ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=50128 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 20 พ.ค. 2015, 06:22 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) | ||
![]() ซึ่งคุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ ได้รวบรวมเรื่องราวไว้ นับตั้งแต่ครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี เพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า ก่อนตรัสรู้ ตลอดจนปรินิพพานไว้อย่างละเอียด คือ ประสูติ เรื่องที่เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติที่ลุมพินีวัน ตรัสรู้ เรื่องที่เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าที่แคว้นมคธ ปฐมเทศนา เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมกัณฑ์แรก ที่กรุงพาราณสี ปรินิพพาน เรื่องพระพุทธเจ้าปรินิพพานที่กรุงกุสินารา ![]() ![]() ทั้งพยายามใช้ถ้อยคำที่ชัดเจนโดยมิต้องมีคำแปล อาศัยภาพวาดเป็นสื่อ ที่จะช่วยอธิบาย ให้กระจ่างแจ่มแจ้ง ไว้ในแต่ละขั้นตอนตามลำดับไม่สับสน จะค่อยๆ คัดลอกไปเรื่อยๆ สำหรับผู้ที่สนใจคอยติดตามอ่านนะครับ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 20 พ.ค. 2015, 07:23 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() พระโพธิสัตว์ครั้งเสวยชาติเป็นพระสุเมธดาบส ![]() บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่า สุเมธดาบส อยู่ในนครอมรวดี เจริญวัยแล้วเรียนศิลป วิทยาคมจนจบไตรเพท คือคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ ![]() ทรัพย์สมบัติทั้งหมดมาให้ พร้อมทั้งเปิดคลังที่เต็มด้วยทอง เงิน แก้ว มณี และมุกดา แจ้งทรัพย์สินตั้งแต่ ๓ ชั่วตระกูล ชี้แจงทรัพย์จำนวนเท่านี้เป็นของบิดามารดา ปู่ ย่า ตา บาย และทวด แล้วกล่าวว่า สุเมธบัณฑิตจงปกครองทรัพย์สินเหล่านี้เถิด ![]() มีบิดามารดาเป็นต้น สะสมบัติเหล่านี้ไว้มากมาย เมื่อสิ้นชีวิตลงแต่ละท่านก็มิได้เอาทรัพย์ไป แม้สักอย่างเดียว ควรที่เราจะบริจาคทานซึ่งเป็นผลบุญ ที่จักติดตามเราไปในภพหน้า ![]() เพื่อบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดเป็นทานแก่มหาชน แล้วออกบวชเป็นดาบสบำเพ็ญพรตอยู่ ณ บรรณศาลาที่ภูเขาซื่อ ธรรมิก ใกล้ป่าหิมพานต์เมื่อครบ ๗ วันก็บรรลุอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ คำว่า พระโพธิสัตว์ คือท่านที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระสุเมธดาบส
ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่มที่ ๙ ภาค ๒ หน้า ๑๖๒-๒๒๘
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 20 พ.ค. 2015, 09:07 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ | ||
ในสมัยพระทีปังกรพระพุทธเจ้า ![]() ตรัสรู้รู้แล้วทรงประกาศพระธรรม เสด็จจาริกไปในแว่นแคว้นต่างๆ พร้อมด้วยพระสาวกขีณาสพ เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกให้ล่วงพ้นสังสารวัฏฏ์ กำลังเสด็จมายัง รัมมนคร อันเป็นสถานที่ประสูติ จักไปประทับที่ สุทัสสนมหาวิหาร ![]() สู่เมืองของพวกตน ต่างพากันแผ้วถางทาง เพื่อถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ เหล่ามหาชน เตรียมสร้างมณฑป ประดับประดาด้วยพวงดอกไม้นานาชนิด ปูลาดพระพุทธอาสน์ที่อบร่ำ ไปด้วยของหอม ยกธงแผ่นผ้าหลากสี ตกแต่งหนทางที่พระทีปังกรเสด็จผ่าน ที่ใดเป็นที่ลุ่ม ก็นำดินมาถม ให้มีระดับเสมอกันเพื่อสะดวกในการดำเนินแด่พระพุทธองค์และพระสงฆ์สาวก ![]() กำลังช่วยกันแผ้วถางทาง จึงถามว่าท่านผู้เจริญ ท่านแผ้วทางนี้เพื่อใคร ชนเหล่านั้นตอบว่า เพื่อถวายการต้อนรับพระทีปังกรพุทธเจ้ากำลังเสด็จมา ![]() ขอท่านได้ให้โอกาสแก่เราได้ร่วมทำกับท่านเถิด มหาชนพากันคิดว่า สุเมธดาบส เป็นผู้มีความสามารถมาก จึงเลือกทางที่ไม่ราบเรียบเป็นหลุมเป็นบ่อให้ ![]() ณ บริเวณนั้น เทวดาและมนุษย์ต่างปรีดาปราโมทย์ แซ่ซ้องสาธุการประคองอัญชุลีตามเสด็จ พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระสุเมธดาบส
ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่มที่ ๙ ภาค ๒ หน้า ๑๒๖-๒๒๘
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 21 พ.ค. 2015, 06:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ | ||
พุทธพยากรณ์ครั้งแรก ![]() เพื่อตถาคตจึงสยายผม ปูลาดแผ่นหนังลงบนเปือกตม ลงนอนทอดตนเป็นสะพาน เพื่อให้พระพุทธองค์เสด็จผ่านพลางคิดว่า ขอพระพุทธเจ้าทรงเหยียบหลังเรา เสด็จผ่านไปพร้อมทั้งหมู่สาวก เหมือนเหยีบสะพานเถิด อย่าได้เหยียบเปือกตมเลย ![]() พระทีปังกรพุทธเจ้า ซึ่งประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ พร้อมด้วยอนุพยัญชนะ ๘๐ เปล่งพระพุทธรัศมี ก็ยิ่งมีความปิติเลื่อมใสตั้งความปรารถนาขอเป็นพระพุทธเจ้า อธิษฐานว่า หากเราบรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็นพระพุทธเจ้าในโลกแล้ว จักยังมนุษย์โลกพร้อมทั้งเทวโลก ให้ข้ามพ้นห้วงน้ำใหญ่ คือกิเลสด้วยกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ![]() ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า พวกเธอจงดูดาบสผู้มีความเพียรเผากิเลสนี้ ในอนาคตจักได้เป็น พระพุทธเจ้าในโลก เธอจักบังเกิดในตระกูลกษัตริย์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ พระมารดาจักมีนามว่ามายา พระบิดาจักมีนามว่าสุทโธทนะ ดาบสนี้จักมีนามว่าโคดม เธอจักได้ตรัสรู้ ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ![]() คิดว่าพระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐย่อมเที่ยงแท้ ด้วยพุทธพยากรณ์นี้ความปรารถนา ของเราจักสำเร็จ เราคงได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ![]() พึงได้บรรลุธรรมอันเลิศ ในอนาคตกาลที่สุเมธดาบสนี้ได้เป็นพระพุทธเจ้านั้นเถิด พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระสุเมธดาบส
ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ หน้า ๒๑๑-๒๑๒
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 21 พ.ค. 2015, 07:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ | ||
ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า ![]() สุเมธดาบสคิดว่าเราจักค้นหาธรรม อันเป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า จึงปูอาสนะ นั่งลงเพื่อพิจารณา ก็ทราบว่าบารมี ๑๐ ประการ เป็นธรรมที่จะต้องบำเพ็ญเพื่อบรรลุ พระสัมมาสัมโพธิญาณ ที่พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ได้สั่งสมสืบกันมา คือ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐารบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี ![]() สะเทือนสะท้าน ชาวเมืองต่างก็ไม่สามารถดำรงกายอยู่ได้ ล้มลงราวกับต้นไม้ใหญ่ถูกพายุพัด หักโค่นลง มหาชนตกใจพากันเข้าไปกราบทูลถามพระทีปังกรพุทธเจ้าถึงเหตุที่เกิดขึ้น ![]() เมื่อผู้นั้นกำลังพิจารณาธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งทุกพระองค์ได้อบรมสั่งสมมา แผ่นดินในหมื่นโลกธาตุ พร้อมทั้งเทวโลกจึงไหวด้วยเหตุนั้น ![]() และดอกไม้เป็นต้น สรรเสริญคุณอันเป็นชัยมงคลด้วยประการต่างๆ ![]() ยังธรรมิกบรรพต ดำรงชีพอยู่ ณ ที่นั้นจนตลอดอายุขัย เมื่อสิ้นชีวิตแล้วไปเกิดยังพรหมโลก ผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านเรียกว่าพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระสุเมธดาบส
ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ หน้า ๒๑๑-๒๑๒
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 21 พ.ค. 2015, 15:22 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ | ||
การบำเพ็ญบารมี ในชาติที่เป็นพระเวสสันดร ![]() พระองค์ต่อมาอีก ๒๓ พระองค์ ว่าจักได้เป็นพระพุทธเจ้า ![]() ลงมาปฏิสนธิในพระครรภ์ของ พระนางผุสดี อัครมเหสีของพระเจ้าสญชัย แห่งแคว้นสีพี ตามคำทูลเชิญของเหล่าเทวดา ระหว่างทรงพระครรภ์พระนางผุสดีมีความปรารถนาที่จะบริจาคทาน ![]() ท่ามกลางพระนคร ๑ แห่ง ที่ประตูพระนิเวศน์ ๑ แห่ง ทรงสละทรัพย์วันละ ๖ แสน พระนางได้ถวายทานแก่สมถพราหมณ์ บริจาคทานแก่คนชรา คนป่วยไข้ คนเดินทาง และยาจกวณิพก ให้ได้อิ่มหนำสำราญมิได้ขาด ![]() พระเนตรบริเวณพระนคร พระราชารับสั่งให้ตกแต่งพระนครเพื่อการรับเสด็จ แล้วทรงพา พระนางเสด็จทอดพระเนตรรอบพระนคร ขณะที่เสด็จถึงย่านประกอบการค้า พระนางประสูติพระโอรสในระหว่างถนนย่านการค้า พระเจ้าสญชัยและพระนางผุสดี จึงขนานนามพระโอรสว่า เวสสันดร แปลว่า ระหว่างการค้า ![]() ที่โรงช้างหลวง แล้วเดินเข้าป่าหายไป ชาวเมืองให้ชื่อลูกช้างนี้ว่า ปัจจยนาค ![]() ทรงสำเร็จศิลปวิทยาทั้งปวงแล้ว พระราชบิดาจึงได้ส่งฑูตไปสู่ขอพระธิดาของพระเจ้ามัทราช ชื่อ มัทรี อภิเษกให้เป็นพระชายาของพระเวสสันดร พระนางมัทรีทรงประสูติ พระโอรสนามว่า ชาลี พระธิดานามว่า กัณหา พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระเวสสันดร
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่มที่ ๙ ภาคที่ที่ ๓ หน้า ๑๕๓-๑๗๓
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 22 พ.ค. 2015, 06:22 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ | ||
พระเวสสันดรทรงบริจาคช้างปัจจยนาค ![]() กลางเดือน พระองค์ทรงขึ้นคอช้างปัจจยนาคไปทอดพระเนตรทุกโรงทาน ![]() ล้มตายเป็นอันมากชนชาวกาลิงคะจึงเข้าไปกราบทูลพระราชาของตนว่า ในแคว้นสีพีมีช้างเผือกขาวผ่องชื่อ ปัจจยนาค เชื่อกันมาว่า ช้างนี้ไปอยู่ ณ ที่ใด สามารถบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลได้ อีกทั้งพระโอรสของพระเจ้าสญชัย นามว่าเวสสันดร ก็เป็นผู้ยินดียิ่งในการบริจาคทาน ขอพระองค์ได้ส่งฑูตไปทูลขอช้างเผือกมาเถิด ![]() มีพระราชบัญชาว่า ให้ไปทูลขอช้างเผือกจากพระเวสสันดร แล้วนำมา ![]() กำลังเสด็จดำเนินมา พราหมณ์จึงเข้าไปกราบทูลขอตามรับสั่งของพระราชาแคว้นกาลิงคะ พระเวสสันดรทรงทราบความประสงค์ของพราหมณ์แล้วดำริว่า เมื่อพราหมณ์ขอสิ่งใด เราย่อมให้สิ่งนั้นโดยไม่หวั่นไหวเลย ใจของเรายินดีให้ทานเราจักให้ช้างมงคลนี้แก่พราหมณ์ ![]() พระหัตถขวารินน้ำจากพระเต้า หลั่งลงในมือพราหมณ์ พระราชทานปัจจยนาคให้ไป ![]() แคว้นกาลิงคะทันที มหาชนเห็นพรามณ์นั่งบนคอปัจจยนาคผ่านมา มีความสงสัย พากันถามว่า พราหมณ์ผู้เจริญท่านขี่ช้างมงคลของเราจะไปไหน พราหมณ์ตอบว่า พระเวสสันดรพระราชทานแก่พวกเรา แล้วพากันเดินทางออกจากพระนครไป พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระเวสสันดร
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่มที่ ๙ ภาคที่ ๓ หน้า ๑๗๔-๑๗๗
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 22 พ.ค. 2015, 10:55 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติสำหรับผู้เริ่มต้น | ||
เนรเทศพระเวสสันดร ![]() ขอให้พระเจ้าสญชัยเนรเทศพระเวสสันดร ออกไปจากแคว้นสีพี พระเจ้าสัญชัยจำต้อง ปฏิบัติตามความเห็นของชาวเมือง ![]() บริจาคของ ๗ อย่าง มี ช้าง ม้า รถ สตรี โคนม ทาส ทาสี อย่างละ ๗๐๐ แล้วตรัสกับพระนางมัทรีว่า ที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวงไม่มีอะไรประเสริฐกว่าทานคือการให้ พระเวสสันดรทรงบริจาคทานอยู่จนถึงเย็น จึงเสด็จกลับพระราชนิเวศน์ ![]() อำลามหาชน ทรงประทานโอวาทว่า พวกท่านอย่าประมาท จงทำบุญให้ทานรับสั่งให้นางมัทรี ดูแลพระโอรสและพระธิดา แต่ทุกพระองค์ก็ขอเสด็จตามไปด้วย ![]() ระหว่าทางมีพราหมณ์ ๔ คนซึ่งมารับมหาทานไม่ทันได้ติดตามไปทูลขอม้าที่เทียมรถ พระเวสสันดรก็บริจาคไป ขณะนั้นพราหมณ์อีกคนหนึ่งเข้ามาทูลขอรถพระที่นั่ง พระองค์ทรงลงจากราชรถ พร้อมด้วยพระนางมัทรี พระโอรสและพระธิดา แล้วมอบรถให้พราหมณ์ไป ![]() พระนางมัทรีทรงอุ้มพระธิดา พากันเดินทางต่อไปยังเขาวงกต ![]() พร้อมด้วยบริขารและเครื่องใช้สอยทั้ง ๔ พระองค์เตรียมไว้ ณ เขาวงกต พระเวสสันดร ทรงถือเพศดาบส พระนางมัทรีทรงถือเพศเป็นดาบสินี ทรงให้พระโอรสพระธิดาเป็นดาบสกุมาร พระองค์ประทับอยู่ ณ บรรณศาลานั้นเป็นเวลานานถึง ๗ เดือน พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระเวสสันดร
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่มที่ ๙ ภาคที่ ๓ หน้า ๑๗๘-๑๙๐
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 23 พ.ค. 2015, 06:21 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ | ||
พราหมณ์ชูชกทูลขอสองกุมาร ![]() ของพระเวสสันดร จึงเข้าไปขอสองกุมาร เพื่อนำไปเป็นทาสนางอมิตตาภรรยสาว ![]() ท่านทรงบำเพ็ญบารมี และมหาบริจาค ๕ คือ สละทรัพย์ สละอวัยวะ สละชีวิต สละบุตร สละภรรยาเป็นทาน เพื่อบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เราควรขวนขวายบำเพ็ญให้บริบูรณ์ เพื่อจักเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลกทั้งมวล จึงตัดสินพระทัยประทานสองกุมารให้แก่พรามณ์ไป ![]() ยังแคว้นกาลิงคะ แต่เมื่อถึงทางแยกพราหมณ์ไม่รู้จักทาง จึงเดินหลงเข้าในแคว้สีพี วันที่พราหมณ์ชูชกเดินทางถึงกรุงเชตอุดร พระเจ้าสัญชัยประทับบนปราสาท ทอดพระเนตรเห็นสองกุมารที่หน้าพระลานหลวง จำได้ว่าเป็นพระนัดดาจึงมีรับสั่งให้หา ทรงทราบความแล้ว พระราชทานทรัพย์ให้แก่พราหมณ์เป็นค่าไถ่พระนัดดาทั้งสอง ![]() เขาวงกตเพื่อรับพระเวสสันดร และพระนางมัทรีกลับสู่แคว้นสีพี ขณะที่พระองค์ได้พบกัน ทรงปิติโสมนัสท่วมท้นทรงล้มสลบ ณ บรรณศาลานั้น ท้าวสักกะจึงบันดาลให้ ฝนโบกขรพรรษตกลง ผู้ใดประสงค์จะเปียกก็เปียก ดุจฝนตกลงบนใบบัวแล้วไหลไป ทำให้พระองค์ทรงฟื้นจากสลบ ด้วยกำลังทานบารมีของพระโพธิสัตว์ ![]() ไปเกิดสวรรค์ชั้นดุสิตทรงพระนามว่า เสตเกตุเทพบุตร รอเวลาที่จะเสด็จที่ลงมา บังเกิดในมนุษย์โลก เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระเวสสันดร
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่มที่ ๙ ภาคที่ ๓ หน้า ๑๙๐-๒๑๕
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 27 พ.ค. 2015, 06:33 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) | ||
พระโพธิสัตว์ ปฏิสนธิในมนุษย์โลก ![]() ที่พระองค์จะต้องไปเกิดยังโลกมนุษย์ เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท้าวมหาราชทั้ง ๔ พร้อมทั้งท้าวสักกะ ท้าวสุยามะ ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมมารนรดี ท้าวปรนิมมิตตวสวัตตี และท้าวมหาพรหม ได้พากันไปยังสำนักของ เสตเกตุเทพบุตร ![]() ประสงค์จะช่วยสัตว์โลก บัดนี้เป็นเวลาอันสมควรแล้ว ขอเชิญให้ลงไปปฏิสนธิ ยังมนุษย์โลก เพื่อยังสัตว์โลกให้ข้ามพ้นจากกิเลสทั้งปวงเถิด ![]() สิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบก่อน ๕ ประการ คือ กาลอันสมควร ๑ สถานที่กำเหนิด ๑ ถิ่นกำเหนิด ๑ ตระกูล ๑ และพระมารดาผู้ให้กำเหนิด ๑ ![]() ณ กรุงกบิลพัสดุ์ ในตระกูลกษัตริย์ พระนางมหามายาจักเป็นพระราชมารดา ทรงพิจารณา พร้อมทั้ง ๕ ประการแล้ว จึงรับคำร้องขอของเทวดาทั้งหลาย จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ลงมาปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางมหามายา อัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ ณ กรุงกบิลพัสดุ์ ในวันเพ็ญเดือน ๘ ![]() แผ่นดินไหวพร้อมกันทันที นับแต่ปฏิสนธิ เทวบุตร ๔ องค์ ถือพระขันธ์ถวายอารักขา พระโพธิสัตว์และพระมารดา พระวรกายของพระมารดามิลำบาก ทอดพระเนตรเห็น พระโพธิสัตว์ผู้อยู่ในพระครรภ์ ประดุจเห็นเส้นสีเหลืองที่ร้อยไว้ในแก้วมณีอันใส ฉะนั้น พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ หน้า ๖๙๒-๖๙๖
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 27 พ.ค. 2015, 08:47 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) | ||
พระโพธิสัตว์ประสูติ ![]() ไปคลอดที่เทวทหนคร อันเป็นถิ่นกำเหนิด ซึ่งเป็นประเพณีของชาว ชมภูทวีป พระเจ้าสุทโธทนะรับสั่งให้เจ้าพนักงานตกแต่งทางกรุงกบิพัสดุ์ จนถึงเทวทหนครให้ราบเรียบ ให้พระนางประทับวอทอง ส่งพระนางไป พร้อมด้วยข้าราชบริพารจำนวนมาก ![]() บานสะพรั่ง หมู่ภมรและมวลวิหคนานาชนิด ส่งเสียงร้องอยู่ด้วยความ ไพเราะ ในระหว่างกิ่งระหว่างดอกทั้งหลายเป็นที่น่ารื่นรมณ์ พระนางทอด พระเนตรเห็นดังนั้นประสงค์จะเข้าไปชมใกล้ๆ เสด็จลงจากวอทอง ประทับ ยืนเหนี่ยวกิ่งสาละลงมา เมื่อประสงค์กิ่งใด กิ่งนั้นก็จะโน้มลงมาจนถึงพระหัตถ์ ![]() พระวิสูตรให้พระนางแล้วหลีกไป พระประสูติราชโอรสในขณะที่ประทับยืน จับกิ่งสาละอยู่เช่นนั้น ท้าวมหาพรหมรับพระโพธิสัตว์ด้วยข่ายทอง ท้าวมหาราชทั้ง ๔ พระองค์รับพระโพธิสัตว์จากพระหัตถ์ของท้าว มหาพรหม ด้วยเครื่องลาดอันเป็นมงคล ต่อมาพวกข้าราชบริพารที่ตาม เสด็จ นำเบาะผ้าเนื้อดีรับจากพระหัตถ์ท้าวมหาราชทั้ง ๔ แล้วทูลเชิญ พระนางมหามายาและพระโอรส เสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ในวันนั้น สหชาติชาติทั้ง ๗ กาลที่พระโพธิสัตว์ประสูติ ณ ลุมพินีวัน มีสิ่งสำคัญบังเกิดขึ้นพร้อมกัน ๗ อย่างคือ พระนางยโสธรา ๑ เจ้าชายอานนท์ ๑ นายฉันนะ ๑ กาฬุทายี ๑ ม้ากัณฑกะ ๑ ต้นมหาโพธิ ๑ และขุมทรัพย์ทั้ง ๔ ขุม ๑ การเกิดขึ้นพร้อมกันเหล่านี้ ชื่อว่า สหชาตชาติทั้ง ๗ พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
ขุททกนิกาย พุทธวงศื เล่มที่ ๙ ภาค ๒ หน้า ๖๙๖-๖๙๙
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 28 พ.ค. 2015, 06:31 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) | ||
กาฬเทวิล ทำนายพระลักษณะ ![]() และพระมารดากลับไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ในวันนั้น หมู่ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ร่าเริงยินดีว่า พระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะอุบัติแล้ว พระราชกุมารนี้จะประทับนั่ง ณ ควงโพธิพฤก แล้วจักตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ![]() ยังชั้นดาวดึงส์พิภพเพื่อพักกลางวัน ได้ทราบข่าวจากชั้นดาวดึงส์ว่าพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ ประสูติแล้ว เหล่าเทพป่าวประกาศอีกว่า พระโอรสของพระองค์นั้น จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ![]() เข้าไปยังพระราชนิเวศน์ ทูลพระเจ้าสุทโธทนะว่า มหาบพิตร อาตมาภาพทราบข่าวว่า พระโอรสของพระองค์ประสูติแล้ว อาตมาภาพใคร่เห็นพระราชบุตรนั้น ![]() แต่พระบาทของพระโพธิสัตว์กลับไปประดิษฐานอยู่บนชฎาของพระดาบส กาฬเทวิลเห็นพระลักษณะของพระโอรสแล้ว ทราบด้วย อนาคตังสญาณ คือ ปัญญาที่หยั่งรู้อนาคตว่า พระราชโอรสนี้เป็นอัจฉริยะบุรุษ ![]() ประคองอัญชลีถวายบังโคมพระโอรสด้วยความปิติ พระราชาเห็นพระดาบสกระทำดังนั้น ทรงไหว้ตามด้วยความมหัศจรรย์พระทัยยิ่งนัก ![]() (เป็นธรรมดาของพระมารดาพระโพธิสัตว์) ไปอุบัติในสวรรค์ชั้นดุสิต พระนามว่า มายาเทพบุตร พระราชาทรงมอบให้พระนางปชาบดีโคตมี (พระน้านาง) อภิบาลต่อ พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
ขุททกนิกาย อปทาน เล่มที่ ๘ ภาค ๑ หน้า ๑๑๓-๑๑๔
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 29 พ.ค. 2015, 07:19 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) | ||
เฉลิมพระนามพระโอรส ![]() เชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนมาบริโภคอาหารในพระราชนิเวศน์ เลือกพราหมณ์บัณฑิต ๘ คน ให้ทำนายพระลักษณะ พราหมณ์ ๗ คน พยากรณ์เป็นสองนัยว่าพระโอรสเจริญวัยแล้ว ถ้าเป็นคฤหัสถ์จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ถ้าออกบวชจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ![]() พระโอรสนี้ได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน พระราชาตรัสถามว่า ก็บุตรของเราเห็นอะไร จึงออกบวช พราหมณ์โกญฑัญญะกราบทูลว่า จะเห็นนิมิต ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระเจ้าสุทโธทนะตรัสว่า เราต้องการให้โอรสของเราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ไม่ต้องการให้เป็นพระพุทธเจ้า พร้อมกันขนานนามพระโอรสว่า สิทธัตถะ แปลว่า สมประสงค์ ![]() ![]() พวกเราแก่แล้ว คงจะไม่ทันเห็นพระราชบุตรของพระเจ้าสุทโธทนะ ทรงบรรลุ พระสัมมาสัมโพธิญาณ ฉะนั้น ในอนาคตเมื่อพระราชกุมารนี้ทรงผนวช ตรัสรู้เป็พระพุทธเจ้าแล้ว พวกเจ้าพึงบวชในพระศาสนาของพระองค์เถิด พราหมณ์ทั้ง ๗ คนดำรงค์อยู่ตราบเท่าอายุขัย ต่างก็สิ้นชีวิตไป เหลือแต่โกณฑัญญะที่มีอายุน้อยที่สุด ปราสาท ๓ ฤดู ![]() ศิลปวิทยาต่างๆ แล้ว พระเจ้าสุทโธทนะสร้างประสาท ๓ หลัง ให้เป็นที่ประทับ ของพระโอรส เปลี่ยนไปตามฤดู ทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งรัชทายาท ทรงอภิเษก พระนางยโสธรา ธิดาของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งกรุงเทวหะเป็นอัครชายา
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 30 พ.ค. 2015, 06:29 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) | ||
เหตุแหงการณ์ออกผนวช ![]() สารถีจัดเตรียมรถพระที่นั่ง เทียมม้าสินธพอันเป็นมงคล ๔ ตัว เสด็จไปสู่พระราชอุทยาน ![]() พวกเราจะแสดงนิมิตแก่พระองค์ จึงแปลงกายเป็นคนแก่ มีผมหงอก ฟันหัก หลังโกง กายค้อมลง เดินถือไม้เท้า งกๆ เงิ่นๆ อยู่ข้างทางที่เสด็จ เจ้าชายไม่เคยเห็น จึงตรัสถามสารถี สารถีทูลว่า มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาแล้ว ต้องประสบกับความแก่ เช่นนี้ เจ้าชายสดับคำของสารถีแล้วสลดพระทัย รับสั่งให้กลับพระราชวัง ![]() ครั้งนี้เทวดาแสดงนิมิต แปลงตนเป็นคนเจ็บ นอนร้องครวญครางอยู่ เจ้าชายตรัสถามสารถี ก็ได้รับคำตอบว่ามนุษย์ที่เกิดมาทุกคน ต้องประสบกับความป่วยเช่นนี้ ทรงทราบสลดพระทัย รับสั่งให้กลับพระราชวัง ![]() เดินร้องให้มาในระหว่างทาง ตรัสถามสารถี ทราบว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย สดับคำสารถีแล้ว ทรงเห็นโทษการเกิดขึ้นของสัตว์ทั้งหลาย ยิ่งมีความสลดพระทัย บังเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมากทุกที จึงรับสั่งให้กลับพระราชวัง ![]() นักบวช ที่เทวดานิมิต นุ่งห่มเรียบร้อย ด้วยกิริยาที่สำรวม ทรงพอพระทัยยิ่งตรัสถามสารถี สารถีแม้ไม่รู้จักนักบวช เพราะพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้นก็จริงอยู่ แต่ก็ทูลด้วยอำนาจ ของเทวดา เจ้าชายสิทธัตถะทราบว่าผู้นี้คือนักบวช ออกบวชเพื่อแสวงหาความพ้นทุกข์ พระองค์มีความพอพระทัยยิ่งในการบรรพชา เสด็จประพาสอยู่ในอุทยาน จนเย็นจึงกลับพระราชวัง พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่มที่ ๙ ภาค ๒ หน้า ๗๐๖-๗๑๐
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 มิ.ย. 2015, 07:04 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาพเล่าพระพุทธประวัติ (รวบรวมโดย คุณแม่สุรีย์ มีผลกิจ) | ||
มหาภิเนษกรมณ์ ![]() พระนางยโสธราประสูติพระโอรส เสด็จมาแสดงความยินดี รับสั่งว่าหลานจงชื่อ ราหุล ![]() กีสาโคตมี ซึ่งประทับอยู่ ณ ปราสาทอีกหลังหนึ่งว่า บุรุษมีความสง่างามเช่นนี้ เป็นบุตรของมารดาใด มารดานั้นก็ดับร้อนได้ เป็นบุตรของบิดาใด บิดานั้นก็ดับร้อนได้ เป็นสามีของสตรีใด สตรีนั้นก็ดับร้อนได้ เจ้าชายทรงดำริว่าเจ้าหญิงองค์นี้ให้คติเตือนใจ เราเป็นอย่างดี ในวันนี้เราจะต้องออกบวชเพื่อแสวงหาความดับให้จงได้ ![]() พากันมาแวดล้อมขับร้องบรรเลง เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระทัยเบื่อหน่ายในกามทั้งหลาย ไม่ทรงสนพระทัย ครู่เดียวก็สู่เข้านิทรา ตื่่นบรรทมในตอนดึกประทับนั่งขัดสมาธิบนพระแท่น ทอดพระเนตรเห็นอาการต่างๆ ของเหล่าสตรีในขณะนั้นก็ยิ่งบังเกิดความเบื่อหน่ายสุดประมาณ ทรงพระดำริว่าเราจะออก มหาวิเนษกรมณ์จึงลุกออกจากพระแท่นบรรทม เสด็จไปหานายฉันนะ ซึ่งนอนเฝ้าประตู รับสั่งให้เตรียมม้ากัณฐกะ ซึ่งเป็นม้าทรง พร้อมที่จะออกเดินทางทันที ![]() จะเป็นสิ่งขัดขวางไม่ให้เราออกบวช รอไว้ตรัสรู้ก่อนจึงจะกลับมาเยี่ยมพระโอรส และพระนางยโสธราภายหลัง แล้วจึงเสด็จออกจากปราสาทไป ![]() เราอาศัยเจ้าได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะช่วยสัตว์โลกพร้อมทั้งเทวโลกให้ข้ามด้วย จากนั้นเสด็จขึ้นประทับบนหลังม้า โปรดให้นายฉันนะนั่งเบื้องหลัง ถึงประตูเมืองในเวลาเที่ยงคืน เทวดาที่รักษาประตูบันดาลให้ประตูเมืองเปิด เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกจากพระนครไป โดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
ขุทกนิกาย พุทธวงศ์ เล่มที่ ๙ ภาค ๒ หน้า ๗๑๑-๗๑๗
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |