ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สมเด็จพระสังฆราช (สา) ทรงเคยครองเรือนมีครอบครัวมาก่อน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=61361 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 22 พ.ย. 2021, 17:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | สมเด็จพระสังฆราช (สา) ทรงเคยครองเรือนมีครอบครัวมาก่อน |
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปฐมเจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์เดียว ที่ทรงเคยครองเรือนมีครอบครัวมาก่อน เจ้าพระคุณสมเด็จฯ แม้จะทรงมีพระชาติกำเนิดมาจากสามัญชน แต่ด้วยความรู้ความสามารถทำให้ทรงเป็นที่ยอมรับจากพระมหากษัตริย์ถึง ๒ รัชกาล ด้วยการเป็นศิษย์หลวงในรัชกาลที่ ๔ และสมเด็จพระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕ พระองค์นับเป็นปราชญ์หรืออัจฉริยบุคคลท่านหนึ่ง ทรงสอบได้เปรียญ ๙ ประโยคตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณร นับเป็นสามเณร ๙ ประโยครูปแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนจะทรงถวายตัวเป็น “ศิษย์หลวง” ของพระวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) ต่อมา แม้จะได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะที่ พระอมรโมลี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แต่แล้วพระองค์กลับทรงตัดสินใจลาสิกขาออกไปครองชีวิตฆราวาส เป็นมหาสาอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าทรงลาสิกขาในปีใด เล่ากันว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์จัดงานฉลองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงโปรดให้อาราธนาพระภิกษุที่มีความสามารถมาถวายพระธรรมเทศนา พร้อมกับตั้งพระทัยถวายเครื่องไทยธรรม และเงินติดกัณฑ์เทศน์เป็นจำนวนมากถึง ๑๐ ชั่ง (เงินจำนวนนี้มากอักโขในสมัยนั้น ใครมีเท่ากับเป็นเศรษฐี) ครั้งแรกทรงอาราธนาพระเทพโมลี (ผึ้ง) วัดราชบุรณะ ผู้มีความสามารถในการเทศนาและแต่งหนังสือไทย “ปฐมมาลา” อย่างแตกฉานในสมัยนั้น จนเป็นที่นับถือชื่อเสียงเลื่องลือ แต่พระเทพโมลี (ผึ้ง) ไม่ปรารถนาปัจจัยจำนวนมากมายเช่นนั้นจึงลาสิกขาไปก่อน โดยท่านคิดจะลาสึกอยู่ก่อนแล้ว พอรู้ข่าวล่วงหน้าก็คิดว่า ถ้ารับนิมนต์ไปเทศน์ได้เงินไทยทานมา แล้วไปขอถวายพระพรลาสึก ก็คงไม่งาม อาจจะถูกหาว่า เอาเงินกัณฑ์เทศน์สึกจากพระไปตั้งตัว ก็ร้อนใจ เตรียมการจะขอเข้าไปถวายพระพรลาสึก ทำให้ทรงต้องอาราธนาพระอมรโมลี (สา) คือเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ซึ่งมีความสามารถทัดเทียมกัน แต่ก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกัน คือได้เข้าถวายพระพรขอลาสึก เป็นรูปที่สอง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระพรหมมุนี (แย้ม อุปวิกาโส) เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม รูปที่ ๓ หนึ่งในศิษย์ผู้ใกล้ชิดของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) พระเทพเมธากร หรือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม อุฑาฒิโม) เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม รูปที่ ๔ พระพรหมวัชราจารย์ (พูนศักดิ์ วรภทฺทโก ป.ธ.๘) เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม รูปที่ ๕ รูปปัจจุบัน เมื่อเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงลาสิกขาไปใช้ชีวิตในเพศฆราวาสนั้น เป็นช่วงที่เรื่องราวของพระองค์มิได้ถูกกล่าวถึงอย่างเป็นทางการ มีเพียงเรื่องเล่าในหมู่ศิษยานุศิษย์ใกล้ชิด หรือพระภิกษุสงฆ์ในวัดราชประดิษฐ์บางรูปเท่านั้น ดังที่ ทองอินทร์ แสนรู้ ซึ่งศึกษาวิชาโหราศาสตร์กับ ท่านเจ้าคุณพระเทพเมธากร (ทิม อุฑาฒิโม) (ภายหลังได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระมหาวีรวงศ์) เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม รูปที่ ๔ และได้ทราบเรื่องช่วงชีวิตฆราวาสของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ จากคำบอกเล่าของท่านเจ้าคุณพระเทพเมธากร ว่าทรงเคยเป็นนักเลงแถวหน้าโรงหวยอยู่พักหนึ่ง “ข้าพเจ้ายกครูเรียนโหรจากท่านเจ้าคุณพระเทพเมธากร (ทิม อุฑาฒิโม) เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์ องค์ปัจจุบัน ศิษย์เอกผู้สืบต่อตำราของท่านเจ้าคุณพระพรหมมุนี (แย้ม อุปวิกาโส) ท่านได้พร่ำสอนข้าพเจ้าเสมอว่า วัดราชประดิษฐ์นี้มีอาถรรพ์ สึกออกไปแล้วไม่เสือผู้หญิงก็นักเลงชั้นยอด ท่านไม่เคยให้เหตุผล แต่ท่านชอบเล่าอดีตเหมือนผู้ใหญ่ทั้งหลาย เคยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังถึงความเป็นนักเลงของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ว่า เคยสำเร็จเป็นเปรียญ ๙ ประโยค แล้วสึกออกไปเป็นนักเลงแถวหน้าโรงหวย จนในหลวงรัชกาลที่ ๔ จับบวช และแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชในกาลต่อมา” และยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ในเพศฆราวาสนั้น มหาสาได้ออกไปครองเรือนมีครอบครัว ท่านมีภรรยา ๒ คน จึงเป็นที่มาของสองนามสกุล คือ “ปุสสเทโว” และ “ปุสสเด็จ” ซึ่งทั้งสองนามสกุลนี้ยังมีผู้สืบสกุลในท้องที่จังหวัดนนทบุรีที่ล้วนเป็นเครือญาติกัน ถ้าเป็นดังข้อมูลนี้ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) น่าจะเป็น สมเด็จพระสังฆราชพระองค์เดียวที่ทรงเคยครองเรือนมีครอบครัวมาก่อน ซึ่งนับเป็นความพิเศษอีกประการหนึ่งในพระประวัติ ทว่าสุดท้าย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงติดตามให้มหาสา หรืออดีตพระอมรโมลี (สา) กลับมาอุปสมบทใหม่อีกครั้งที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ ซึ่งตรงกับปีแรกในรัชสมัยของพระองค์ พระรูปหล่อในท่านั่งแสดงพระธรรมเทศนา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประดิษฐาน ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เจดีย์บรรจุอัฐิของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม อุฑาฒิโม) ประดิษฐาน ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงฉลองพระองค์ด้วยพระภูษาขาว ทรงสมาทานอุโบสถศีล ทรงประทานพระธรรมเทศนาแก่ข้าราชบริพารฝ่ายในเนื่องในวันธรรมสวนะ ในวงวิชาการเชื่อกันว่าภาพถ่ายภาพนี้ เป็นภาพเดี่ยวที่ทรงฉายเป็นภาพสุดท้ายในพระชนมชีพ ทรงฉายเมื่อปีเถาะ พุทธศักราช ๒๔๑๐ สันนิษฐานว่าถ่ายโดย พระยากษาปณ์กิจโกศล (โหมด อมาตยกุล) เจ้ากรมกษาปณ์สิทธิการ ชาวไทยคนแรกที่ถ่ายรูปเป็น วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ภาพถ่ายในสมัยรัชกาลที่ ๕ คัดลอกเนื้อหามาจาก...พระประวัติและปฏิปทา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=21489 วัดประจำรัชกาลที่ ๔ : วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19383 ประมวลพระรูป “สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=50368 |
เจ้าของ: | sirinpho [ 20 ก.พ. 2024, 10:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมเด็จพระสังฆราช (สา) ทรงเคยครองเรือนมีครอบครัวมาก่อน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |