ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ร้อยธัมมรส สหัสสนัย จาริก ๔๕ พรรษา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=47243 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | SOAMUSA [ 30 ม.ค. 2014, 11:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | ร้อยธัมมรส สหัสสนัย จาริก ๔๕ พรรษา |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() จากหนังสือ ร้อยธัมมรส สหัสสนัย จาริก ๔๕ พรรษา มูลนิธิเผยแผ่พระสัทธรรม "ถ้าบุคคลทราบตนว่า เป็นที่รัก พึงรักษาตนนั้น ให้เป็นอันรักษาด้วยดี, บัณฑิตพึงประคับประคอง (ตน) ตลอดยามทั้งสาม ยามใดยามหนึ่ง" พระศาสดาทรงแสดงทำวัยทั้ง ๓ วัยใดวัยหนึ่งให้ชื่อว่า ยาม เพราะความที่พระองค์ทรงเป็นใหญ่ในธัมม์ และเพราะความที่พระองค์ทรงฉลาดในเทศนาวิธี เพราะเหตุนั้น ในพระคาถานี้ พึงทราบเนื้อความอย่างนั้นว่า "ถ้าบุคคลทราบตนว่า เป็นที่รัก พึงรักษาตนนั้น ให้เป็นอันรักษาดีแล้ว คือพึงรักษาตนนั้น โดยประการที่ตนเป็นอันรักษาดีแล้ว" บรรดาชนผู้รักษาตนเหล่านั้น ถ้าผู้เป็นคฤหัสถ์คิดว่า "จักรักษาตน" ดังนี้แล้ว เข้าไปสู่ห้องที่เขาปิดไว้ให้เรียบร้อย เป็นผู้มีอารักขาสมบูรณ์ อยู่บนพื้นปราสาทชั้นบนก็ดี, ผู้เป็นบรรพชิต อยู่ในถ้ำอันปิดเรียบร้อย มีประตูและหน้าต่างอันปิดแล้วก็ดี ยังไม่ชื่อว่ารักษาตนเลย แต่ผู้เป็นคฤหัสถ์ทำบุญทั้งหลายมีทาน ศีล เป็นต้น ตามกำลังอยู่ หรือผู้เป็นบรรพชิตถึงความขวนขวายในวัตร ปฏิวัตร ปริยัติ และการทำไว้ในใจอยู่ ชื่อว่า ย่อมรักษาตน บุรุษผู้เป็นบัณฑิต เมื่อไม่อาจ (ทำ) อย่างนั้นได้ใน ๓ วัย ประคับประคองตนไว้ แม้ในวัยใดวัยหนึ่งก็ได้เหมือนกัน ก็ถ้าเป็นคฤหัสถ์ ไม่อาจทำกุศลได้ในปฐมวัย เพราะความเป็นผู้หมกมุ่นอยู่ในการเล่นไซร้ ในมัชฌิมวัย พึงเป็นผู้ไม่ประมาทบำเพ็ญกุศล ถ้าในมัชฌิมวัยยังต้องเลี้ยงบุตรและภรรยา ไม่อาจบำเพ็ญกุศลได้ไซร้ ในปัจฉิมวัย พึงบำเพ็ญกุศลให้ได้, ด้วยอาการแม้อย่างนี้ ตนต้องเป็นอันเขาประคับประคองแล้้วทีเดียว แต่เมื่อเขาไม่ทำอย่างนั้น ตนย่อมชื่อว่า ไม่เป็นที่รัก ผู้นั้นทำตนนั้น ให้มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้าทีเดียว ก็ถ้าว่า บรรพชิต ในปฐมวัยทำการสาธยายอยู่ ทรงจำ บอก ทำวัตรและปฏิวัตรอยู่ ชื่อว่าถึงความประมาท, ในมัชฌิมวัย พึงเป็นผู้ไม่ประมาท บำเพ็ญสมณธัมม์ อนึ่่ง ถ้ายังสอบถามอรรถกถาและวินิจฉัย และเหตุแห่งพระปริิยัติอันตนเรียนแล้วในปฐมวัยอยู่ ชื่อว่าถึงความประมาท ในมัชฌิมวัย, ในปัจฉิมวัย พึงเป็นผู้ไม่ประมาทบำเพ็ญสมณธัมม์, ด้วยอาการแม้อย่างนี้ ตนย่อมเป็นอันบรรพชิตนั้น ประคับประคองแล้วทีเดียว แต่เมื่อไม่ทำอย่างนั้น ตนย่อมชื่อว่า ไม่เป็นที่รัก บรรพชิตนั้นทำตนนั้นให้เดือดร้อน ด้วยการตามเดือดร้อนในภายหลังแท้ ในกาลจบเทศนา โพธิราชกุมาตั้งอยู่ในโสดาบัตติผลแล้ว พระธัมมเทศนาได้สำเร็จประโยชน์ แม้แก่บริษัที่ประชุมกันแล้ว ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | SOAMUSA [ 04 ก.พ. 2014, 10:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ร้อยธัมมรส สหัสสนัย จาริก ๔๕ พรรษา |
![]() สัจฉิการตัพพนิทเทส ปัญญาเครื่องทรงจำธัมม์ที่ได้สดับมาแล้ว คือ เครื่องรู้ชัดซึ่งธัมม์ที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า ธัมม์เหล่านี้ควรทำให้แจ้ง ชื่อว่า สุตมยญาณอย่างไร ธัมม์อย่างหนึ่งควรทำให้แจ้งคือ เจโตวิมุตติอันไม่กำเริบ ธัมม์ ๒ ควรทำให้แจ้ง คือ วิชชา ๑ วิมุตติ ๑ ธัมม์ ๓ ควรทำให้แจ้ง คือ วิชชา ๓ ธัมม์ ๔ ควรทำให้แจ้ง คือ สามัญญผล ๔ ธัมม์ ๕ ควรทำให้แจ้ง คือ ธัมมขันธ์ ๕ ธัมม์ ๖ ควรทำให้แจ้ง คือ อภิญญา ๖ ธัมม์ ๗ ควรทำให้แจ้ง คือ กำลังของพระขีณาสพ ๗ ธัมม์ ๘ ควรทำให้แจ้ง คือ วิโมกข์ ๘ ธัมม์ ๙ ควรทำให้แจ้ง คือ อนุปุพพนิโรธ ๙ ธัมม์ ๑๐ ควรทำให้แจ้ง คือ อเสกขธัมม์ ๑๐ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |