใหญ่มากน้องเบสจึงพยายามดิ้น ยังไงก็ไม่หลุด จึงภาวนาว่าพุทโธ พุทโธ พุทโธแต่ผีก็ไม่ไป จึงตัดสินใจเรียกในใจว่าอ.อุบล ช่วยด้วยเท่านั้นแหละ รู้สึกได้ทันทีว่า ผี
เหมือนถูกถีบกระเด็นไปทันที และ ไปไกลมาก

ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-25 20:45:19


http://www.baansuanpyramid.com


โพสต์ เมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


การกระทำทุกอย่างของเรา มีผลทุกเรื่อง
ไม่ว่าดีหรือชั่ว ทำอะไรไว้ เราต้องได้รับผลนั้น
ไม่มีใครที่ไหนที่จะช่วยเราได้ นอกจากตัวเอง

ถ้าเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์..ช่วยได้แค่โน้มน้าวจิตใจ
ให้ฝักใฝ่ในความดี มั่นคงและยึดมั่นในความดี
พูดดี คิดดี ทำดี ชีวิตเราย่อมดี

แต่ถ้าเราทำไม่ดี....แล้วอ้อนวอน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ไม่สามารถ
ช่วยดลบันดาลให้ชีวิตเราดีขึ้นได้

เมตตาตัวเองให้มากๆ

เจริญในธรรม :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร