ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร จ.กาญจนบุรี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=46256 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | น้อมเศียรเกล้า [ 08 ธ.ค. 2012, 11:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร จ.กาญจนบุรี |
ไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พุทธสถานพระแท่นดงรัง วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๑ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ในเขตเทศบาลตำบลพระแท่น เดิมมีฐานะเป็นวัดราษฎร์ อาณาบริเวณภายในวัดกว้างขวางมาก พื้นที่เป็นรูปวงกลมรี มีเนื้อที่ประมาณ ๕,๑๕๒ ไร่ ทิศเหนือ จดถนนสายกำแพงแสน-พนมทวน, ทิศใต้ จดหมู่บ้านท่าโป่ง, ทิศตะวันออก จดหมู่บ้านบ้านโป่ง และทิศตะวันตก จดทุ่งนา โดยวัดตั้งอยู่บนเนินเขาป่าไม้เต็งรังและไม้เบญจพรรณอื่นๆ อันเป็นบริเวณเดียวกันกับ “พุทธสถานพระแท่นดงรัง” ที่ประดิษฐาน “พระแท่นดงรัง” ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่งของประเทศไทย ในปัจจุบันนี้การคมนาคมสะดวกสบายเพราะมีเส้นทางรถยนต์ผ่านวัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ๒ เส้นทาง คือแยกจากถนนสายบ้านโป่ง-กาญจนบุรี ใกล้หลักกิโลเมตรที่ ๑๐๑ ตรงตลาดท่าเรือ ระยะทางจากตลาดท่าเรือถึงวัด ๑๐ กิโลเมตร อีกสายหนึ่งแยกจากถนนสายกำแพงแสน-พนมทวน ตรงหลักกิโลเมตรที่ ๒๒ เป็นระยะทาง ๓๐๐ เมตร พระแท่นดงรัง นับว่าเป็นพระเจดียฐานประการหนึ่ง คือถือว่าเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า และนับว่าเป็นสังเวชนียสถานแห่งหนึ่งในสี่แห่งของพระพุทธเจ้า คือ สถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่ดับขันธปรินิพพาน ซึ่งสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในประเทศอินเดียและประเทศเนปาลในปัจจุบัน ตามตำนานอันเป็นคติที่เชื่อกันว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังแว่นแคว้นต่างๆ ภายนอกประเทศอินเดีย ด้วยอำนาจฌานสมาบัติ และได้ประดิษฐานพระเจดีย์หรือตรัสพยากรณ์เรื่องราวต่างๆ ไว้ในแว่นแคว้นเหล่านั้น จึงเกิดมีพระเจดีย์วัตถุและพุทธพยากรณ์ที่อ้างว่าพระพุทธองค์ได้ทรงประดิษฐานพระเจดีย์วัตถุไว้ ในประเทศไทยมีตำนานเกี่ยวกับการประทับรอยพระพุทธบาท และการสร้างพระธาตุเจดีย์อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย รวมทั้งพระแท่นและพระพุทธฉาย สำหรับพระแท่นที่มีอยู่ในพงศาวดาร คือ พระแท่นศิลาอาสน์ มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย แต่พระแท่นดงรัง ไม่ได้มีกล่าวไว้ในพงศาวดาร จึงสันนิษฐานว่า อาจจะเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ความอัศจรรย์ของพระแท่นดงรังนั้นผิดกับพระเจดีย์วัตถุอื่น เนื่องจากมีผู้เชื่อว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ พระแท่นดงรังนี้จริงๆ ซึ่งเท่ากับว่าเมืองไทยนี้เป็นมัชฌิมประเทศ อันเป็นสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ และดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า พุทธสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล : สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377 พระแท่นบรรทม พระแท่นเป็นหินแท่งทึบหน้าลาดคล้ายแท่น หรือเตียงนอน ต่ำข้างหนึ่งสูงข้างหนึ่ง มีขนาดยาว ๑๑ ศอก ๑ คืบ กว้าง ๔ ศอกเศษ ด้านล่างป็นปูนปั้นรองแท่น มีหินวางทับซ้อนกันอยู่ มองดูคล้ายพระเขนย (หมอน) พระแท่นนี้อยู่ภายในพระวิหารพระแท่น เดิมมีต้นรังข้างละหนึ่งต้นโน้มยอดเข้าหากัน ในระหว่างนางรังทั้งคู่ค้อม แต่ไม้รังยังรักพระศาสดา ชวนกันไปไหว้พระแท่นแผ่นศิลา คำนับน้อมกิ่งก้านก็สาขา อนิจจาเราเกิดไม่ทันองค์ ปัจจุบันมีวิหารสร้างครอบพระแท่นไว้ ซึ่งคงสร้างไว้นานแล้ว เพราะเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๖ สามเณรกลั่น ได้เดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง พร้อมกับสุนทรภู่ ได้แต่งนิราศไว้มีความตอนหนึ่งว่า ถึงพระแท่นแสนสงัดเห็นวัดมี กับต้นรังทั้งคู่ยังอยู่พร้อม ต่างชื่นชมโสมนัสยิ่งศรัทธา เข้าประตูดูแผ่นพระแท่นดัง ทั้งโบสถ์ที่ครอบพระแท่นแผ่นศิลา ดูยอดน้อมเข้ามาข้างแท่นที่แผ่นผา ตามบิดาทักษิณด้วยยินดี เหมือนบัลลังก์แลจำรัสรัศมี ส่วนที่เป็นพระแท่นนั้นเป็นปลายของเทือกศิลาที่ยื่นออกมา มีลักษณะเป็นศิลาแท่งสูงข้างหนึ่ง ต่ำข้างหนึ่ง ข้างสูงวัดได้ศอกคืบ และยังมีส่วนที่สูงขึ้นไปอีกเหมือนเป็นหมอน กว้างประมาณคืบเศษ สูงประมาณหนึ่งคืบ ปลายพระแท่นสูง ๑๖ นิ้ว พระแท่นยา ๑๑ ศอกคืบ กว้าง ๔ ศอกเศษ ส่วนล่างกว้าง ๓ ศอกเศษ ประวัติความเป็นมา วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร หรือพระแท่นดงรัง สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา (ประเทศศรีลังกา ในปัจจุบัน) เนื่องจากในสมัยพระเจ้าบรมโกศ ได้นำพันธุ์ต้นพระศรีมหาโพธิ์มาจากเกาะลังกา และเกิดมีรอยพระพุทธบาทขึ้นที่เมืองสระบุรี และพระแท่นดงรังในแขวงเมืองราชบุรี (ปัจจุบันอยู่ในเขตตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี) ซึ่งจัดเป็น “บริโภคเจดีย์” ตามพระบรมพุทธานุญาต “พุทธเจดีย์” เจดีย์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ๔ ประเภท http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=43001 หลักฐานเก่าแก่ที่สุดคือ จากนิราศพระแท่นดงรังของสามเณรกลั่น ที่เดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง พร้อมกับสุนทรภู่ เมื่อเดือนสี่ ปีมะเส็ง ปี พ.ศ. ๒๓๗๖ ว่า ถึงพระแท่นแสนสงัดเห็นวัดมี ทั้งโบสถ์ที่ครอบพระแท่นแผ่นศิลา กับต้นรังทั้งคู่ยังอยู่พร้อม ดูยอดน้อมมาข้างแท่นที่แผ่นผา ต่างชื่นชมโสมนัสยิ่งศรัทธา ตามบิดาทักษิณด้วยยินดี เข้าประตูดูแผ่นพระแท่นตั้ง เหมือนบัลลังก์แลจำรัสรัศมี และจากนิราศของนายมี ซึ่งเดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง เมื่อปีวอก นักษัตรอัฐศก พ.ศ ๒๓๗๘ ภายหลังสามเณรกลั่น ๓ ปี นายมีได้พรรณนาถึงพระแท่นดงรังว่า เอาธูปเทียนบุปผาสุมาลัย ชวนกันไหว้พระแท่นแผ่นศิลา ในระหว่างนางรังทั้งคู่ค้อม คำนับน้อมกิ่งก้านก็สาขา แต่ไม้รังรักพระศาสดา อนิจจาเราเกิดไม่ทันองค์ จากนิราศทั้งสองนี้ทำให้ทราบว่ามีวัดพระแท่นดงรัง และมีการสร้างพระวิหารคลุมพระแท่นอยู่ก่อนแล้ว จึงสันนิษฐานว่าพระแท่นนี้คงจะมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและอาจจะร้างไป เพราะอยู่ในช่วงสงครามกับพม่า ต่อมาจึงมีการบูรณะขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ หรือต้นรัชกาลที่ ๒ ต่อมาพระวิหารได้ชำรุดทรุดโทรมไป สมัยรัชกาลที่ ๓ พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาได้บอกบุญปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ตามจดหมายเหตุสมัยรัชกาลที่ ๓ เลขที่ ๓๑๖ เรื่อง บัญชีรายนามผู้ปฏิสังขรณ์พระแท่น จ.ศ. ๑๒๐๑ (พ.ศ. ๒๓๘๒) สมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์) ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงนมัสการพระแท่นดงรัง เมื่อเดือน ๖ ปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๐๒ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ตามปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า เมื่อปีกุน เบญจศก (พ.ศ. ๒๔๐๕) ที่พระแท่นดงรังก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมการเมืองราชบุรี ทำพระวิหารและพระอุโบสถที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ จำนวนเงินไม่ปรากฏ และให้สร้างพระเจดีย์ขึ้นที่หลังพระแท่น ๑ องค์ สมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสไทรโยค ปีฉลู จ.ศ. ๑๒๓๙ (พ.ศ. ๒๔๒๐) ได้กล่าวถึงค่ายหลวงพระแท่นดงรัง โดยได้ทรงเขียนอธิบายถึงพระแท่นดงรังอย่างละเอียดว่า “จนเวลาบ่ายโมงครึ่งไปที่พระแท่น ขี้เกียจจะแวะที่พระแท่นเป็น ๒ หน ๓ หน จึงขึ้นไปที่เขาถวายพระเพลิงเสียทีเดียว ระยะทางที่มาประมาณว่า ๑๒ เส้นนั้น เย็นวันนี้ ถามพันจันทร์ได้ความว่า ตั้งแต่พลับพลาไปจนถึงวิหารพระแท่น ทาง ๑๖ เส้น ๑๓ วา แต่วิหารไปถึงเชิงเขา๑๐ เส้น ๗ วา แต่เชิงบันไดถึงเชิงมณฑป ๓ เส้น ๘ วา...ตรงหน้าที่สูงขึ้นบันไดขึ้นไป ยังเป็นยอดสูงขึ้นไปอีกหน่อยหนึ่งเป็นที่ตั้งมณฑป ๑๒ เหลี่ยม กว้างประมาณ ๓ วา มีเสาข้างใน ๔ เสา ทำเป็นเมรุกลายๆ ยอดแหลม มีประตู ๒ ประตู ในนั้นมีพระบาทอยู่เชิงตะกอน...ที่วิหารพระแท่นตั้งอยู่ที่นั้นเป็นเขาเทือกเดียวกันกับเขาถวายพระเพลิง เชิงเขานั้นตกราบลงมาสูงกว่าพื้นดินข้างล่างอยู่หน่อยหนึ่ง มาถึงที่พระแท่นจึงเป็นเขาศิลากองยาวออกไป ที่ข้างหลังวิหารมีช่องศิลายาวประมาณ ๖ นิ้ว กว้าง ๔ นิ้ว หยั่งดูลึกสักสองศอก ว่าเป็นที่บ้วนพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ที่พระแท่นนั้นเป็นปลายของเทือกศิลาที่เขานั้นยื่นออกมาก่อผนังทับคงเป็นศิลาเป็นแท่งสูง ข้างหนึ่งต่ำข้างหนึ่งสูงนั้น วัดได้ศอกคืบ ยังมีสูงขึ้นไปเหมือนหนึ่งเป็นหมอน กว้างสักคืบเศษ สูงคืบหนึ่ง ข้างปลายสูง ๑๖ นิ้ว ยาว ๑๑ ศอกคืบ ข้างบนกว้าง ๔ ศอกเศษ เป็นพื้นขรุขระอยู่ แต่เจ้าของปิดทองทำปั้นเป็นบัวรองไว้...” สมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เสด็จพระราชดำเนินไปซ้อมรบเสือป่า ณ ค่ายหลวงบ้านโป่ง ภายหลังการซ้อมรบเสือป่าแล้วได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปตามถนนและทางเกวียนมาทรงสักการะพระแท่นดงรัง แต่เสด็จเพียงวันเดียวไม่ได้ประทับแรม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์เล่าเรื่องพระแท่นดงรังถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ในสาส์นสมเด็จ ภาค ๓๗ ฉบับลงวันที่ ๑๙ และ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ว่า “...ถึงพระแท่นดงรัง หม่อมฉันเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์สำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวพระแท่น เท่ากับผ้าเหลืองที่เขาเอาซ้อนกองไว้บนพระแท่นเป็นรูปคล้ายกับศพคลุมผ้านอนอยู่บนนั้น ผู้ที่ไปพระแท่นดงรังครั้งแรก ล้วนนึกว่าจะไปดูพระแท่น ครั้นไปถึงแต่พอโผล่ประตูวิหารเข้าไป เห็นรูปกองผ้าเหลืองเหมือนอย่าง “พระพุทธศพ” วางบนพระแท่นก่อนสิ่งอื่นก็จับใจในทันที บางคนก็สะดุ้งกลัว บางคนยิ่งรู้สึกเลื่อมใส พระแท่นดงรังอัศจรรย์ด้วยผ้าเหลืองกองนั้นเป็นสำคัญ จึงมักกล่าวกันว่า พระแท่นศิลาอาสน์ไม่น่าเลื่อมใสเหมือนพระแท่นดงรัง...” สมัยรัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงนมัสการพระแท่นดงรัง ๒ ครั้ง คือ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันวิสาขบูชา วางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ และทรงลงพระปรมาภิไธยบนแผ่นศิลา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงปลูกต้นโพธิ์ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกต้นรัง เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๕ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถ และเททองหล่อพระประธานและพระพุทธบาทจำลอง พระบรมวงศานุวงศ์ที่เสด็จมานมัสการพระแท่นดงรัง พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๒ เพื่อเตรียมการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระวรราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ และวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๓ ทรงประกอบพิธีเปิดงานนมัสการและทรงถวายผ้าพระกฐิน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯ ทรงมานมัสการพระแท่นดงรัง เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร เสด็จรวม ๒ ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ และเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เสด็จฯ ทรงมาตัดหวายลูกนิมิต กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ได้ขึ้นทะเบียน “พุทธสถานพระแท่นดงรัง” วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร เป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจนุเบกษา เล่มที่ ๗๒ ตอนที่ ๒ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๘ มีศาสนวัตถุสำคัญ คือ พระแท่นดงรังหรือพระแท่นบรรทม สถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ยกพระแท่นดงรังเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เพื่อเฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีสถานปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ “พระประธานในพระอุโบสถ” วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร “พระอุโบสถ” วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ภาพพุทธประวัติ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร |
เจ้าของ: | น้อมเศียรเกล้า [ 08 ธ.ค. 2012, 11:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | |
“พระแท่นดงรัง” ณ พุทธสถานพระแท่นดงรัง “หลวงพ่อพระแท่น” ณ พุทธสถานพระแท่นดงรัง “วิหารพระแท่น” หรือ “พระวิหารพระแท่นดงรัง” ณ พุทธสถานพระแท่นดงรัง หน้าบัน “วิหารพระแท่น” หรือ “พระวิหารพระแท่นดงรัง” เป็นหน้าบันไม้จำหลักเก่าแก่ที่ละเอียดงดงาม ส่วนล่างเป็นผนังก่ออิฐถือปูน ผสมผสานด้วยงานตกแต่งยุคปัจจุบัน ซึ่งตกแต่งด้วยภาชนะกระเบื้องดินเผาชนิดต่างๆ ที่ดูสวยงามแปลกตาอย่างที่ไม่ได้พบเห็นกันโดยทั่วๆ ไป รูปหล่อเหมือนครูบาอาจารย์องค์ต่างๆ (สามารถปิดทองได้) ณ “วิหารพระแท่น” หรือ “พระวิหารพระแท่นดงรัง” |
เจ้าของ: | น้อมเศียรเกล้า [ 08 ธ.ค. 2012, 11:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | |
พระมณฑปจตุรมุข วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ที่ประดิษฐาน “รอยพระพุทธบาทจำลองไม้ประดับมุก” ในรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา รอยพระพุทธบาทจำลองไม้ประดับมุก ภายในพระมณฑปจตุรมุข เป็นรอยพระบาทไม้โบราณ ในรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา ลวดลายบนรอยพระบาทเป็นลายมงคล ๑๐๘ ประการ เดิมทีรอยพระบาทได้ถูกปิดทับด้วยทองคำเปลว ซึ่งผู้คนที่ได้มาสักการะได้ปิดไว้จนมองไม่เห็นลวดลายเดิม จนกระทั่งมีนักโบราณคดีได้มาสำรวจ และทำการลอกทองคำเปลวออก จึงได้พบลวดลายที่ประดับด้วยมุข ซึ่งเป็นลวดลายเดียวกันกับรอยพระพุทธบาทที่เขียนบนผ้า ที่พระเจ้าบรมโกศได้มอบเป็นเครื่องราชบรรณาการ เพื่อเจริญพระราชไมตรีแก่กษัตริย์ศรีลังกา เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๙๙ รูปหล่อพระอานนท์ พุทธอนุชาและพุทธอุปัฏฐาก ในพระวิหารพระอานนท์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันกับอาศรมพระฤาษี |
เจ้าของ: | น้อมเศียรเกล้า [ 08 ธ.ค. 2012, 11:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | |
“พระวิหาร” วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร พระวิหารพระสังกัจจายน์ พระสังกัจจายน์ หรือ “หลวงพ่อโต” ในพระวิหารพระสังกัจจายน์ องค์พระพุทธรูปปางต่างๆ “บ่อบ้วนพระโอษฐ์” ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารพระแท่นดงรัง และพระอุโบสถหลังเก่า เป็นบ่อบนกองศิลาลูกเตี้ยๆ มีลักษณะเป็นก้อนหินตะปุ่มตะป่ำ มีรูอยู่ในหินรูหนึ่งยาวประมาณ ๖ นิ้ว กว้าง ๔ นิ้ว และลึกประมาณ ๒ ศอก มีเรื่องเล่ากันว่า เป็นสถานที่สมมุติเป็นที่บ้วนพระโอษฐ์ ครั้งที่พระองค์ทรงพระอาเจียนลงพระโลหิตก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน และภายในบ่อจะมีน้ำอยู่ตลอดทั้งปี เมื่อมีการตักน้ำออกไปมากๆ น้ำจะค่อยๆ ซึมออกมาเพิ่มขึ้นจนเท่าเดิมทุกครั้ง เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา ในพระวิหารหินบดยา หรือพระวิหารทรมานพระกาย ด้านหน้าองค์พระพุทธรูปได้ประดิษฐาน “แท่นหินบดยา” และรูปหล่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์ประจำพระองค์ ขอขอบคุณที่มาของเนื้อหา-รูปภาพ http://katin.bu.ac.th/katin08.html http://kri.onab.go.th/index.php?option= ... Itemid=136 https://www.facebook.com/media/set/?set ... 667&type=3 http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/to ... 72277.html |
เจ้าของ: | sirinpho [ 05 ก.ย. 2013, 16:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร จ.กาญจนบุรี |
ขออนุโมทนาสาธุค่ะ ประวัติความเป็นมาของวัดน่าสนใจมากเลยค่ะ ศาสนวัตถุ โบราณสถานต่างๆ ภายในวัดก็เป็นสิ่งที่หาชมได้ยาก และมีความงดงามหาที่ติไม่ได้เลยนะคะ เมื่อต้นปี 2556 นี้ เคยไปวัดแห่งนี้มาแล้ว ตอนนั้นยังไม่ทราบประวัติมากอย่างนี้ คราวหน้าจะหาโอกาสไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดแห่งนี้อีกครั้งค่ะ |
เจ้าของ: | ลูกหว้า [ 16 มิ.ย. 2014, 07:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร จ.กาญจนบุรี |
ได้ไปสักการะมาแล้วเช่นกันค่ะ วัดงดงามทุกส่วนทุกตอนเลย เห็นภาพอ่าน-ประวัตือีกครั้งชื่นใจชุ่มใจจริงๆเลยค่ะ |
เจ้าของ: | ร่มเย็นเป็นสุข [ 30 ม.ค. 2015, 20:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร จ.กาญจนบุรี |
ปีติสุขมากๆเวลาได้เห็นองค์พระหรือไปกราบท่าน |
เจ้าของ: | Duangtip [ 27 มิ.ย. 2020, 09:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร จ.กาญจนบุรี |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 14 ก.ค. 2021, 10:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร จ.กาญจนบุรี |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |