ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=18853 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | webmaster [ 31 ต.ค. 2008, 08:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี |
![]() วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี เทศกาลสำคัญวันหนึ่งซึ่งชาวไทยทั้งประเทศตลอดจนชาวต่างชาติต่างก็รอคอย เพื่อร่วมงานอันชวนตื่นตาตื่นใจกับประเพณีที่สำคัญ ซึ่งมีการสืบทอดมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน นั่นคือ งานวันลอยกระทง โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ทุกคนจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงามตระการตา ตามท้องน้ำที่เต็มไปด้วยแสงประทีปโคมไฟหลากสี ที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนเพชรร่วง หรือหมู่ดาวในท้องฟ้า คืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน ประกอบด้วยผู้คนที่แต่งตัวประชันโฉมอย่างเต็มที่ เหมือนกับจะประกาศว่าเป็นถิ่นดินแดนอันศิวิไลซ์ (civilize) ดังทิพยสถาน และพิธีสำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งนิยมประกอบในวันเดียวกันและกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าเป็นพิธีที่ช่วยเสริมบารมีสะเดาะเคราะห์ เพิ่มพลังวาสนา นั่นคือ “พิธีอาบน้ำเพ็ญ” ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติมาแต่โบราณ โดยมีตำนานการสืบทอดตามความเชื่อถือมากมายหลายประการ ดังนี้ ๑. เชื่อว่ามาจากประเพณีของพราหมณ์ ซึ่งทำเพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ในมหาสมุทร และเทพองค์อื่นๆ มีเจ้าแม่ลักษมีเทวี เป็นต้น เป็นประเพณีที่ชาวฮินดูทำขึ้น แต่เดิมกำหนดเป็นวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ เพื่อบูชาพระเจ้า ๓ องค์คือ พระพรหม พระนารายณ์ พระอิศวร และเทพองค์อื่นๆ โดยวิธีจุดประทีปใช้ถ้วยดินเผาเล็กๆ มีไส้ด้ายดิบลอยในน้ำมันหรือไขสัตว์ติดตั้งไว้ในทุกที่ บางทีก็ลอยประทีปในน้ำเป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย เรียกว่า ประเพณีทีปวาลี ๒. เชื่อว่าจากประเพณีทีปวาลีของชาวฮินดูดังกล่าว น่าจะเป็นที่มาของประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย เพราะมีระยะเวลาใกล้เคียงกัน กล่าวคือ ประเพณีลอยกระทงของไทยจะมีขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ![]() ๓. ประเพณีลอยกระทงตามประทีป มีขึ้นทางภาคเหนือของไทยมากว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว จากหลักฐานที่ปรากฏในหนังสือพงศาวดารโยนกของพระยาประชากิจกรจักร (ช่วง บุนนาค) และจามเทวีวงศ์ ที่ว่า “เมื่อ จ.ศ. ๓๐๙ (พ.ศ. ๑๔๙๐) พระยาจุเลราชแห่งนครลำพูน ได้เกิดอหิวาตกโรคระบาดอย่างรุนแรง ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ชาวเมืองจึงพากันหนีไปอยู่แดนรามัญถึง ๖ ปี บางพวกได้กลับมายังเมืองลำพูน และพอถึงวันเดือนปีที่ครบรอบที่จากญาติทางรามัญมาก็ทำพิธีระลึกถึงด้วยการจัดแต่งธูปเทียนเครื่องสักการะใส่ในกระทงแล้วลอยไปตามแม่น้ำเรียกว่า ลอยโขมด (ลอยไฟ) จนถือเป็นประเพณีสืบทอดมา” จากหลักฐานที่ปรากฏในคัมภีร์อรรถกถาปุณโณวาทสูตร ว่า “ครั้งหนึ่งพญานาคได้กราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดนาคพิภพ ครั้นเวลาจะเสด็จกลับ พญานาคได้ทูลขอสิ่งสักการะที่จะให้พวกนาคได้สักกระบูชา พระพุทธองค์จึงได้ทรงประทับรอยพระพุทธบาทไว้ที่หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา (nammada) พวกนาคก็ได้กราบไหว้บูชารอยพระพุทธบาทแทนพระพุทธองค์ ชาวพุทธได้ทราบเรื่องนั้นก็ได้สักการบูชา ส่วนผู้ที่อยู่ไกลจากสถานที่ที่มีรอยพระพุทธบาทก็จัดเครื่องสักการะ ดอกไม้ธูปเทียนใส่กระทงลอยน้ำไปเพื่อถวายการบูชารอยพระพุทธบาทนั้น” ๔. สำหรับประเทศไทยได้มีพิธีลอยกระทงอย่างเป็นทางการในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี คือ เนื่องจากนางนพมาศ พระสนมเอกของพระร่วงเจ้า ได้ประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัวสำหรับปักธูปเทียนถวายแด่พระร่วงเจ้าให้ทรงลอยกระทง พระองค์ทรงโปรดมากถึงกับตรัสว่า “แต่นี้สืบไปข้างหน้าโดยลำดับ กษัตริย์ในสยามประเทศเมื่อถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญ เดือน ๑๒ ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัวอุทิศบูชาพระพุทธบาทนัมมทา (nammada) ตราบเท่ากัลปาวสาน” ประเพณีลอยกระทงที่เริ่มต้นในสมัยสุโขทัย คือ พระราชพิธีจองเปรียง ชักโคม ลอยโคม เดิมเป็นพิธีของพราหมณ์เพื่อบูชาพระเจ้าในศาสนาของตน ต่อมาชาวพุทธได้นำมาใช้เพื่อเป็นการถวายการบูชาพระพุทธเจ้า คำว่า จอง คือ หมายไว้ กำหนดไว้ ทาไว้ ส่วนคำว่า เปรียง คือน้ำมันไขข้อโค รวมกันเป็น จองเปรียง หมายถึง การทาเปรียงที่เทียนเพื่อจุดในโคมก่อนลอยในน้ำบูชารอยพระพุทธบาท และขอบคุณน้ำที่ทำให้ได้กิน ได้ใช้ ได้ทำการเกษตรเลี้ยงชีวิต หรือชักขึ้นสู่ยอดเสาเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุเกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกว่า ประเพณีลอยกระทงทรงประทีป ถือเป็นประเพณีสืบทอดมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และกำหนดให้มีขึ้นในวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑-๒ พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทำเป็นกระทงใหญ่ ตั้งบนแพหยวกกล้วยรูปทรงต่างๆ มีกลไกขับเคลื่อนได้ มีดนตรีขับประโคมประจำกระทงด้วย ในเวลาค่ำพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระตำหนักน้ำเพื่อทรงลอยกระทงทรงประทีปด้วย ![]() ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๔ โปรดให้เลิกการทำกระทงใหญ่ และให้ทำเรือลอยพระประทีปแทน ครั้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงให้ใช้เรือพระที่นั่งและเรืออื่นๆ ประดับฉัตรและและโคมไฟแทน ต่อมาทรงเลิกโดยให้ใช้กระทงซึ่งเป็นเรือขนาดเล็ก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงให้ยกเลิกพระราชพิธีนี้เพราะทรงเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง แต่สำหรับประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ยังคงนิยมถือปฏิบัติสืบทอดประเพณีมาจนถึงปัจจุบัน คือเมื่อวันลอยกระทงหรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ มาถึง จะต้องประกอบกิจกรรมต่างๆ เช่น ๑. มีการประดิษฐ์กระทงใช้รถหรือเรือบรรทุกมีนางนพมาศนั่งประจำ จัดประดับตกแต่งสวยงาม มีการประกวดชิงรางวัล ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ๒. มีการทำกระทงขนาดเล็กวางจำหน่ายทั่วไปและประดิษฐ์มาเองแล้วนำไปลอยในที่ที่มีน้ำและลำคลอง ตลอดจนนิยมมีงานครึกครื้นเป็นประจำทั่วประเทศ ๓. มีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ และมีมหรสพสมโภชตามสมควร ๔. มีการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงโดยมีจุดมุ่งหมายหลายอย่างคือ - เพื่อบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อของตน - เพื่อถวายการบูชาพระบรมสารีริกธาตุเกศแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ - เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่ ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา (nammada) ประเทศอินเดีย - เพื่อระลึกถึงญาติสนิทมิตรสหายที่รักใคร่ชอบพอและมีบุญคุณต่อกัน หรือบูชาบรรพบุรุษของตน - เพื่อแสดงการขอบคุณน้ำที่ให้มนุษย์และสัตว์ทั้งโลกได้ดื่มกินและใช้ให้เกิดประโยชน์มากมายมาโดยตลอด - เพื่อขอขมาน้ำที่มนุษย์เคยใช้อาบ ชำระล้าง และทิ้งสิ่งสกปรกลงไป - เพื่ออธิษฐานขอให้ได้สิ่งที่ตนปรารถนา - เพื่อลอยเคราะห์หรือสะเดาะเคราะห์ ![]() โดยยึดหลักความเชื่อที่ว่า - ชาวฮินดูเมื่อได้บูชาพระเจ้าแล้ว เชื่อว่าพระองค์จะทรงประทานพรให้มนุษย์ร่มเย็นเป็นสุข - ชาวพุทธเชื่อว่า การถวายการบูชาต่อพระพุทธเจ้าหรือรอยพระพุทธบาทและปูชนียวัตถุปูชนียสถาน แม้เป็นเพียงอามิสบูชาก็ถือว่าได้บุญกุศลทำให้จิตใจใสสะอาดมีความสุข มีพลังใจในการดำรงชีวิตให้ประสบความสำเร็จต่อไป - เชื่อว่าญาติหรือคนรักที่อยู่ไกลกันสามารถส่งพลังจิตมิตรภาพถึงกันได้ - เชื่อว่าน้ำคือสิ่งที่ให้มนุษย์และสัตว์ทั้งโลกมาโดยตลอด ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต ให้ความอุดมสมบูรณ์ ให้ความเย็น การสำนึกในบุญคุณของน้ำถือว่าเป็นการปลูกฝังหลักกตัญญูกตเวทิตาธรรมให้งอกงามในจิตใจได้ - เชื่อว่าพระแม่คงคาผู้สถิตในสายน้ำทุกหยด คือเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์สามารถประทานความสำเร็จทุกอย่างให้ได้ - และเชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์สะเดาะเคราะห์ลอยทุกข์ลอยโศกให้สายน้ำพัดพาไป จากความเชื่อถือดังกล่าว ทำให้บางถิ่นบางท้องที่ เช่น ที่จังหวัดลำปาง ก็มีการทำกระทงเป็นรูปเรือหรือสัตว์แล้วนำธง ดอกไม้ ธูปเทียน ข้าวปลาอาหาร ขนม ผลไม้ หมากพลูบุหรี่ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม สิ่งของมีค่า เงิน ทอง ลงไปในกระทงแล้วลอยไป ถือว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ประจำปี ทำให้ขยายผลไปสู่วงกว้างในหลายๆ จังหวัดในเวลาต่อมา บางแห่งถึงกับตัดผม ตัดเล็บ เศษอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย และเศษเสื้อผ้าที่ใช้แล้วใส่ลงไปในกระทงแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอให้เคราะห์ร้ายหายไป ให้ชีวิตมีแต่ความสุขตลอดไป แล้วลอยไปโดยเชื่อว่าเป็นการตัดเคราะห์ตัดโศกสะเดาะให้พ้นเคราะห์พ้นโศกให้หลุดลอยไปในกระทง ของที่ใส่ลงไปมีการเพิ่มและลดตามความเชื่อของตน จนกลายเป็นความเชื่อที่ได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน พิธีลอยกระทงในปัจจุบันก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านคือ - สร้างพลังสามัคคี - ทุกคนมีส่วนร่วม - รวมความคิดสร้างสรรค์ - ให้ความสำคัญศิลปกรรม - รักษาวัฒนธรรมของชาติ - ประกาศการท่องเที่ยวเพิ่ม - ส่งเสริมความกตัญญู และ - มุ่งเชิดชูพระพุทธศาสนา ดังนั้น เมื่อวันเพ็ญ เดือน ๑๒ หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ มาถึงในทุกๆ ปี ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศต่างก็ร่วมกันจัดงานและมีพิธีลอยกระทงตามความเชื่อถือของแต่ละคน แต่ต้องมีหลักยึดมั่นจึงจะได้ประโยชน์เต็มที่ ในพระพุทธศาสนาสอนหลักเกี่ยวกับศรัทธาความเชื่อว่าถ้าขาดปัญญาขาดวิจารณญาณกำกับ จะกลายเป็นความงมงายทันที ![]() ในโอกาสวันลอยกระทง ได้เวียนมาถึงอีกครั้งในปี ๒๕๕๔ นี้ ขอฝากข้อคิดเพื่อสะกิดไม่ให้หลงทางว่า ถ้าจะบูชาพระเจ้าขอให้เชื่อว่าพระเจ้าทุกพระองค์ดำเนินไปในทางที่ดี และมีพระประสงค์ให้ศาสนิกเจริญรอยตาม และมุ่งละชั่วทำแต่ความดี ถ้าจะถวายการบูชาพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ทรงย้ำว่า การปฏิบัติตามหลักคำสอนเป็นการบูชาที่ประเสริฐที่สุดกว่าการบูชาใดๆ ทั้งปวง ถ้าจะบูชาพระแม่คงคาเป็นการตอบแทนบุญคุณของน้ำ พระแม่คงคาหรือน้ำเป็นสิ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษในตัว คือ เย็น ประสานกันได้สนิท สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกได้ทุกอย่าง ดับกระหาย และให้ความอุดมสมบูรณ์ ว่ากันว่าน้ำทุกหยดซึ่งถือเป็นสายเลือดของพระแม่คงคา ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องปฏิบัติต่อพระองค์เป็นการตอบแทนพระคุณก็คือ ๑. ช่วยกันดูแลแหล่งกำเนิดที่เก็บที่กักน้ำทุกแห่ง ให้สะอาดตามหลักสุขอนามัย ๒. ไม่ปล่อยหรือทิ้งสิ่งปฏิกูลของสกปรกต่างๆ ลงไปในลำน้ำต่างๆ ให้เน่าเสีย ๓. ใช้น้ำอย่างประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย ทั้งน้ำใช้และน้ำดื่ม ๔. สำนึกในคุณค่าของน้ำซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ และสภาพแวดล้อมทั่วไป ๕. ยึดถือคุณสมบัติของน้ำเป็นแนวทางควบคุมจิตใจของตัวเอง ให้สงบเย็น รักสามัคคี พยายาม ชำระล้างสิ่งสกปรกทางกาย วาจา ใจ โดยละชั่ว ทำความดี ชำระจิตใจให้ใสสะอาด ๖. ร่วมสร้างชีวิต สังคม สภาพแวดล้อมทั้งโลก ให้สุขสมร่มเย็นด้วยมือของทุกคนตลอดไป ![]() คำบูชากล่าวก่อนลอยกระทง อะหัง อิมินา ปะทีเปนะ อะสุกายะ นัมมะทายะ นะทิยา ปุลิเน ฐิตัง มุนิโน ปาทะวะลัญชัง อะภิปูชะยามิอะยัง ปะทีเปนะ มุนิโน ปาทะวะลัญชัง ปูชา มัยหัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ สังวัตตะตุ (จะกล่าวเฉพาะคำแปลก็ได้) ข้าพเจ้าขอน้อมบูชา รอยพระพุทธบาท ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทาโน้น ด้วยประทีปนี้ขอให้การบูชารอยพระพุทธบาทนี้ จงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลเพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้า ตลอดกาลนานเทอญ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | webmaster [ 31 ต.ค. 2008, 13:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | |
![]() * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=26453 ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=43935 * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ![]() ![]() ![]() ซึ่งตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ นี้ เป็น - วันพระใหญ่ - วันลอยกระทง - วันสุดท้ายของการทอดกฐิน และ - วันคล้ายวันดับขันธ์ของพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา ค่ะ ![]() ![]() ![]() ...ยังจำที่ท่านสอนได้ถึงทุกวันนี้เลยค่ะ เมื่อวันลอยกระทงเวียนมาถึงในแต่ละปี... |
เจ้าของ: | ฌาณ [ 31 ต.ค. 2008, 14:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี |
กระผมขอลอยก่อนเลยนะครับ ![]() ขออธิษฐานว่า.... ขอให้ ปัญญาแจ่มใส ดุจพระจันทร์วันเพ็ญ อวิชชา ซ่อนเร้น เป็นดุจ เมฆหลุดลอยไป.... ขอให้ถึง นิพพานโดยเร็วไว....ในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ.... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | maw [ 31 ต.ค. 2008, 14:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | ณัฐภรณ์ อินทสุวรรณ [ 01 พ.ย. 2008, 16:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี |
ขอให้โลกสงบสุขดีไหม ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อิชิคาว่า [ 02 พ.ย. 2008, 10:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี |
![]() |
เจ้าของ: | กำลังเพียร [ 02 พ.ย. 2008, 16:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี |
ลอยด้วยคับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ทางเดินที่พ้นทุกข์ [ 03 พ.ย. 2008, 19:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิถีบุญ วิถีธรรม : ลอยกระทง...อธิษฐานอะไรดี |
ขอให้ตัดกิเลสตันหาอุปาทานได้ให้พบพระนิพานในปัจุบันนี้ด้วยเทอญ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |