ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=24657 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 04 ส.ค. 2009, 20:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
[พระพุทธชินราช : ปางมารวิชัย พุทธศิลป์แบบสุโขทัยตอนปลาย หล่อด้วยสำริดลงรักปิดทอง ประดิษฐานในซุ้มเรือนแก้ว ณ พระวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก] พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช พระประธานในพระวิหารใหญ่ หรือพระวิหารหลวง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๕ ศอก ๑ คืบ ๕ นิ้ว สูง ๗ ศอก ๑ คืบ วัสดุสำริดลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดพิษณุโลก เป็นต้นแบบในการสร้างพระพุทธชินราชจำลอง ที่วัดเบญจมพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร พระพุทธชินราชนับเป็นพระพุทธรูปที่งดงามล้ำเลิศ ความสูงส่งแห่งฝีมือช่างกรุงสุโขทัย จากความงดงามแห่งเส้นรอบนอกองค์พระ ความละมุนละมัยของสุนทรียศิลป์ ที่สะท้อนออกมาทางรูปทรง วงพระพักตร์อันอิ่มเอิบด้วยความเมตตา ที่แฝงด้วยความสงบสันติ หลุดพ้นจากกิเลส เป็นการผสมผสานความสมบูรณ์ลงตัว ของศิลปะสุโขทัยแบบเชียงแสนอย่างกลมกลืน เมื่อ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จมานมัสการพระพุทธชินราชครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๓๕ ทรงบันทึกว่า “เวลานั้นยังไม่ได้ทรงปฏิสังขรณ์แก้ไขพระวิหารให้สว่างอย่างทุกวันนี้ พอไปถึงประตูวิหารแลเข้าไปข้างในดูที่อื่นมืดหมด เห็นแต่องค์พระชินราชตระหง่านงามเหมือนลอยอยู่ในอากาศ เห็นเข้าก็จับใจเกิดเลื่อมใสขึ้นทันที” การประดิษฐานองค์พระให้หน้าตักอยู่นระดับสายตา ในวิหารที่มีรูปทรงยาว เปรียบเหมือนการส่องกล้องปรับระยะการมองให้คมชัดที่สุด ความพอดีของมุมมองและแสงเงาจึงทำให้เห็นความงามอย่างเต็มที่ พระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านในเมืองพิษณุโลก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ยังทรงสรรเสริญว่า พระพุทธชินราชนี้เป็นหลักเป็นศรี ของเมืองพิษณุโลกและของเมืองไทยทั้งประเทศ และในเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี ประชาชนจึงพร้อมใจกันอัญเชิญพระพุทธชินราชไปทำพิธีสรงน้ำ ซึ่งถือเป็นพิธีที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมากระทั่งปัจจุบัน (มีต่อ) |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 04 ส.ค. 2009, 20:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
• ประวัติการสร้างพระพุทธชินราช การสร้างพระพุทธชินราช ตามตำนานแย้งกันเป็น ๒ นัย นัยหนึ่งว่าสร้างเมื่อราวจุลศักราช ๓๑๙ (พ.ศ. ๑๕๐๐) แต่อีกนัยหนึ่งกล่าวว่าสร้างเมื่อราวจุลศักราช ๗๑๙ (พ.ศ. ๑๙๐๐) ตำนานที่อ้างถึงพระพุทธชินราชหล่อขึ้นในจุลศักราช ๓๑๙ นั้น เป็นตำนานที่กล่าวไว้ในพงศาวดารเหนือ ปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ว่าด้วยเรื่องพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา และพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เรื่องพระพุทธชินราช ความว่า เมื่อ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ผู้ครองนครเชียงแสน ได้ยกกองทัพลงมาตีเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งมีพระเจ้าพสุจราชปกครองอยู่ ทหารทั้งสองฝ่ายรบราฆ่าฟันกันตายลงเป็นอันมากมิได้แพ้ชนะกัน พระพุทธโฆษาจารย์ซึ่งเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ มีความเศร้าสลดใจในศึกครั้งนี้ จึงเข้าทำการไกล่เกลี่ยให้พระราชาทั้งสองนี้เป็นสัมพันธไมตรีกัน พระราชาทั้งสองก็ยอมปฏิบัติตาม พระเจ้าพสุจราชได้ทรงยกพระนางปทุมราชเทวีราชธิดา อภิเษกให้เป็นมเหสีแห่งพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก มีพระราชโอรสด้วยพระนางปทุมราชเทวี ๒ พระองค์ ทรงพระนามว่า เจ้าไกรสรราชกับเจ้าชาติสาคร พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก มีพระประสงค์จะป้องกันการรุกรานของชาติขอม ซึ่งขณะนั้นมีอำนาจอยู่ทางละโว้หรืออีกนัยหนึ่งเป็น การแผ่ราชอาณาจักรให้ไฟศาลออกไป จึงได้สร้างเมืองพิษณุโลก ให้ราชโอรสขึ้นครองเมือง ตามพงศาวดารกล่าวว่าได้สร้างเมืองพิษณุโลก เมื่อจุลศักราช ๓๑๕ (พ.ศ. ๑๔๙๖) เมื่อสร้างเสร็จแล้ว พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ได้เสด็จลงมาอภิเษกเจ้าไกรสรราชขึ้นครองเมือง พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก นี้ ทรงพระปรีชาสามารถรอบรู้แตกฉานพระไตรปิฎกมาก จึงได้รับเฉลิมพระนามาภิไธย (มีต่อ) |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 04 ส.ค. 2009, 20:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
ดังนั้น ขณะที่เสด็จประทับอยู่ ณ เมืองพิษณุโลกที่ได้สร้างขึ้นใหม่ ก็มีพระประสงค์จะบำเพ็ญบุญกุศลทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และให้พระเกียรติศัพท์พระนามปรากฏในภายหน้า จึงตรัสสั่งให้สร้าง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ขึ้นเป็นคู่กับเมือง สร้างพระมหาธาตุเป็นรูปปรางค์สูงราว ๘ วา ตั้งกลาง แล้วสร้างพระวิหารรอบปรางค์ทั้งสี่ทิศ มีระเบียง ๒ ชั้น พระองค์ต้องการจะสร้างพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ เพื่อเป็นพระประธานในพระวิหาร ในเวลานั้นที่เมืองศรีสัชนาลัย ทั้งสวรรคโลกและสุโขทัย เป็นที่เลื่อลือปรากฏในการฝีมือช่างต่างๆ ทั้งการทำพระพุทธรูปว่าฝีมือดียิ่งขึ้น จึงมีพระราชสาส์นไปยังกรุงศรีสัชนาลัย เพื่อขอช่างมาช่วยปั้นหุ่นพระพุทธรูป สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีสัชนาลัยจึงส่งช่างพราหมณ์ที่ฝีมือดี ๕ นาย ชื่อบาอินทร์ บาพราหมณ์ บาพิษณุ บาราชสิงห์ และบาราชกุศล พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก โปรดให้ช่างสวรรคโลกสมทบกับช่างชาวเชียงแสนและช่างหริภุญชัย ช่วยกันหล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่ทั้ง ๓ องค์ มีทรวดทรงสัณฐานคล้ายกัน แต่ประมาณนั้นเป็น ๓ ขนาด องค์ที่ ๑ ตั้งพระนามไว้ว่า พระพุทธชินราช มีขนาดหน้าตักกว้าง ๕ ศอก ๑ คืบ ๕ นิ้ว มีเศษสูง ๗ ศอก พระเกศสูง ๑๕ นิ้ว เป็นปางมารวิชัย องค์ที่ ๒ ตั้งพระนามไว้ว่า พระพุทธชินสีห์ มีขนาดหน้าตักกว้าง ๕ ศอก ๑ คืบ ๔ นิ้ว เป็นปางมารวิชัย องค์ที่ ๓ ตั้งพระนามไว้ว่า พระศรีศาสดา มีขนาดหน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๑ คืบ ๖ นิ้ว เป็นปางมารวิชัย พระศรีธรรมไตรปิฎกทรงเลือกลักษณะอาการตามชอบพระทัยให้ช่างทำ คือ สัณฐานอาการนั้นอย่างพระพุทธรูปเชียงแสน ไม่เอาอย่างพระพุทธรูปในเมืองศรีสัชนาลัย สวรรคโลก และเมืองสุโขทัย ที่ทำนิ้วสั้นยาวไม่เสมอกันอย่างมือคน ทรงรับสั่ง ให้ทำนิ้วให้เสมอกันตามที่พระองค์ทราบว่า เป็นพุทธลักษณะ พระลักษณะอื่นๆ ก็เป็นอย่างเชียงแสนบ้าง อย่างศรีสัชนาลัยและสวรรคโลก สุโขทัยบ้าง (มีต่อ) |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 04 ส.ค. 2009, 20:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
จวบจนวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีเถาะ สัปตศก จุลศักราช ๓๑๗ ได้มงคลฤกษ์ กระทำพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ และเมื่อเททองหล่อเสร็จแล้ว กระทำการแกะพิมพ์ออกมาปรากฎว่า พระองค์ที่ ๒ คือพระพุทธชินสีห์ และพระองค์ที่ ๓ คือพระศรีศาสดา องค์พระบริบูรณ์ดีมีน้ำทองแล่นติดตลอดเสมอกันสวยงาม ๒ องค์เท่านั้น ส่วนรูป พระพุทธชินราช นั้น ทองแล่นไม่เต็มองค์ ไม่บริบูรณ์ นับว่าเป็นอัศจรรย์ของช่างและผู้มาร่วมพิธีเป็นอันมาก ช่างได้ช่วยกันทำหุ่น และเททองหล่ออีกถึง ๓ ครั้ง ก็ไม่สำเร็จเป็นองค์พระได้ คือทองแล่นไม่ติดเต็มองค์ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกทรงรู้สึกประหลาดพระทัยยิ่งนัก พระองค์จึงตั้งสัตยาธิษฐานเสี่ยงเอาบุญบารมีของพระองค์เป็นที่ตั้ง อีกทั้งขอให้ทวยเทพเทวดาช่วยดลใจ ให้สร้างพระพุทธรูปสำเร็จตามพระประสงค์เถิด แล้วให้ช่างปั้นหุ่นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในครั้งหลังนี้ ปรากฏว่ามี ตาปะขาว คนหนึ่ง ไม่มีผู้ใดทราบว่าชื่อใดมาจากไหนเข้ามาช่วยปั้นหุ้นและช่วยเททอง ทำการงานอย่างแข็งแรงทั้งกลางวันและกลางคืนจนเสร็จโดยไม่พูดจากับผู้ใด ครั้นได้มหามงคลฤกษ์ ณ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง นพศกจุลศักราช ๓๑๙ (ุพุทธศาสนากาลล่วงแล้ว ๑๕๐๐ หย่อนอยู่ ๗ วัน) ก็ประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธชินราช คราวนี้น้ำทองที่เทก็แล่นเต็มบริบูรณ์ตลอดทั่วองค์พระ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ทรงปิติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง จึงตรัสสั่งให้ตาปะขาวผู้มาช่วยปั้นหุ่นและช่วยเททองนั้น แต่มิได้พบ ปรากฏว่าเมื่อหล่อพระเสร็จแล้ว ก็เดินทางออกประตูเมืองด้านทิศเหนือ พอถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งก็หายไปไม่มีใครพบเห็นอีก จึงพากันเข้าใจว่า ตาปะขาว ผู้นั้น คือเทพยดาแปลงกายมาหล่อพระพุทธชินราช อันเป็นเหตุทำให้ เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธรูปองค์นี้ยิ่งขึ้น ตำบลบ้านที่ตาปะขาวหายไปนั้นได้ชื่อว่า บ้านตาปะขาวหายต่อมาจนถึงทุกวันนี้ (มีต่อ) |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 04 ส.ค. 2009, 20:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
เมื่อแกะพิมพ์ออกหรือกระเทาะหุ่นออกมาก็เป็นที่ประหลาดใจ และตื่นเต้นของชาวพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง คือ เมื่อกระเทาะหุ่นออกคราวนี้ ทองแล่นติดเต็มองค์พระงดงามสมบูรณ์ดั่งสวรรค์เนรมิต เนื้อทองสำริดสุกสกาวสดใส งามจนหาที่ติไม่ได้ จึงพากันเชื่อว่าพระพุทธชินราชองค์นี้น่าจะเป็นเทวดามาสร้างให้เป็นแน่แท้ ถึงได้มีพุทธลักษณะสวยงามที่สุดในแดนสยาม พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก โปรดฯ ให้อัญเชิญเข้าประดิษฐานไว้ในสถานที่ทั้ง ๓ คือพระพุทธชินราช อยู่ในพระวิหารใหญ่ผันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก พระพุทธชินสีห์อยู่ทิศเหนือ และพระศาสดาอยู่ทิศใต้ สำหรับพระวิหารใหญ่ทิศตะวันออกนั้น เป็นที่ฟังธรรมสักการ ะที่ถวายนมัสการพระมหาธาตุและเป็นที่ชุมนุมสงฆ์ อนึ่ง เมื่อเวลาหล่อพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดาเสร็จแล้วนั้น ทองชลาบและชนวนของพระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์ที่เหลืออยู่ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกรับสั่งให้รวมลงในทองซึ่งจะหล่อพระพุทธชินราช หล่อองค์พระใหม่เรียกว่า "พระเหลือ" ส่วนชนวนและชลาบของพระที่เรียกว่าพระเหลือนั้น ก็หล่อรูปพระสาวก ๒ องค์ สำหรับพระเหลือนั่นเอง ครั้นเมื่อการหล่อพระเสร็จแล้ว จึงรับสั่งให้เก็บอิฐซึ่งก่อเป็นเตาหลอมและเตาสุม หุ้มหล่อพระทั้งปวงนั้นมาก่อเป็นชุกชี สูง ๓ ศอก และให้ขุดดินที่อื่นมาผสมกับดินพิมพ์ที่ต่อยจากพระพุทธรูปถมในชุกชีนั้น แล้วทรงปลูกต้นมหาโพธิ์ ๓ ต้น หันหน้าต่อทิศอุดร แล้วเชิญพระเหลือกับสาวกอีก ๒ องค์เข้าไว้ในที่นั้น ให้เป็นหลักฐานแสดงที่ซึ่งหล่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ที่กล่าวมาแล้วนี้เป็นความในพงศาวดารเหนือ ที่ปรากฏอยู่ใน พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (มีต่อ) |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 04 ส.ค. 2009, 20:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
ส่วนอีกนัยหนึ่งมีกล่าวว่า สร้างเมื่อประมาณ จุลศักราช ๗๑๙ นั้น เป็นพระวิจารณ์แห่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในหนังสือ "เที่ยวเมืองพระร่วง" มีความดังต่อไปนี้ เรื่องตำนานการสร้างเมืองพิษณุโลก และการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์นั้น สอบสวนหลักฐานจะเห็นว่ารูปเรื่องจะเป็นดังกล่าวในพงศาวดาร แต่พงศาวดารเหนือลงนามเป็นของ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก นั้น มิใช่ผู้อื่น คือ พระมหาธรรมราชาลิไท รัชกาลที่ ๔ ในราชวงศ์พระร่วง นั่นเอง มีเรื่องในศิลาจารึกว่า เมื่อเป็นพระมหาราชครองเมืองศรีสัชนาลัย ก่อนจะได้รับราชสมบัติมีศัตรูยกกองทัพลงมาติดเมืองสุโขทัย ในเวลาที่พระบิดาประชวรหนัก จึงได้ครองราชอาณาจักร ตรงกับที่ว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ยกทัพมาติดเมืองสวรรคโลกได้ราชสมบัติในเมืองนั้น และพระมหาธรรมราชาลิไท ทรงรอบรู้พระไตรปิฎกจึงสามารถแต่ง เรื่อง "พระไตรปิฎก" หรือ ไตรภูมิ ตรงกับที่เรียกว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก มีแต่พระองค์เดียวเท่านั้น อีกประการหนึ่งโบราณวัตถุที่สร้างไว้ ณ เมืองพิษณุโลก เป็นแบบอย่างครั้งกรุงสุโขทัย เมื่อรับลัทธิพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์มาแล้ว ยกตัวอย่างดังเช่น พระพุทธรูป พระชินราช พระชินสีห์ คงจะเชื่อได้ดังกล่าวในพงศาวดารเหนือว่า เป็นประชุมช่างอย่างวิเศษ ทั้งที่มณฑลพายัพและในอาณาเขตสุโขทัยมาให้ช่วยกันถอดแบบอย่าง แต่พึงสังเกตได้ที่ทำปลายนิ้วพระหัตถ์เท่ากันทั้ง ๔ นั้น เป็นความคิดที่เกิดขึ้นด้วยวินิจฉัย คัมภีร์มหาปุริสลักขณะ กันอย่างถ้วนถี่ ในชั้นหลัง พระพุทธรูปชั้นก่อนหาทำนิ้วพระหัตถ์เช่นนั้นไม่ ในที่สุดยังมีหลักฐานอีกอย่างหนึ่ง ด้วยในพงศาวดารเมืองเชียงแสนมิได้ปรากฏว่า พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก หรือพระเจ้าเชียงแสนองค์ใดได้ลงมาตีเมืองสวรรคโลก เหมือนอย่างกล่าวในพงศาวดารเหนือด้วยมีหลักฐานต่างๆ ดังกล่าวมา จึงสันนิษฐานว่า พระมหาธรรมราชาลิไท เป็นผู้สร้างเมืองสองแควขึ้นเป็นเมืองลูกหลวง และหล่อพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์เมื่อราว พ.ศ. ๑๙๐๐ รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก : พระพุทธชินราช ใน “พระพุทธรูป มรดกล้ำค่าของเมืองไทย : Buddha Image of Thailand’s Precious Heritage” โดย ทศพล จังพาณิชย์กุล, หน้า ๑๗๕ http://www.geocities.com/firecontrol35/chinnarat.html http://www.kapook.com พระพุทธชินราช พระประธานในพระวิหารใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19299 พระเหลือ หรือ “หลวงพ่อเหลือ” หรือ “พระเสสันตปฏิมากร” พระประธานในพระวิหารพระเหลือ หรือพระวิหารหลวงพ่อเหลือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19715 |
เจ้าของ: | ตักบาตรถามพระ [ 05 ส.ค. 2009, 00:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
อนุโมทนาบุญด้วยครับ เป็นความรู้อย่างยิ่งเลยครับ |
เจ้าของ: | jintana63 [ 05 ส.ค. 2009, 08:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณ กุหลาบสีชา งดงามมากเลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ขอขอบพระคุณมากค่ะ ธรรมะสวัสดีค่ะ |
เจ้าของ: | TAKTAO1 [ 05 ส.ค. 2009, 12:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
อนุโมทนาด้วยค่ะ ประทับใจมาก |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 05 ส.ค. 2009, 13:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณกุหลาบสีชา ขอบคุณเรื่องราวของพระพุทธชินราช และภาพงดงามมากค่ะ ธรรมะสวัสดีค่ะ |
เจ้าของ: | -dd- [ 05 ส.ค. 2009, 13:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
อนุโมทนาสาธุครับ เป็นพระพุทธรูปที่งามจับใจจริงๆ เมื่อผมยังไม่มีพระพุทธรูป ได้พริ้นท์ภาพพระพุทธชินราชไว้กราบในห้องพระ และห้องอื่นๆ (ตอนนี้ได้พระพุทธรูปมาแล้ว๓องค์) แต่ก็ยังติดรูปพระพุทธชินราชอยู่ในห้องทานอาหาร ทุกเช้าได้ไหว้ท่านก่อนทานอาหาร..มือถือก็มีรูปท่านเป็นwall paper ได้เห็นทุกครั้งที่ใช้มือถือ...เห็นครั้งใด แช่มชื่นเบิกบาน อุ่นใจเหลือเกิน |
เจ้าของ: | damjao [ 05 ส.ค. 2009, 14:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ........... |
เจ้าของ: | Bwitch [ 05 ส.ค. 2009, 14:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
คาถาบูชาพระพุทธชินราช (ตั้งนะโม 3 จบ) อิเมหิ นานาสักกาเรหิ อะภิปูชิเตหิ ทีฆายุโก โหมิ อะโรโค สุขิโต สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง ปิยัง มะมะ ปะสิทธิ ลาโภ ชะโย โหตุ สัพพะทา พุทธะชินะราชา อภิปาเลตุ มัง นะโมพุทธายะฯ |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 06 ส.ค. 2009, 02:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
-dd- เขียน: อนุโมทนาสาธุครับ เป็นพระพุทธรูปที่งามจับใจจริงๆ เมื่อผมยังไม่มีพระพุทธรูป ได้พริ้นท์ภาพพระพุทธชินราชไว้กราบในห้องพระ และห้องอื่นๆ (ตอนนี้ได้พระพุทธรูปมาแล้ว๓องค์) แต่ก็ยังติดรูปพระพุทธชินราชอยู่ในห้องทานอาหาร ทุกเช้าได้ไหว้ท่านก่อนทานอาหาร..มือถือก็มีรูปท่านเป็นwall paper ได้เห็นทุกครั้งที่ใช้มือถือ...เห็นครั้งใด แช่มชื่นเบิกบาน อุ่นใจเหลือเกิน สาธุ...สาธุ...สาธุ ด้วยค่ะ คุณ -dd- ที่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะอย่างแท้จริง ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยปกป้องคุ้มครอง และอำนวยพรให้ คุณ -dd- มีความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรมด้วยนะคะ Bwitch เขียน: คาถาบูชาพระพุทธชินราช (ตั้งนะโม 3 จบ) อิเมหิ นานาสักกาเรหิ อะภิปูชิเตหิ ทีฆายุโก โหมิ อะโรโค สุขิโต สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง ปิยัง มะมะ ปะสิทธิ ลาโภ ชะโย โหตุ สัพพะทา พุทธะชินะราชา อภิปาเลตุ มัง นะโมพุทธายะฯ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ คุณ Bwitch ที่กรุณานำคาถาบูชาพระพุทธชินราช มาลงเพิ่มเติมให้อย่างสมบรูณ์ ธรรมสวัสดีค่ะ...เพื่อนสมาชิกทุกท่าน เนื่องจากกุหลาบสีชาเพิ่งกลับมาจากพิษณุโลกเมื่อต้นสัปดาห์ และมีโอกาสเข้าไปกราบสักการะองค์ พระพุทธชินราช และทำบุญถวายปัจจัยจัดสร้างพระไตรปิฎกที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) มา จึงขอถือโอกาสนี้... นำบุญมาฝากพี่น้องผองเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ ขออานิสงส์แห่งกำลังบุญในครั้งนี้ จงเป็นพลวปัจจัยให้ข้าพเจ้า และพี่น้องผองเพื่อนทุกท่าน มีปัญญาญาณ ได้รู้ธรรม เห็นธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเข้าถึงพระนิพพานในกาลอันควรด้วยเทอญ... |
เจ้าของ: | Duangtip [ 13 ต.ค. 2013, 20:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช |
พ ร ะ พุ ท ธ ชิ น ร า ช เป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดองค์หนึ่งของไทย |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |