ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เทวดามาร่วมกราบถวายบังคมในหลวง-พระราชินี ณ วัดภูทอก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=53908 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 15 พ.ค. 2017, 15:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | เทวดามาร่วมกราบถวายบังคมในหลวง-พระราชินี ณ วัดภูทอก |
เทวดามาร่วมถวายเพลิงศพท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ และกราบถวายบังคมในหลวง-พระราชินี ตาม “หมายกำหนดการ” ของสำนักพระราชวัง ประกาศเรื่อง เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพ พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ ณ เมรุวัดภูทอก อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย วันเสาร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๔ ไว้ดังนี้ “เวลา ๑๔.๐๐ น. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง จากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ไปยังสนามหน้าวัดภูทอก อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย เวลา ๑๔.๕๐ น. – เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งถึงสนามหน้าวัดภูทอก อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย – ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เฝ้าฯ รับเสด็จฯ และกราบบังคมทูลเบิกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดเฝ้าฯ – เสด็จพระราชดำเนินขึ้นประทับ ณ มุขพลับพลา (สมควรแก่เวลา) – เสด็จขึ้นเมรุ – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทอดผ้าไตร (พระสงฆ์ ๑๐ รูป บังสุกุล) – ทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี ทรงวางที่จิตกาธานข้างหีบศพ แล้วหยิบธูปเทียน ดอกไม้จันทน์ ทรงจุดไฟชนวนพระราชทานเพลิง – เสด็จลงจากเมรุไปประทับ ณ มุขพลับพลา (ข้าราชการ พระภิกษุ ศิษยานุศิษย์ ขึ้นเมรุเผาศพ) เวลา ๑๖.๓๐ น. – เสด็จพระราชดำเนินไปประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง กลับพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เสด็จถึงเวลา ๑๗.๓๐ น. การแต่งกาย แต่งเครื่องแบบปกติขาว หรือปรกติกากีคอตั้ง ไว้ทุกข์” ที่นำ “หมายกำหนดการ” ของสำนักพระราชวังมาลงพิมพ์ไว้โดยละเอียด ก็เพื่อจะได้เข้าใจภาพเหตุการณ์ที่จะกล่าวต่อไปได้ดี... ลำดับเหตุการณ์เป็นไปตาม “หมายกำหนดการ” ทุกประการ โดยเฉพาะลำดับหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จขึ้นเมรุ ทรงทอดผ้าไตร ทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้ จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี ทรงวางที่จิตกาธานข้างหีบศพ แล้วหยิบธูปเทียน ดอกไม้จันทน์ ทรงจุดไฟชนวนพระราชทานเพลิง แต่สำหรับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงหมอบกราบกับพื้นพรมที่ปูลาดหน้าจิตกาธานด้วย อันแสดงถึงพระราชศรัทธาปสาธิการอันสูงยิ่ง ทุกพระองค์เสด็จฯ ลงจากเมรุไปประทับ ณ มุขพลับพลา “หมายกำหนดการ” เขียนไว้ต่อไปว่า “ข้าราชการ พระภิกษุ ศิษยานุศิษย์ ขึ้นเมรุเผาศพ” อันหมายความว่า ข้าราชการ (ชั้นผู้ใหญ่) จะขึ้นเมรุเป็นลำดับแรก แล้วต่อมาจึงจะถึง ...“พระภิกษุ”...แต่ในวันนั้น เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก* เสด็จมาเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ โดยคืนก่อนหน้านั้น วันบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานในการออกเมรุ สมเด็จพระสังฆราชทรงเมตตาเป็นองค์ถวายพระธรรมเทศนาเองด้วย ดังนั้น ทางการจึงเชิญเสด็จไปวางดอกไม้จันทน์เป็นลำดับถัดมา โดยมีพระภิกษุสงฆ์ตามเสด็จขึ้นเมรุต่อไปเป็นสาย จนหมดคณะสงฆ์ซึ่งมีจำนวนนับพันองค์ หมดสายของกระบวนคณะภิกษุสงฆ์ ก็จะได้ถึงโอกาสของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่...แต่ปรากฏว่า มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น ทุกคนเหมือนถูกตรึงให้ยืนอยู่กับที่... มีบุคคลคณะพิเศษ แทรกเข้าร่วมถวายเพลิงศพด้วย ดูเผินๆ ก็เหมือนประชาชนทั่วไป เมรุมีบันไดทางขึ้นลงสองทาง บันไดด้านหน้าเป็นทางลง คนหนึ่งขึ้นเมรุทางด้านซ้าย...อีกคนขึ้นเมรุทางด้านขวา เมื่อต่างกราบศพ ถวายดอกไม้จันทน์แล้ว ก็เดินมาบรรจบพบกันที่ด้านหน้าของเมรุ เดินเคียงคู่กันลงจากเมรุ พอลงถึงลานดินด้านล่าง ก็ก้มลงคุกเข่าในท่านั่งกระหย่ง กราบถวายบังคมมาทางที่ประทับ ณ มุขพลับพลา พร้อมกัน แล้วก็แยกกันไป คนหนึ่งแยกไปซ้าย ...อีกคนหนึ่งแยกไปขวา ...คู่แล้ว คู่เล่า...! เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ระยะหนึ่ง ทุกคน...โดยเฉพาะบรรดาผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่บนมุขพลับพลา เกือบจะลืมหายใจ เป็นภาพที่งดงาม ตรึงตาตรึงใจเป็นที่สุด ครั้งแรกผู้เขียน (คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต) คิดว่า ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดฝึกซ้อมประชาชนของท่านมาเป็นอย่างดี ทำให้การเข้าเฝ้ารับเสด็จฯ ร่วมถวายเพลิงศพท่านพระอาจารย์เป็นภาพประทับใจอย่างนี้ ...เดินขึ้นบันไดเมรุมา คนหนึ่งจากฝั่งซ้าย...อีกคนหนึ่งจากฝั่งขวา กราบและวางดอกไม้จันทน์ แล้วเดินมาบรรจบกันตรงกลางเมรุ เดินเคียงคู่กันลงจากเมรุ เมื่อถึงลานดินหน้าที่ประทับ ก็กราบถวายบังคมพร้อมกัน แล้วแยกกันไป คนหนึ่งแยกไปซ้าย อีกคนหนึ่งแยกไปขวา ...เหมือนได้ดูละครฉากใหญ่ ที่ฝึกซ้อมมาอย่างไม่มีที่ติ กิริยาทั้งปวงที่ดำเนินไปจึงนุ่มนวล ดูเป็นธรรมชาติงดงามตายิ่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เบือนพระพักตร์กลับมา ออกพระโอษฐ์ว่า “ต๊าย...เป็นภาพที่งามอะไรอย่างนี้ ใครถ่ายรูปไว้บ้างไหม” ทรงกวาดสายพระเนตรมองมาที่ผู้เขียน แล้วรับสั่งต่อ “อ้อ...คุณสุทัศน์คงจะเก็บภาพไว้ได้บ้าง” คุณสุทัศน์ พัฒนสิงห์ เป็นช่างภาพหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ประจำสายข่าวในพระราชสำนักระยะนั้น หลวงปู่ครูบาอาจารย์หลายองค์ ปรารภให้ผู้เขียนฟัง “ท่านอาจารย์จวนมีบารมีมาก เทวดารัก มาร่วมถวายเพลิงศพท่านมากมาย ถึงกับแสดงองค์ให้มนุษย์รู้เห็น...!” “เป็นมนุษย์ธรรมดา ทำได้อย่างไร? “ท่าน” มาแสดงให้ดูทั้งหมด” โดยเฉพาะ ‘ท่า’ การถวายบังคมนั้นไม่ธรรมดาแน่ เป็นการแสดงปัจจุคมนาการ แบบคุกเข่า ยกมือพนมขึ้นสูงเหนือเศียรเกล้า...หน้าหงายแหงนไปเบื้องหลัง แล้วค้อมศีรษะลงกราบราบจรดพื้น...เป็นแบบอย่าง แสดงถึงการแสดงความเคารพอย่างสูงสุด ผู้เขียนกราบหลวงปู่ทุกองค์ด้วยความซาบซึ้ง รำลึกในพระคุณที่ท่านพากันเมตตา อธิบายความให้กระจ่าง ใจคิดเตลิดเลยต่อไป “เทวดารักท่านอาจารย์จวนนั่นแน่ละ...แต่องค์สมมติเทพทั้งสองพระองค์ที่ประทับคู่เคียงกัน ณ มุขพลับพลา ที่หลวงปู่ครูบาอาจารย์พากันบอกศิษย์เสมอๆ ว่า “ท่านอวตารคู่กันมาแต่สวรรค์” นั้น เทวดาย่อมรักท่านแน่นอน...! ย่อมเคารพท่านแน่นอน...! เทวดาจึงได้ถวายบังคม แสดงปัจจุคมนาการแบบไม่ธรรมดา ซึ่งแสดงถึงการแสดงความเคารพอย่างสูงสุดดังนี้ หมดสิ้นกลุ่ม ‘ผู้ไม่ธรรมดา’ เหล่านี้แล้ว ทุกคนจึงคลายจากอาการสภาพ “นะจังงัง” การวางดอกไม้จันทน์ของบรรดาข้าราชการและประชาชนทั่วไป ก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ตาม “หมายกำหนดการ” เวลา ๑๖.๓๐ น. จะเสด็จพระราชดำเนินไปประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง กลับพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ แต่บ่ายวันนั้น ประทับอยู่บนมุขพลับพลา โปรดเกล้าฯ ให้ศิษย์และเครือญาติท่านอาจารย์เข้าเฝ้าฯ มีรับสั่งถามทุกข์สุขอย่างทรงพระเมตตา และพระราชทานพระราชดำริ เรื่องควรสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิของท่านอาจารย์ ประทับรอจนประชาชนที่ขึ้นถวายดอกไม้จันทน์บางเบาลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็เสด็จฯ ลงเยี่ยมราษฎรต่อ จนเวลาค่ำกว่า ๒๐.๐๐ น. จึงเสด็จกลับ แสงไฟฟ้าให้ความสว่างไม่พอ ต้องมีการจุดโคมและไฟฉายตั้งแบบดวงโคม ช่วยให้แสงสว่างช่วย ภาพพระผู้ทรงเป็นยอดมงกุฎแห่งแผ่นดิน ประทับกับพื้นหญ้า มีรับสั่งกับพสกนิกรของพระองค์อย่างใกล้ชิด...เรื่องน้ำ เรื่องความเป็นอยู่ของราษฎร ฯลฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หลายคนมาสารภาพภายหลัง “ผมนึกไม่ถึงเลย ว่าจะได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ถึงเช่นนี้ ท่านนั่งบนหญ้าเหมือนๆ กับเรา เอื้อมมือก็แตะองค์ท่านได้...! ชาตินี้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต !” หมายเหตุ : * เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ” นับเป็น “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า” พระองค์ที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า” พระองค์ที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ รูปหล่อท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ ณ วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) จ.บึงกาฬ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินจากภูพานราชนิเวศน์ ไปพระราชทานเพลิงศพพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๔ เวลา ๑๔.๑๐ น. ณ เมรุชั่วคราว วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) ต.นาสะแบง อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย (ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ในปัจจุบัน) --------------- คัดลอกเนื้อหามาจาก...หนังสือกุลเชฏฺฐาภิวาท ฉบับสมบูรณ์ ชีวประวัติ ปฏิปทา และธรรมเทศนา ของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ หน้า ๖๘๘-๖๙๑ วัดเจติยาคิรีวิหาร ภูทอก อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ผู้เขียนและเรียบเรียง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=53953 • ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=23167 • รวมคำสอน “พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=42684 • พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ กับ ยอดมงกุฎแห่งแผ่นดิน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=42682 |
เจ้าของ: | อุบาสกน้อย [ 28 พ.ค. 2017, 20:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เทวดามาร่วมกราบถวายบังคมในหลวง-พระราชินี ณ วัดภูทอก |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 28 ก.ย. 2020, 14:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เทวดามาร่วมกราบถวายบังคมในหลวง-พระราชินี ณ วัดภูทอก |
เจ้าของ: | sirinpho [ 11 เม.ย. 2024, 19:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เทวดามาร่วมกราบถวายบังคมในหลวง-พระราชินี ณ วัดภูทอก |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |