ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วิมุตติธรรม (หลวงพ่อชา สุภัทโท) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=45154 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | student [ 12 เม.ย. 2013, 07:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | วิมุตติธรรม (หลวงพ่อชา สุภัทโท) |
วิมุตติธรรม พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โพสท์ในลานธรรมเสวนา หมวด ชีวิตกับธรรมะ กระทู้ 12037 โดย : ตรงประเด็น 12 พ.ค 47 เป็นพระอรหันต์หรือเปล่า ??? โยม : ท่านเป็นพระอรหันต์หรือเปล่าค่ะ??? หลวงปู่ชา : ต้นไม้ผลิดอกออกผล……มีนกมาเกาะกิ่งไม้แล้วจิกกินผลไม้นั้น จะหวานหรือเปรี้ยวเป็นเรื่องของนกที่จะรู้ได้ แต่ต้นไม้ไม่รู้อะไรเลย…… อย่าเป็นพระพุทธเจ้า อย่าเป็นพระอรหันต์ อย่าเป็นพระโพธิสัตว์……อย่าเป็นอะไรเลย การ “เป็นอะไร” ก็มีแต่ความทุกข์เท่านั้นแหละ เราไม่มีความจำเป็นต้องเป็นอะไรสักอย่างหนึ่ง…… (จากอุปลมณี น.551) อย่าเพิ่งใจร้อนรีบละกิเลส พอล : ทำอย่างไรจึงจะละกิเลสได้ครับ??? หลวงปู่ชา : อย่าเพิ่งใจร้อนรีบละกิเลส…..ใจเย็นๆ คอยดูความทุกข์ดูเหตุของมัน “…..ดูให้ดีๆ แล้วจะล่ะมันออกอย่างเต็มที่. เหมือนกับเวลาเรากินอาหารเราเคี้ยวช้าๆ ……เคี้ยวให้ละเอียด.มันจึงย่อยง่ายย่อยได้ดี…. (จากอุปลมณี น.550) พระอรหันต์ตายแล้วไปไหน ในวาระสุดท้ายของชีวิตถ้าหลวงพ่อพูดได้ท่านคงจะเอ่ยอ้างพระสูตรที่ท่านชอบมากที่สุดตอนหนึ่ง…..คือ คำตอบของพระยมกะตอบคำถามของพระสารีบุตรว่า พระสารีบุตร : “ถ้ามีใครถามว่าพระอรหันต์ตายแล้วไปไหน? ท่านจะตอบเขาว่าอย่างไร….” พระยมกะ : “ข้าพเจ้าจะตอบว่า รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเกิดขึ้นแล้วดับไป” ซึ่งในสมัยก่อนเมื่อหลวงปู่ชาอ้างคำนี้ท่านจะหัวเราะเบาๆ ด้วยความพอใจทุกครั้ง…… (จาก.อุปลมณี น.581) ตะกั่วฤาแลกทอง พอลเล่าว่า……คืนนั้นได้ฟังธรรมลึกซึ้งที่สุดที่เคยได้ยินมา นัยน์ตาของหลวงพ่อปิดลงแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น “….แล้วท่านพูดไปเรื่อยๆ ….โดยไม่สนใจว่าพูดกับใคร….มีใครฟัง….มีใครสนใจ….ข้ออรรถข้อธรรมไหลเรื่อยออกมาเหมือน “ “สายน้ำที่ไหลนิ่ง “.คำสอนของหลวงพ่อที่พอลพยายามจำมาถ่ายทอดให้ฟังมีตอนหนึ่งว่า…. “ในความจริง สิ่งที่ต้องละและต้องบำเพ็ญนั้นไม่มี……… สิ่งที่โลกเขาสมมติกันว่าเป็นของจริงมีราคา……สำหรับพระอรหันต์แล้วมันเป็นของปลอมไม่มีค่าเลย….. ฉะนั้นการที่จะให้พระอรหันต์ไปสนใจเรื่องของโลกก็เหมือนกับเอาตะกั่วไปขอแลกกับทองคำ…….. เราคิดแต่ว่าเรามีตะกั่วแท่งใหญ่ๆ ท่านมีทองคำก้อนนิดเดียว…..ทำไมหนอท่านจึงไม่อยากเปลี่ยน….. ทุกวันนี้คนเราจึงมองไม่เห็นพระอรหันต์กัน….” (จากอุปลมณี น.545) การปฏิบัตินั้นไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมาก “ในการปฏิบัติสมถะภาวนา ขั้นอุปจารสมาธินั้น….. กายของเราเปรียบได้ดังไก่ที่ถูกขังไว้ในเล้า…..มันยังเดินวนไปวนมาอยู่ไม่นิ่งไม่หลับไม่ตาย……แต่อยู่ในการเคลื่อนไหวที่อยู่ในการควบคุม ….. ถ้าจิตสงบแล้วก็ให้พิจารณากายดูอาการสามสิบสอง….. ถ้ามันฟุ้งซ่านก็ให้ตามรู้สึกนึกคิดที่จิตเจ้าของปรุงแต่งขึ้นมา…..ให้รู้เท่าทันว่ามันเป็นของไม่เที่ยงเป็นอนัตตาหาตัวตนเรา-เขาไม่ได้….. การปฏิบัตินั้นไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมาก…..เพียงแต่เฝ้าสังเกตดูตรงจุดนี้…..จนเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดแล้วจะได้ปล่อยวางความยึดถือในขันธ์ห้า…. นี่แหละคือจุดมุ่งหมายของการภาวนา” (จากอุปลมณี น.547) ปัญญาเทวทัต วันหนึ่งหลวงพ่ออบรมเรื่องการเจริญมรณสติ (ให้แก่ฝรั่ง) ท่านเตือนให้หมั่นระลึกถึงความตายให้ได้อย่างน้อยวันล่ะสามครั้งเช้าบ่ายดึกก็ยังดี…. พอลได้ออกความเห็นแย้งว่า “…เรื่องความตายนี้มันเหมือนของที่อยู่ไกลจากตัวเรามาก ผมจึงกำหนดไม่ค่อยเป็น…….ถ้ามีภยันตรายมาคุกคามคงจะกำหนดได้ง่ายขึ้น” หลวงปู่ชาจึงย้อนว่า “ภัยมันมีอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกไม่ใช่หรือ” พอลแย้งอีกว่า “….แต่ความตายมันเป็นเรื่องของอนาคต….บางครั้งรู้สึกว่าเราจะอยู่ในโลกนี้จนอายุถึงร้อยปี” หลวงปู่ชาให้คะแนนลูกศิษย์เก่าตกขอบเลยว่า “…นั่นเป็นปัญญาของเทวทัต….” (จากอุปลมณี น.548) ทางเดินของพระ ชอบ “…..ก็ไม่ให้เอา ไม่ชอบ…..ก็ไม่ให้เอา ไม่มีรัก….ไม่มีเกลียด เดินตรงไปหาสัจจธรรม. (จากอุปลมณี น.559) ต้องมีสติเหมือนเบรก ABS…. บางครั้งท่านก็ใช้วิธีอีกวิธีหนึ่งค่อนข้างตลกเช่นตอนออกบิณฑบาตกับท่านท่านก็ชวนคุยไปด้วยเดินไปด้วย บางทีท่านก็แกล้งหยุด …..เมื่อท่านหยุดผู้ที่เดินมาตามหลังเกิดเผลอสติตั้งตัวไม่ทันก็ไปชนท่านเข้า……คนตามหลังมาก็ชนอีก…..บางทีชนหมดทั้งแถวเลยก็มี….. เมื่อกลับถึงวัดถึงเวลาเทศน์อบรมท่านก็ให้ข้อคิดเตือนสติให้มีความระมัดระวังสำรวมสังวร….มีสติในการยืนการเดินการทำอะไรทุกอย่างก็ให้มีสติระมัดระวังมากยิ่งขึ้น…. (จากอุปลมณี) ต้อง....โอปนยิโก หลวงพ่อเคยสอนพระที่แตกฉานในทางปริยัติรูปหนึ่งว่า….. ” …….เอาปริยัติของคุณใส่หีบห่อเก็บไว้เสียอย่าเอามาพูด….. เวลามีอะไรขึ้นมามันไม่เป็นอย่างนั้น….เหมือนกับเราเขียนหนังสือว่าความโลภ เวลามันเกิดขึ้นในใจมันไม่เหมือนกับตัวหนังสือ…..เวลาโกรธก็เหมือนกัน เขียนใส่กระดานดำเป็นอย่างหนึ่งมันเป็นตัวอักษร…..เวลามันอยู่ในใจมันอ่านอะไรไม่ทันหรอก “ …..มันเป็นขึ้นมาที่นี่เลยสำคัญนักสำคัญมาก….. จริงอยู่…..ปริยัติเขียนไว้ถูกแต่ต้อง “โอปนยิโก “….ให้เป็นคนน้อมถ้าไม่น้อมก็ไม่รู้ความจริง…..” (จากอุปลมณี น.206) ตามรู้-ตามดูจิต ที่สำคัญคือตัวรู้ รู้ดีมันก็รู้รู้ชั่วมันก็รู้ รู้สงบมันก็รู้รู้ไม่สงบมันก็รู้ อันนี้คือตัวรู้ พระพุทธเจ้าให้ตามรู้ ตามดูจิตของเรา…. (จากอุปลมณี น.213) ธรรมะสุดยอด ธรรมะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือคำพูด “……คำสอนธรรมะทั้งหลายนั้นมันเป็นคำสมมุติกันขึ้นมาพูด……ตัวธรรมะแท้ๆ นั้นอยู่เหนือคำพูด….. ผู้มีปัญญารู้เห็นธรรมะ……ท่านไม่ต้องการอะไร…..ไม่เอาอะไรอีกแล้ว. เพราะถ้าจะเอาความสุข…..ความสุขมันก็ดับ. ถ้าจะเอาความทุกข์……ความทุกข์มันก็ดับ. จะเอาวัตถุสมบัติข้าวของอะไรต่างๆ ……สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมันก็จะดับเหมือนกัน. แม้นแต่ร่างกายที่คนหวงแหนกันนี้…..เกิดขึ้นแล้วที่สุดแล้วมันก็ดับ. (จากอุปลมณี น.496) คนตายซะ….แต่เอาป่าไว้ ครั้งหนึ่งมีคณะแพทย์เขามากราบเรียนหลวงพ่อว่า “ป่านี้ทึบเกินไปให้ตัดรอนกิ่งไม้ออกบ้างให้โปร่งๆ ลมจะได้เข้าสะดวก” (คนพูดคงมีเจตนาจะช่วยให้อากาศถ่ายเทในวัดหนองป่าพงสะดวก พระเณรจะได้ไม่อาพาธ เพราะในอดีตที่วัดหนองป่าพงเคยมีมาลาเรียระบาดอย่างหนัก) หลวงพ่อตอบว่า ” ตายซะคน เอาป่าไว้ก็พอ” พวกหมอก็พยายามอธิบายโน้มน้าวหว่านล้อมด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับเรื่องป่า…..แต่หลวงพ่อก็ยืนยันเจตนาดั้งเดิม ท่านตอบอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ” พระหรือชีก็ตาม อาตมาเองก็ตาม ตายแล้วก็ตายไป เอาป่าไว้เสียดีกว่า” พวกหมอก็เลยพูดไม่ออกแล้วก็ลากลับ…… (จากอุปลมณี น.113) รักษาสมาธิสิยาก!!! ทำสมาธิ…..คิดว่าทำแล้วหยุด…..ไม่ใช่!!! ต้องมีสติ “……รู้อารมณ์ที่จะมาทำลายสมาธิของเราให้วุ่นวาย…..รู้ตัวอยู่เสมอ….. ทำสมาธิไม่ยากหรอก…… การรักษาสมาธิสิยาก….. เหมือนสร้างบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็เสร็จ…..แต่การรักษาบ้านทำความสะอาดบ้าน……ต้องทำไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต. |
เจ้าของ: | fatcat [ 13 เม.ย. 2013, 03:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิมุตติธรรม (หลวงพ่อชา สุภัทโท) |
Dear Student, Thank you. Your post is worth reading the most. May all the blessing of Buddha, Dhamma, Sangha protect all who are truely practicing Budhhasassana " These, monks, are the seven treasures. The treasure of conviction, the treasure of virtue, the treasure of conscience & concern, the treasure of listening, generosity, & discernment as the seventh treasure. Whoever, man or woman, has these treasures is said not to be poor, has not lived in vain. So conviction & virtue, confidence & Dhamma-vision should be cultivated by the wise, remembering the Buddhas' instruction " |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 13 เม.ย. 2013, 20:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิมุตติธรรม (หลวงพ่อชา สุภัทโท) |
นาน.ๆ มาทีนะพระอาจารย์..อิอิ ผมชอบธรรมะมากเลย...เหมือนกะ..ธรรมศาลา..ยังงัยก็ยังงั้น..เลยครับ |
เจ้าของ: | student [ 14 เม.ย. 2013, 14:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วิมุตติธรรม (หลวงพ่อชา สุภัทโท) |
![]() ขอบคุณท่านมากครับที่เข้ามาอ่าน student ได้ชื่อว่าเป็นผู้เรียนรู้ บางทีออกแนวสงสัยมาก เพื่อนๆในเวปก็ล้วนนำความรู้นำคำสอนของครูบาอาจารย์มาให้อ่านศึกษาอยู่ตลอด แม้studentเองก็เรียนรู้จากที่นี่เป็นส่วนใหญ่ จึงขอยกความดีให้กับเวปธรรมจักรครับ ธรรมะที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น สามารถศึกษาได้จากพุทธบริษัท4 และพระไตรปิฏก ขอให้พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับสัตว์โลกทั้งหลาย ได้เข้ามาพักและมีวาสนามีโอกาสได้เข้าสู่กระแสธรรมเทอญ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |