ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=40067 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 10 พ.ย. 2011, 00:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร |
Quote Tipitaka: พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค [๔๑๘] ธรรม ๕ อย่างที่ควรให้บังเกิดขึ้นเป็นไฉน คือสัมมาสมาธิประ- *กอบด้วยญาณ ๕ ได้แก่ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้มีสุขในปัจจุบัน และ มีสุขเป็นวิบากต่อไป ๑ ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้เป็นอริยะไม่มีอามิส ๑ ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้อันบุรุษผู้ไม่ต่ำช้าเสพแล้ว ๑ ญาณบังเกิด ขึ้นเฉพาะตนว่า สมาธินี้สงบ ประณีต มีปฏิปัสสัทธิอันได้แล้ว ถึงความเป็น ธรรมเอกผุดขึ้น และมิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร ญาณบังเกิดขึ้นเฉพาะตน ว่า ก็เรานั้น มีสติ เข้าสมาธินี้ และมีสติ ออกจากสมาธินี้ ๑ ธรรม ๕ อย่าง เหล่านี้ควรให้บังเกิดขึ้น ฯ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ บรรทัดที่ ๗๒๔๖ - ๗๒๕๓. หน้าที่ ๒๙๘. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0 ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 10 พ.ย. 2011, 12:24 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร | ||
Quote Tipitaka: [๓๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเข้าทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่ง กายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนห้วงน้ำพุ ไม่มีทางระบายน้ำทั้งในทิศตะวันออก ทั้งในทิศตะวันตก ทั้งในทิศเหนือ ทั้งในทิศใต้เลย และฝนก็ยังไม่หลั่งสายน้ำโดยชอบตามฤดูกาล ขณะนั้นแล ธารน้ำเย็นจะพุขึ้นจากห้วงน้ำนั้น แล้วทำห้วงน้ำนั้นเอง ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยน้ำเย็น ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งห้วงน้ำทุกส่วนนั้นที่ น้ำเย็นจะไม่ถูกต้อง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อม ยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความ ดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภาย ในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ กายคตาสติสูตร ที่ ๙ ----------------------------------------------------- เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๔๑๘๒ - ๔๔๙๖. หน้าที่ ๑๗๘ - ๑๙๐. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0 ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | student [ 27 ม.ค. 2012, 13:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร |
หลับอยุ่ เขียน: Quote Tipitaka: [๓๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเข้าทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่ง กายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนห้วงน้ำพุ ไม่มีทางระบายน้ำทั้งในทิศตะวันออก ทั้งในทิศตะวันตก ทั้งในทิศเหนือ ทั้งในทิศใต้เลย และฝนก็ยังไม่หลั่งสายน้ำโดยชอบตามฤดูกาล ขณะนั้นแล ธารน้ำเย็นจะพุขึ้นจากห้วงน้ำนั้น แล้วทำห้วงน้ำนั้นเอง ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยน้ำเย็น ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งห้วงน้ำทุกส่วนนั้นที่ น้ำเย็นจะไม่ถูกต้อง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อม ยังกายนี้แล ให้คลุก เคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนของเธอที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความ ดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภาย ในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ กายคตาสติสูตร ที่ ๙ ----------------------------------------------------- เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๔๑๘๒ - ๔๔๙๖. หน้าที่ ๑๗๘ - ๑๙๐. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=0 ![]() ![]() ![]() อ่านแล้วอิ่มมากครับกับคำสอน แต่มาติดตรงคำว่า เจริญกายคตาสติ เจริญอย่างละเอียดอย่างไรครับ ตอนไม่นั่งสมาธิ เมื่อมอง แต่ไม่เพ่งนะครับ สติมาอยู่กับการมองที่จักษุธาตุจะว่าดวงตาก็ไม่ใช่ครับ แต่เหมือนผัสสะได้เกิดขึ้นที่ัจักษุธาตุ จะว่าตาก็ไม่ใช่ จะว่าภาพตรงหน้าก็ไม่ใช่ เหมือนตาได้ทำงานของเขาแล้ว มีญาณรู้เกิดขึ้น(ว่ามองแล้ว) จริงๆ ผมไม่มีครูสอน ไม่สนิทกับพระองค์ไหน ไม่รู้จักวัดที่สอน และไม่เคยไป จะเรียนด้วยตนเองตลอดด้วยความเพียรของตัวเอง และจับเอาข้อความของเพื่อนๆไปปฏิบัติด้วยความเพียรจริงๆจนเกิดเป็นประสบการณ์ต่างๆ เช่น ประสบการณ์นี้ เช่นเดียวกันกับลมหายใจที่หายใจเข้าแล้วแต่เหมือนมีการต่อเนื่องของญาณรู้ แล้วมาหมดลงที่ญาณรู้ จะปรากฏชัดเจนมากกับลมหายใจและการมอง ส่วนกายส่วนอื่นจะปรากฏตามสติคือจับอยู่ เย็นร้อนอยู่ เป็นต้น ผลของการฝึกแบบนี้ทำให้สังขารสงบลงครับจากภายใน ผมรู้สึกว่ามีอารมณ์เป็นอุเบกขา ไม่เดือดร้อนอะไร เหมือนนั่งสมาธิแล้วจิตสงบลง หาอารมณ์ไม่เจอว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์อะไร จึงอยากถามว่าผู้ที่ได้ญาณวิปัสสนาขั้นที่1 และ2 เป็นอย่างไร อยากถามคุณหลับอยู่ครับ ว่ามีจุดอย่างไรเป็นตัวบอกว่าเป็นญาณวิปัสสนา เพราะถึงอย่างไรผมก็ยังคงต้องศึกษาต่อไปเรื่อยๆ เพียงแต่ผมได้เพิ่มแนวทางปฏิบัติอย่างที่ผมประสบอยู่ให้สม่ำเสมอมากขึ้นเหมือนต้องปฏิบัติทั้งวันครับ แต่ก่อนผมอ่านเยอะ แต่ตอนนี้อ่านน้อยลง เพราะถ้ามาอ่านก็จะเข้ามาอ่านในเวปนี้โดยตรง และถือเอาแนวทางปฏิบัติด้วยการนั่งสมาธิทั้งเช้าเย็น |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 29 ม.ค. 2012, 00:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร |
สภาวะธรรมที่มีที่เป็นธรรมเอกผุดขึ้นตั้งมั่นในภายใน มีได้ตั้งแต่ปฐมฌานจิตขึ้นไปเท่านั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเดียวที่อธิบายได้ตรงที่สุด |
เจ้าของ: | student [ 29 ม.ค. 2012, 15:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร |
ขอบคุณครับ ที่นำเอาธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้ามาให้อ่านเสมอ |
เจ้าของ: | emagthailand [ 31 ม.ค. 2012, 18:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร |
ขอบคุณครับเป็นประโยชน์มากจริง ๆ ![]() |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 03 มี.ค. 2012, 00:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร |
viewtopic.php?f=2&t=40084 |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 03 มี.ค. 2012, 00:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มิใช่ข่มขี่ห้ามด้วยจิตเป็นสสังขาร |
ชัดเจนละเอียดยิ่งขึ้น viewtopic.php?f=7&t=40242 เจริญธรรมแก่ผู้มีฉันทะวิริยะในการอ่าน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |