วันเวลาปัจจุบัน 05 ต.ค. 2024, 07:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2013, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
ซากพระอุโบสถ “เทโวโรหนสถูป” เมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ
สถานที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่ยังโลกมนุษย์
หลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระพุทธมารดา

--------

เมืองสังกัสสะ
บันไดสวรรค์สู่โลกมนุษย์

:b44: ที่ตั้งและลักษณะภูมิประเทศ

สังกัสสะ (Sankassa) เรียกตามสำเนียงสันสฤตว่า สังกัศยะ (Sankasya) หรือในปัจจุบันเรียกว่า สังกิสสะ (Sankissa) หรือ สังกิสสะ บะสันตะปุระ (Sankissa Basantapura) เป็นเมืองอยู่ในแคว้นปัญจาละ (แคว้นปัญจาบ) ชมพูทวีป

สังกัสสะ (Sankassa) คือ เมืองโบราณอยู่ในแคว้นปัญจาละในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญในฐานะเป็นเมืองที่เสด็จลงมาจากดาวดึงส์เทวโลกมาสู่ยังมนุษย์โลกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณและเสด็จไปประกาศพระศาสนาในแคว้นต่างๆ ทั่วชมพูทวีปแล้ว ในพรรษาที่ ๗ ทรงรำลึกถึง “พระนางสิริมหามายา” ซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระองค์ประสูติได้ ๗ วัน จึงทรงดำริที่จะสนองคุณของพระพุทธมารดา ดังนั้น จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์ (พระสัตตปกรณาภิธรรม) โปรด “สันดุสิตเทพบุตร” เทพบุตรพระพุทธมารดา (ซึ่งประทับอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์) และหมู่ทวยเทพเทวดาทั้งหลายอยู่ ๑ พรรษา

ครั้นถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือหลังจากวันมหาปวารณาออกพรรษาแล้ว ๑ วัน พระพุทธองค์จึงได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาประทับ ณ เมืองสังกัสสะ โดยเสด็จลงตรงประตูเมือง พระบาทแรกที่ทรงเหยียบพื้นมนุษย์โลกนั้นต่อมาได้กลายเป็นสถานที่ระลึกเรียกว่า “อจลเจดีย์” เรียกอย่างไทยเราก็ว่า “รอยพระพุทธบาท” ตามตำนานว่าที่นี่เป็นที่แห่งหนึ่งซึ่งมีรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่

ปัจจุบัน เมืองสังกัสสะ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองสาวัตถีไปประมาณ ๙๐ ไมล์ ระหว่างเมืองลัคเนาว์กับเมืองอักรา ห่างจากเมืองกานปุร์, กานบุรี (Kanpur) ไป ๘๗ ไมล์ เป็นหมู่บ้านขนาดย่อม ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสังกิสสะ บะสันตะปุระ (Sankissa Basantapura) หรือสังกิสสะ (Sankissa) ใกล้แม่น้ำกาลี ในจังหวัดฟารุกาหบาท, ฟาร์รุกฮะบาด (Farrukahabad) รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เมืองแห่งนี้ไม่ค่อยมีผู้แสวงบุญไปจาริกเท่าใดนัก เนื่องจากการเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ในปัจจุบันเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ตามประวัติศาสตร์ของอินเดียบันทึกไว้ว่า สังกัสสะเป็นเมืองใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งที่มั่นคง ครั้นเมื่อถึงกาลอวสานสภาพเมืองกลับกลายเป็นป่าในที่สุด ซึ่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๑๗๒๖ (ค.ศ. ๑๑๘๓) บรรดาพวกพราหมณ์พากันยุยงราชาไชยจันทร์แห่งเมืองกาเนาซ์ (หรือเมืองกาโนชน์) ว่าพระพุทธศาสนาเป็นภัยร้ายแรงต่อฮินดู หากขืนปล่อยไว้บ้านเมืองจะล่มสลาย ราชาไชยจันทร์จึงกรีฑาทัพมาเผาทุบทำลายเสียราบคาบ สังกัสสะจึงกลายสภาพเป็นเศษกองอิฐ และเสื่อมสลายกลายเป็นแผ่นดินท้องทุ่งโล่งในที่สุด

ดร.รามรุท สิงห์ นักประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนาแห่งมหาวิทยาลัยมคธ (Magadh University) รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย กล่าวว่า ความจริงพราหณ์เองก็ถือว่า “สังกัสสะ” เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของเขาเหมือนกัน ในคัมภีร์รามายณะเรียกสังกัสสะว่า “สังคัสสะ” การที่พวกพราหมณ์ต้องทำลายสังกัสสะเสียนั้น คงเนื่องมาจากพระพุทธศาสนารุ่งเรืองมาก ไม่กระนั้นพวกพราหมณ์คงจะหมดอาชีพไป

รูปภาพ
หลังจากวันออกพรรษาแล้ว ๑ วัน ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑
พระพุทธองค์ทรงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่ยังโลกมนุษย์
ณ ประตูเมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ (แคว้นปัญจาบ) ชมพูทวีป
หลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระพุทธมารดา
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จประทับพระบาทยังพื้นดินเท่านั้น
ก็ทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก “โลกรวิวรรณ” โดยแสดงกิริยาพระหัตถ์เปิดโลก
เนรมิตให้เทวดา มนุษย์ และสัตว์นรก ได้มองเห็นกันและกันตลอดทั้ง ๓ โลก
เพื่อให้ชนเหล่านั้นตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท ศรัทธาในพระรัตนตรัย
ชาวพุทธจึงเรียกวันนี้กันว่า “วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก” หรือ “วันพระเจ้าเปิดโลก”
ภาพวาด...ผลงานการสร้างสรรค์ของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต

--------

:b44: ความเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ

เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ณ นครสาวัตถี แห่งแคว้นโกศล แล้วเสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงแสดงพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์ (พระสัตตปกรณาภิธรรม) โปรด “สันดุสิตเทพบุตร” เทพบุตรพระพุทธมารดา (ซึ่งประทับอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์) และหมู่ทวยเทพเทวดาทั้งหลายอยู่ ๑ พรรษา เมื่อถึงวันมหาปวารณาออกพรรษาจึงได้เสด็จลงมาสู่มนุษย์โลก พระมหาโมคคัลลานะแสดงปาฏิหาริย์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทูลถามว่าพระองค์จะเสด็จมาสู่มนุษย์โลก ณ ที่ใด พระพุทธองค์ตรัสถามว่า พระสารีบุตรและเธอจำพรรษาที่ใด เมื่อทราบคำกราบทูลว่า ท่านทั้งสองจำพรรษาอยู่ที่นครสังกัสสะ พระพุทธองค์จึงทรงตกลงพระทัยเสด็จลงสู่มนุษย์โลกตรงประตูเมืองนครสังกัสสะ ท่ามกลางหมู่ทวยเทพเทวดาซึ่งแวดล้อมเป็นบริวาร

เล่ากันว่า ท้าวสักกเทวราช พร้อมด้วยเหล่าทวยเทพเทวดาบริวารจำนวนมากได้ตามส่งเสด็จทางบันไดสวรรค์จนถึงขั้นพิภพอย่างสมพระเกียรติ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จประทับพระบาทยังพื้นดินเท่านั้น ก็ทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก “โลกรวิวรรณ” โดยแสดงกิริยาพระหัตถ์เปิดโลก เนรมิตให้เทวดา มนุษย์ และสัตว์นรก ได้มองเห็นกันและกันตลอดทั้ง ๓ โลก เสมือนนั่งอยู่พร้อมหน้ากันเป็นที่อัศจรรย์ เพื่อให้ชนเหล่านั้นตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท ศรัทธาในพระรัตนตรัย ทำให้ผู้ที่ไม่เลื่อมใสได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ผู้ที่เลื่อมใสอยู่แล้วยิ่งเลื่อมใสยิ่งขึ้น กล่าวคือ ญาติที่เสียชีวิตถ้าอยู่บนสวรรค์ก็สามารถเห็นญาติในเมืองมนุษย์ได้ ญาติที่ตกนรกอยู่ก็สามารถเห็นญาติในเมืองมนุษย์ได้ ส่วนมนุษย์ก็สามารถเห็นญาติของตนทั้งในนรกและบนสวรรค์ได้เช่นกัน อีกทั้งในวันนี้การลงโทษในเมืองนรกได้ยุติลงชั่วคราว ชาวพุทธจึงเรียกวันนี้กันว่า “วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก” หรือ “วันพระเจ้าเปิดโลก”


:b44: เมืองสังกัสสะหลังพุทธกาล

ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช กล่าวกันว่า คราวเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จลงมาจากดาวดึงส์เทวโลกมาสู่ยังมนุษย์โลกหลังวันออกพรรษานั้น มีพระพรหม-เทพยดาจำนวนมากได้ตามส่งเสด็จอย่างสมพระเกียรติ ท้าวสักกเทวราชก็ได้เนรมิตบันไดทิพย์ ๓ บันได คือ บันไดแก้ว บันไดทอง บันไดเงิน ขึ้นมา โดยพระบรมศาสดาเสด็จลงสู่เมืองสังกัสสะทางบันไดแก้ว ส่วนบันไดเงินทางด้านขวาเป็นที่ลงของพระพรหม และบันไดทองด้านทางซ้ายเป็นที่ลงของเทพยดา ครั้นเมื่อพระบรมศาสดาทรงเสด็จเหยียบพื้นดินบนมนุษย์โลก บันไดทั้ง ๓ ก็อันตรธานไปเหลือให้เห็นเพียง ๗ ขั้น พระเจ้าอโศกมหาราชทรงโปรดให้ขุดดูลึกลงไปถึงบาดาลก็ยังไม่สิ้นสุด พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง จึงสร้างพระอุโบสถคลุมบันไดไว้ พร้อมกับโปรดให้สร้างพระพุทธรูปสูง ๑๖ ฟุต ปักเสาศิลาจารึกและประดิษฐานรูปช้างไว้บนยอดเสา

เมื่อปี พ.ศ. ๙๔๓ ท่านหลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) เรียกเมืองสังกัสสะว่า “กังเกียส” ประวัติศาสตร์ในยุคหลังพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพานไม่ชัดเจนนัก ทราบเพียงส่วนที่กล่าวไว้ในอรรถกถาสังคีติสูตร คือ พ.ศ. ๑๐๐ การทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๒ มีพระเถระชื่อว่า เรวตะ มาพักที่เมืองสังกัสสะ แล้วค่อยเดินทางไปร่วมประชุม ณ วัดวาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ตามบันทึกยังกล่าวอีกว่า บริเวณเมืองสังกัสสะมีอาณาเขตถึง ๒,๐๐๐ ลี้ มีวัดในทางพระพุทธศาสนาถึง ๔ วัด พระสงฆ์อีก ๑,๐๐๐ รูป ทั้งหมดเป็นพระสงฆ์ทางฝ่ายมหายาน นิกายสัมมิติยะ มีเทวาลัยอยู่ ๑๐ แห่ง และในเมืองนี้ยังมีนักบวชนอกพระพุทธศาสนาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

ท่านพระถังซัมจั๋ง (หลวงจีนเฮียงจัง, Xuanzang, พ.ศ. ๑๓๐๐) ได้บันทึกถึงจดหมายเหตุถึงเมืองสังกัสสะว่า พลเมืองที่อยู่อาศัยที่สังกัสสะมีกิริยานุ่มนวล พวกผู้ชายตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียน มีสังฆารามขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปอันงดงามวิจิตร ในบริเวณสังฆารามมีบันได ๓ ชั้นตั้งเรียงกัน เป็นที่หมายว่าพระบรมศาสดาเสด็จลงจากดาวดึงส์เทวโลกมามนุษย์โลก ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งปัจจุบันนี้มีเหลือแต่เพียงซากพระอุโบสถ หรือ “เทโวโรหนสถูป” เป็นเสมือนกองดินเป็นเนินสูงขึ้นไป เบื้องล่างใกล้เคียงกัน มี “ยอดเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช” บนยอดเสาเป็นรูปช้าง ซึ่งได้ถูกกองทัพมุสลิมเผาทุบทำลายจนในปัจจุบันเหลือแต่เพียงตอเสากับรูปช้างชำรุดเท่านั้น

ท่านพระถังซัมจั๋ง กล่าวถึงเสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราชว่า ขณะที่ท่านพบมีความสูงประมาณ ๗๐ ฟุต ตั้งอยู่ข้างพระวิหาร ยามเมื่อต้องแสงพระอาทิตย์ เสาหินนี้จะสะท้อนเป็นสีชมพูส่องแสงแวววับ ด้วยว่าสร้างจากหินอย่างดีบดละเอียด มีช้างหมอบตั้งอยู่บนยอดเสา หันหน้าไปทางบันไดทั้งสามนั้น ข้างเสาหินได้เห็นพระสถูปและพระวิหารที่พระพุทธองค์เสด็จเข้าสมาธิ ข้างพระวิหารมีกำแพงยาว ๕ ก้าว สูง ๒ ฟุต เป็นที่พระพุทธองค์ทรงเดินจงกรม มีรูปดอกบัวเป็นเครื่องหมายอยู่บนกำแพงอย่างเดียวกับที่พุทธคยา

ท่านเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม (Sir Alexander Cunningham) ได้เดินทางมาสำรวจโบราณสถานที่เมืองสังกัสสะ เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๕ ได้พบซากพระวิหารกำแพงและพระพุทธปฏิมากรบางส่วนเท่านั้น

:b44: สถานที่น่าสนใจในเมืองสังกัสสะ

๑. ซากพระอุโบสถ “เทโวโรหนสถูป” เป็นกองดินเป็นเนินสูงขึ้นไปขนาดใหญ่ มีความสูงราว ๑๒ เมตร มีซากอิฐเรียงรายขนาดใหญ่เหมือนป้อม ต่อมาป้อมได้พังลงตามกาลเวลา เทโวโรหนสถูปแห่งนี้เป็นพระสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างถวาย ซึ่งได้ปักเสาหินรูปช้างไว้ข้างพระสถูปด้วย เมื่อพระสถูปได้ผุพังตามกาลเวลาก็ไม่มีใครดูแล ต่อมาได้มีชาวฮินดูนำรูปพระศิวะและพระนางปารวตีไปตั้งไว้ จึงเป็นที่บูชาสักการะของชาวฮินดู แล้วได้มีการสร้างวัดฮินดูครอบไว้ นามว่า วิสาลีเทวีมันตีร นอกจากนั้นภายในเนินเทโวโรหนสถูปยังพบพระพุทธรูปเก่าแก่เป็นจำนวนมาก แต่ได้สูญหายไปหมด เมื่อเจ้าหน้าที่มาสำรวจจึงเหลือเพียงบางองค์ที่แตกหักเท่านั้น

๒. เสาอโศก หรือเสาศิลาจารึกอโศก คงเหลือไว้แค่ ยอดเสาหินแกะสลักเป็นรูปช้างตัวเดียว งวงหักไป ทำจากหินทรายแดงขัดมัน มีความสูงราว ๒ เมตร ไม่มีข้อความจารึกเขียนไว้

๓. ภาพพระพุทธเจ้า ห่างจากเสาอโศกเล็กน้อย มีอาคารขนาดเล็กตั้งอยู่ ด้านในมีภาพแกะสลักสีดำซึ่งค้นพบโดย ดร.พระวิชัยโสมรัตนะเถระ ชาวศรีลังกา ตั้งอยู่ใกล้สระน้ำของหมู่บ้าน เป็นภาพพระพุทธเจ้ากำลังทรงเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่ยังโลกมนุษย์ โดยมีท้าวมหาพรหมถือฉัตรให้พระพุทธองค์ ยืนอยู่เบื้องซ้าย ท้าวสักกเทวราชถือบาตร ท้าวสุยามเทพบุตรถือแส้จามร ถวายงานพัดพระบรมศาสดา ปัญจสิขเทพบุตรบรรเลงพิณ มาตุลีเทพบุตรถือของหอมบูชา มีบันได ๓ อย่าง คือ บันไดทอง บันไดแก้ว บันไดเงิน

๔. วัดศรีลังกา “วัดเทโวอาโรหณะ ไมตรียะ พุทธวิหาร” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ ๒ รูป คือ ดร.พระปัญญาสาระเถระ เป็นเจ้าอาวาส และ ดร.พระวิชัยโสมรัตนะเถระ ภายในวัดมีโรงเรียนระดับมัธยมเพื่อสอนเด็กยากไร้ทั่วไป วัดสามารถเป็นที่พักของผู้แสวงบุญได้

๕. วัดอินเดีย “วัดศากยมุนี พุทธวิหาร” อยู่ห่างจาก “เทโวโรหนสถูป” ไปประมาณ ๑ กิโลเมตร ในเขตอำเภอเมนบุรี สร้างขึ้นโดย พระธัมมปาละ พระสงฆ์ชาวอินเดียที่จบจากมหาวิทยาลัยสัมปูรณานันทสันสกฤต เมืองพาราณสี เป็นศิษย์วัดพระยายัง กรุงเทพมหานคร วัดมีเนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่

๖. วัดอื่นๆ คือ วัดพม่า วัดเกาหลี และวัดธิเบต

รูปภาพ
ซาก “เทโวโรหนสถูป” เมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ
สถานที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในปัจจุบันมีเหลือแต่เพียงซากพระอุโบสถ หรือซาก “เทโวโรหนสถูป”
เป็นเสมือนกองดินเป็นเนินสูงขึ้นไปขนาดใหญ่
และเบื้องล่างอยู่ใกล้เคียงกันนั้น มี “ยอดเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช”


รูปภาพ

รูปภาพ
“ยอดเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช” เมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ
บนยอดเสาแกะสลักเป็นรูปช้างตัวเดียว แต่งวงหักไป
เนื่องจากถูกกองทัพของราชาไชยจันทร์แห่งเมืองกาเนาซ์ทุบทำลาย
จนในปัจจุบันเหลือเพียง “ยอดเสา” กับ “รูปช้างชำรุด” เท่านั้น


--------
:b8: :b8: :b8: ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูล ::
(๑) เมืองสังกัสสะ บันไดสวรรค์สู่โลกมนุษย์
หนังสือคู่มือเส้นทางบุญสู่สังเวชนียสถาน : พระมหา ดร.คมสรณ์ คุตฺตธมฺโม
(๒) วันออกพรรษา และประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=83&t=53715
:b8: :b8: :b8: ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ ::
ซึ่งเอื้อเฟื้อโดย คุณ Venfaa Aungsumalin


:b39: พุทธสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล
: สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377

:b39: รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ “วันออกพรรษา”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45497

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2015, 11:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 14:07
โพสต์: 278


 ข้อมูลส่วนตัว


อีกไม่กี่วันต่อแต่นี้ก็จะออกพรรษาแล้ว เราชาวพุทธคงได้ทำบุญตักบาตรเทโวกันค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2016, 12:16 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2884


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ ใกล้วันออกพรรษาแล้วค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2018, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2775


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2018, 16:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8202


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2018, 12:59 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2019, 08:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2020, 19:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 718

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2023, 22:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร