ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ประวัติวัดนครสวรรค์ (พระอารามหลวง) จ.นครสวรรค์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=45982 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 28 ก.ค. 2013, 16:48 ] | ||||||||
หัวข้อกระทู้: | ประวัติวัดนครสวรรค์ (พระอารามหลวง) จ.นครสวรรค์ | ||||||||
ประวัติวัดนครสวรรค์ (พระอารามหลวง) วัดนครสวรรค์ เดิมมีนามว่า “วัดหัวเมือง” เพราะตั้งอยู่ตอนต้นของตัวเมืองก่อนจะเข้าถึงตัวเมืองจะต้องผ่านวัดนี้ก่อน สร้างขึ้นในราว พ.ศ.๑๙๗๒ โดยประมาณ เดิมหน้าวัดอยู่ทางริมแม่น้ำเจ้าพระยามีต้นโพธิ์และพระปรางค์มองเห็นเด่นชัดสำหรับผู้สัญจรทางน้ำ ต่อมาสายน้ำได้เปลี่ยนทิศทางห่างออกไปจากวัดประมาณ ๑๐๐ เมตร เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา มาแต่เดิม ประมาณ พ.ศ.๑๙๗๒ วัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๗๐๒ ถนนโกสีย์ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๒๒ ไร่ ๑ งาน ๓๕ ตารางวา อาณาเขตเฉพาะส่วนที่เป็นเขตพุทธาวาส ทิศเหนือยาว ๖๗ วา ติดต่อกับถนนเทพสิทธิชัย ทิศใต้ยาว ๖๗ วา ติดต่อกับถนนลูกเสือ ทิศตะวันออกยาว ๗๖ วา ติดต่อกับถนนโกสีย์ ทิศตะวันตกยาว ๘๐ วา ติดต่อกับถนนสวรรค์วิถี ซึ่งเป็นถนนผ่ากลางที่ดินตั้งวัด มีโฉนดที่ดินเลขที่ ๙๙๔๓, ๙๖๓๙ และมีที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๕ แปลง เนื้อที่ ๑๑๘ ไร่ ๙๙ ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๒๕๓, ๒๒๖๗๓, ๑๐๔๑, ๑๑๑ และ น.ส. ๓ สารบบหน้า ๓๘ เล่ม ๑ ที่ธรณีสงฆ์นี้ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำโพ ๒ แปลง ตำบลบางม่วง ๑ แปลง ตำบลศาลาแดง อำเภอโกรกพระ ๑ แปลง และตำบลเนินมะกอก อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ๑ แปลง พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มีกำแพงโดยรอบทั้ง ๔ ด้าน และมีประตูเข้าออกได้สะดวกทั้ง ๔ ด้าน เช่นกัน ที่ดินตั้งวัดนี้ได้ถูกถนนสวรรค์วิถีตัดผ่านแบ่งเนื้อที่ออกเป็น ๒ แปลงเป็นเขตสังฆาวาส และเขตพุทธาวาสในส่วนที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกซึ่งมีเนื้อที่ ๑๓ ไร่ ๒๕ ตารางวา อีกแปลงหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกใช้เป็นเขตฌาปนสถาน มีเนื้อที่ ๙ ไร่ ๑ งาน ๑๑ ตารางวา ภายในบริเวณวัดมีถนนติดต่อระหว่างอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ถึงกันหมด อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีพระอุโบสถกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๖ เมตร บูรณะ พ.ศ. ๒๕๑๕ ศาลาการเปรียญกว้างยาวด้านละ ๓๔ เมตร เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น สร้าง พ.ศ. ๒๕๒๖ กฏิสงฆ์ จำนวน ๑๕ หลัง เป็นอาคารคอนกรีต ๙ หลัง อาคารไม้สัก ๒ ชั้น ๑ หลัง ห้องสมุดจตุรมุขกว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๑๒ เมตร อาคารคอนกรีต หอระฆังจตุรมุขสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง อาคารเรียนพระปริยัติธรรมกว้าง ๒๔.๕๐ เมตร ยาว ๒๘.๕๐ เมตร เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น มีมุขหน้าและหลัง พระวิหารสร้างด้วยอิฐโบราณแผ่นใหญ่ บูรณะ พ.ศ. ๒๕๒๗ อาคารสำนักงานมูลนิธิการกุศล ๑ หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศล ๖ หลัง และฌาปนสถานแบบเตาอบคอนกรีตเสริมเหล็ก
|
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 28 ก.ค. 2013, 16:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประวัติวัดนครสวรรค์ (พระอารามหลวง) |
ปูชนียวัตถุ มีพระประธานในพระอุโบสถ ขนาดพระเพลากว้าง ๒.๕๐ เมตร สร้างด้วยทองเหลือง มีพระนามเรียกกันว่า “หลวงพ่อศรีสวรรค์” พระพุทธรูปใหญ่ ๒ องค์ในพระวิหาร เรียกว่า “พระผู้ให้อภัย” พระพุทธรูปอื่นอีก ๒ องค์ในพระวิหาร พระพุทธรูปเนื้อสำริดสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย อยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสจำนวน ๔ องค์ พระเจดีย์เก่าอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ ๓ องค์ พระปรางค์ซึ่งปรักหักพังมีเพียงซากและรากฐานปรากฏอยู่ ทางราชการได้เคยใช้สถานที่วัดนี้ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา (มีศิลาจารึกเป็นหลักฐาน) เป็นที่พำนักอยู่จำพรรษาของเจ้าคณะจังหวัด เป็นสถานที่ใช้สอบธรรมและบาลีสนามหลวงตลอดมา เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๓ ชาวบ้านได้พบช้างเผือก ๑ เชือก ที่เมืองนครสวรรค์ได้ประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดนี้ แล้วนำถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เมืองลพบุรี ซึ่งได้พระราชทานนามว่า “เจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์” จึงนับว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล ในราว พ.ศ.๒๔๔๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เมื่อคราวเสด็จทางชลมารคมาทรงเททองหล่อพระพุทธชินราชจำลองที่จังหวัดพิษณุโลก ได้เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมและเห็นความสำคัญของวัดนี้ จึงได้ทรงโปรดให้ย้ายพระครูสวรรค์วิถีวิสุทธิอุตตมคณาจารย์สังฆปาโมกข์ (หลวงพ่อครุฑ) เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ จากวัดเขา (วัดจอมคีรีนาคพรต) มาพำนักอยู่ประจำที่วัดนี้ ในการย้ายหลวงพ่อครุฑนั้นทางราชการและประชาชนได้ร่วมจัดเป็นการใหญ่มาก มีขบวนแห่แบบเวสสันดร จำนวน ๑๓ ขบวน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบผู้บัญชาการทหารสมัยนั้นจัดขบวนส่งท่านด้วย พ.ศ.๒๔๕๔ สมเด็จพระราชินีพระพันปีหลวง และสมเด็จพระมาตุจฉา เสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ ได้เสด็จมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันพระราชสมภพ และวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ พร้อมด้วยเจ้านายอีกหลายพระองค์ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ เพื่อปฏิสังขรณ์พระอารามนี้ด้วย พ.ศ.๒๔๕๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ได้ทรงแวะเยี่ยมหลวงพ่อครุฑด้วย ในฐานะทรงคุ้นเคยเป็นการส่วนพระองค์มาก่อน และในปีต่อมาได้เสด็จมาในงานศพหลวงพ่อครุฑที่วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง พ.ศ.๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับเป็นทุนสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน ซึ่งได้ครอบหลังเดิมไว้พร้อมทั้งได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์เป็นโลหะทองแดงขนาดใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ในพระอุโบสถด้วย วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ สมเด็จพระภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพรรณวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ได้ประทานผ้าพระกฐินมาทอดถวายที่วัดนี้ สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้เสด็จมาประทับแรมที่วัดนี้ ๒ ครั้ง เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ ครั้นถึง พ.ศ.๒๕๒๗ ได้มีนายเสน่ห์ วัฒนาธร รองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เสนอเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อสถาปนาวัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๒๐๔๗๘๔๖ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๘ กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๘ วัดนครสวรรค์จึงได้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๘ เป็นต้นมา เกี่ยวกับการศึกษา ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมตลอดมาทุกปี ทั้งแผนกธรรมและบาลี เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๗๗ นอกจากนี้ ยังได้เปิดสอนแผนกสามัญใน พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นที่ตั้งโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด ที่ทำการของพุทธสมาคมมูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์ และศูนย์บริการประชาชนของตำรวจ ซึ่งทางวัดได้ให้การอนุเคราะห์ด้วยดีตลอดมา สำหรับพระภิกษุอยู่จำพรรษาที่วัดนี้ปีละประมาณ ๘๐ รูป สามเณร ๔๕ รูป ลำดับเจ้าอาวาสที่ทราบนามมี ๘ รูป คือ รูปที่ ๑ พระอาจารย์เคลือบ พ.ศ. ๒๔๒๔-๒๔๔๓ รูปที่ ๒ พระครูสวรรค์วิถีสุทธิอุตตมคณาจารย์สังฆปาโมกข์ (ครุฑ) พ.ศ. ๒๔๔๔-๒๔๕๖ รูปที่ ๓ พระครูเขมวิถีสังฆปาโมกข์ (สด) พ.ศ. ๒๔๕๖-๒๔๖๒ รูปที่ ๔ พระใบฎีกาอั้น พ.ศ. ๒๔๖๒-๒๔๗๑ รูปที่ ๕ พระครูนิภาสธรรมคุณ (บุญเกิด จนฺทสาโร ป.ธ.๓) พ.ศ. ๒๔๗๑-๒๕๐๘ รูปที่ ๖ พระเทพสิทธินายก (ห้อง ชาติสิริ ป.ธ.๖) รักษาการแทนเจ้าอาวาส พ.ศ. ๒๔๗๗-๒๔๙๙ รูปที่ ๗ พระเทพญาณโมลี (ประสิทธิ์ มิตฺตธมฺโม ป.ธ.๖) ปกครองระหว่าง พ.ศ. ๒๔๙๙-๒๕๐๘ และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๘-๒๕๓๙ รูปที่ ๘ พระเทพปริยัติเมธี ผศ.ดร. (สฤษดิ์ สิริธโร ป.ธ.๙) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๑-ปัจจุบัน ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nakhonsawantemple.com/nswtemple/index.html |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 28 ก.ค. 2013, 16:56 ] | ||||||
หัวข้อกระทู้: | Re: ประวัติวัดนครสวรรค์ (พระอารามหลวง) | ||||||
ประวัติเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ รูปปัจจุบัน พระเทพปริยัติเมธี ชุมธรรมปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ มากมายด้วยวัดวาอารามและสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่วัดนครสวรรค์หรือ "วัดหัวเมือง" แห่งนี้ปรากฏนามพระดีที่ชื่อ "พระเทพปริยัติเมธี" พระมหาเถระที่ชาวเมืองนครสวรรค์ศรัทธาเลื่อมใส เป็นสมณะที่มีวัตรปฏิบัติดีงาม เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม บำเพ็ญคุณูปการแด่คณะสงฆ์มากมาย ปัจจุบันพระเทพปริยัติเมธี (สฤษฏิ์ สิริธโร) สิริอายุ ๕๑ พรรษา ๓๑ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า สฤษฏิ์ ประธาตุ เกิดเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๑ ที่บ้านห้วยร่วม ต.ห้วยร่วม อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ โยมบิดา-มารดา ชื่อนายเรือง และนางลำพูน ประธาตุ ครอบครัวเดิมมีอาชีพทำการเกษตร ในช่วงวัยเยาว์เริ่มต้นศึกษาที่โรงเรียนวัดห้วยร่วม จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ ก่อนเข้าบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๑๔ ณ วัดห้วยร่วม อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ในช่วงระหว่างเป็นสามเณรท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ที่สำนักศาสนศึกษาวัดห้วยร่วม พ.ศ.๒๕๑๗ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก กระทั่งอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๑ โดยมีพระครูนิรุติธรรมธร (หลวงพ่อสวาสดิ์) วัดห้วยร่วม เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่วัดราชบูรณะวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ พ.ศ.๒๕๓๒ สามารถสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค ต่อมาท่านได้ย้ายกลับไปอยู่จำพรรษาที่วัดนครสวรรค์ เข้ามาช่วยงานบริหารจัดการภายในวัด เริ่มด้วยการเป็นเจ้าคณะ ๓ วัดนครสวรรค์ คอยดูแลงานทั่วไปของพระภิกษุสามเณร พ.ศ.๒๕๓๒ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ.๒๕๓๓ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการรองเจ้าคณะภาค ๔ พ.ศ.๒๕๔๐ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.๒๕๔๑ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ฝ่ายศาสนศึกษา พ.ศ.๒๕๔๖ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ จนถึงปัจจุบัน ด้านการศึกษา ด้านการศึุกษาทางโลก สำเร็จการศึกษาระดับมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวรสาขาการบริหารการศึกษา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สาขาวิชาพระพุทธศาสนา หลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีวิสุทธิคุณ พ.ศ.๒๕๔๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติ โดยในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ได้รับพระราช ทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปริยัติเมธี พระเทพปริยัติเมธีมีความสามารถในหลากหลาย ทั้งในด้านปริยัติและปฏิบัติ ท่านมีความสามารถในการสวดพระปาติโมกข์ มีความชำนาญในการใช้คอมพิวเตอร์ มีความชำนาญในด้านนวกรรม ควบคุมการก่อสร้าง การอ่านแบบแปลนการก่อสร้าง และความสามารถในการแสดงพระธรรมเทศนา ปาฐกถาธรรม บรรยายธรรม นอกจากนี้ ยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ศูนย์ศึกษาวัดนครสวรรค์ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์วิทยบริการมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.นครสวรรค์ และเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสถานศึกษาอีกมากมาย ในเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ผลงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เจ้าประคุณได้เป็นผู้นำการจัดพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เชิญชวนพระภิกษุ-สามเณรและประชาชนมาร่วมพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อบรมธรรมะให้แก่ประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังได้บรรยายธรรมะทางวิทยุกระจายเสียง และเชิญชวนประชาชนปฏิบัติธรรม สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ธรรมะแก่ส่วนราชการต่างๆ ด้านสาธารณูปการ ท่านได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ อาคารอเนกประสงค์ ตั้งจุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชนเพื่อการศึกษา ที่สำคัญที่สุดอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง คือ โครงการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ ประกอบด้วย วัดภัทรสิทธาราม วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ อาคารพระเทพญาณมุนี อาคารหอสมุดสวรรค์บรรณาคาร อาคารวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ ฯลฯ ด้วยกำลังบริจาคของชาวเมืองนครสวรรค์ พระเทพปริยัติเมธีได้สร้างผลงานวิชาการ ที่ได้รับการพิมพ์ออกมาเผยแผ่มีมากมาย เช่น งานวิจัยและวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา การพัฒนาจิตเจริญปัญญาตามแนวสติปัฏฐาน ๔ การศึกษาวิเคราะห์อธิกรณ์สมณะ วารสารสารสงฆ์นครสวรรค์ ระเบียบปฏิบัติวัดนคร สวรรค์ พระอารามหลวง ภารกิจและนโยบายคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ ระเบียบปฏิบัติคณะทำงานตามนโยบายและแผนคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น สำหรับการพัฒนาวัดนครสวรรค์ ท่านยังได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวัดนครสวรรค์ให้ดูโปร่ง โล่ง สะอาด นอกจากนี้ ท่านให้ความเอาใจใส่บริหารจัดการดูแลคณะสงฆ์อย่างทั่วถึง ด้วยการออกตรวจเยี่ยมไปตามวัด ตามอำเภอต่างๆ จนครบทั้ง ๑๕ อำเภอ อีกทั้งเอาใจใส่ในด้านการศึกษาของพระสงฆ์เป็นพิเศษ โดยส่งเสริมให้พระสังฆาธิการและพระสงฆ์ในสังกัดให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก พร้อมทั้งจัดหาทุนการศึกษาให้พระสงฆ์ทุกรูปและรับบริจาคเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กยากจน เด็กที่มีความบกพร่องทางกายเป็นประจำทุกปี พระเทพปริยัติเมธีได้สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์แก่พระศาสนา และสังคมทั่วไป ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ พ.ศ.๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร พ.ศ.๒๕๔๘ ได้โล่เกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่นมหา วิทยาลัยนเรศวร พ.ศ.๒๕๔๙ ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยภาคกลาง พ.ศ.๒๕๕๐ ได้รับเกียรติบัตรศิษย์เก่าดีเด่น เนื่องในงาน "๖๐ ปี อุดม ศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย" และได้รับโล่ผู้มีผลงานดีเด่นจากกระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น พระเทพปริยัติเมธีเคยปรารภว่า "การส่งเสริมความรู้ให้ทั้งบรรพชิตและฆราวาสอย่างทั่วถึง เป็นสิ่งที่ดี พระภิกษุ-สามเณรที่มีความรู้ทางธรรมจะช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน ส่วนชาวบ้านที่มีความรู้จะได้ใช้วิชาความรู้ทำมาหากินและช่วยทำให้ชาติบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง" พระเทพปริยัติเมธีเป็นพระดีอีกรูปหนึ่งที่ชาวเมืองนครสวรรค์ให้ความเลื่อมใสศรัทธา เป็นแบบอย่างที่ดีในความเรียบง่าย เป็นพระนักพัฒนา นักปกครอง และนักการศึกษาผู้เสียสละ
|
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 28 ก.ค. 2013, 17:01 ] | ||||||||||
หัวข้อกระทู้: | Re: ประวัติวัดนครสวรรค์ (พระอารามหลวง) | ||||||||||
กิจกรรมที่ทางวัดนครสวรรค์จัดเป็นประจำ
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |